หลี่ฝางกุมขมับอย่างจนปัญญา จากนั้นถอนหายใจแล้วอธิบาย“เรื่องพวกนี้ฉันยังไงได้ ก็แค่ชื่อเสียง อีกอย่าง ต่อให้เจียเหอมีคู่ครองฐานะเท่าเทียมแล้วยังไง?เขาก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันอยู่ดี เพราะงั้นนายไม่ต้องเป็นห่วงฉัน รักษาตัวให้ดีๆก็พอ”
แม้หลี่ฝางจะซาบซึ้งกับการกระทำที่ปกป้องตนของคิริน ยาโกะ แต่บางสิ่งก็ไม่จำเป็น
เขารู้แล้วว่ายาส่วนผสมอยู่ที่ไหน ตอนนี้ก็แค่ต้องไปขโมยยาส่วนผสมมาจากจวนของนายกรัฐมนตรี จากนั้นเรื่องทุกอย่างในจวนท่านนายพลก็ไม่เกี่ยวอะไรกับตนแล้ว ช่างเจียเหอปะไร
“แต่……”
“นายไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว!ฉันตัดสินใจจะเป็นคู่ครองฐานะเท่าเทียมเจียเหอไปแล้ว และจะจัดงานแต่งในอีกสามวัน”
ตอนแรกคิริน ยาโกะจะพูดบางอย่าง แต่ขณะเขาเพิ่งได้อ้าปาก ท่านนายพลหญิงก็พูดขัดเขาอย่างจริงจัง ถึงขนาดประกาศว่าจะแต่งงานกับเจียเหอในอีกสามวัน
“ไม่ได้เด็ดขาด!ท่านนายพล!”ได้ยินที่ท่านนายพลหญิงพูด คิริน ยาโกะกับจื่อยีก็ร้องออกมาพร้อมกัน
“ท่านนายพล!งานแต่งท่านกับท่านหลี่ยังไม่จัดเลย จะไปแต่งกับท่านเจียเหอก่อนได้ยังไง?นี่มันไม่ถูกต้อง!”
“ท่านนายพล ท่านทำแบบนี้เป็นการผลักให้ท่านหลี่ตกที่นั่งลำบาก!เรื่องที่ท่านจะเป็นคู่ครองฐานะเท่าเทียมของท่านเจียเหอ ก็ทำให้ท่านหลี่อับอายมากพอแล้ว จะใช้งานแต่งให้ท่านหลี่ขายหน้าไปอีกงั้นเหรอ?”
หลังจากหลี่ฝางสั่งสอนเจียเหอแทนคิริน ยาโกะ นับได้ว่าตอนนี้พวกเขาสองคนอยู่ฝ่ายหลี่ฝางแล้ว เห็นท่านนายพลหญิงไม่สนใจความรู้สึกหลี่ฝางเช่นนี้ พวกเขาก็คัดค้านท่านนายพลหญิงโดยไม่สนใจกฎเกณฑ์ที่ผ่านๆมา
คิดไม่ถึงว่าตนจะถูกเด็กสองคนนี้สอน สีหน้าท่านนายพลหญิงเคร่งขรึมขึ้นมาทันที มือทั้งสองกำแน่น พลางพูดด้วยสายตาเย็นชา
“พวกนายคงลืมไปแล้วว่าในจวนท่านนายพลนี้ ใครกันแน่ที่เป็นเจ้านายจริงๆ!ฉันจะทำอะไรต้องผ่านความเห็นด้วยของพวกนายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?เรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้แหละ ใครกล้าคัดค้านก็ฆ่าให้หมด!”
ตอนนี้ท่านนายพลหญิงโมโหมาก เธอเกลียดท่าทีไม่สะทกสะท้านของหลี่ฝางแบบนี้สุดๆ ถึงได้พูดว่าจะจัดงานแต่งกับเจียเหอก่อนด้วยความโกรธ ตอนนี้พูดออกไปแล้ว จะเสียใจภายหลังก็ไม่ได้
อีกทั้งพ่อของเจียเหอก็บอกท่านนายพลหญิงเป็นนัยๆมาตลอด แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ตัวเองจะได้ไม่ต้องไปอยู่ตรงกลางทำอะไรไม่ถูก
เห็นท่านนายพลหญิงโมโห จื่อยีกับคิริน ยาโกะก็ตกใจจนไม่กล้าพูด บรรยากาศในห้องเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที ส่วนหลี่ฝางที่เป็นผู้เกี่ยวข้องกลับยังมีสีหน้าเรียบเฉย
นี่ทำให้ท่านนายพลหญิงยิ่งโมโหเข้าไปอีก มองหลี่ฝางพวกเขาด้วยความโมโห แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินออกไป
“คือ……ท่านหลี่ ท่านรีบตามท่านนายพลไปเถอะ บอกเธอว่าคุณไม่อยากให้ไปเป็นคู่ครองฐานะเท่าเทียมของเจียเหอ”คิริน ยาโกะเห็นท่านนายพลหญิงออกไป ก็ร้อนรนดั่งมดบนหม้อไฟ เร่งให้หลี่ฝางตามท่านนายพลหญิงไป
หลี่ฝางไม่สนใจคำพูดของเขา ยักไหล่ไปมาอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วนั่งลงบนเก้าอีกตัวหนึ่ง ปรับท่าทางเล็กน้อย นั่งแบบไม่มีชีวิตชีวา
“ใครว่าฉันไม่อยาก ฉันเฝ้าภาวนามาก อีกอย่าง ฉันไม่ได้อยากอยู่ในจวนท่านนายพลไปตลอดชีวิต ฉันมีลูกมีภรรยา ฉันไม่ใช่ประเภทผู้ชายชั่วที่ทิ้งลูกทิ้งภรรยา ”
บางทีอาจเป็นเพราะคลุกคลีกับคิริน ยาโกะและจื่อยีมานาน บวกกับพวกเขายังเด็ก ความคิดไร้เดียงสา หลี่ฝางจึงอดไม่ได้ที่จะบอกความคิดที่แท้จริงของเขาออกมา
เมื่อคิริน ยาโกะและจื่อยีได้ยินก็พากันอึ้ง
เรื่องที่หลี่ฝางมีลูกมีภรรยามาก่อน พวกเขาเคยได้ยินแค่ข่าวลือ แต่ไม่ได้คิดจริงจัง นึกว่าคนในจวนพูดกันลอยๆ ทว่าตอนนี้ได้ยินหลี่ฝางพูดออกมาเอง จึงรับไม่ค่อยได้ไปชั่วขณะ
นี่ ท่านนายพลหญิงแย่งผู้ชายงั้นเหรอ?
“เอ่อ……พวกนายไม่ต้องแปลกใจไป ยังไงซะฉันอยู่จวนท่านนายพลนี้ไม่นาน พวกนายไม่ต้องไปผิดใจกับคนอื่นเพราะฉันหรอก”
หลี่ฝางเห็นเด็กสองคนนี้มีท่าทีตกตะลึง จึงพูดพลางเกาหัว
“ท่านหลี่!ประโยคนี้ท่านอย่าพูดมั่วซั่ว!ระวัง……”เมื่อคิริน ยาโกะและจื่อยีได้ยินที่หลี่ฝางก็ตกใจมาก รีบตะโกนห้ามเขาทันที และใช้สายตาบอกเป็นนัยๆให้เขาระวังคนแอบฟัง
หลี่ฝางเห็นพวกเขามุ่งมั่นคิดเพื่อตนอย่างนี้ ก็ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ ยื่นมือไปลูบผมคิริน ยาโกะเบาๆ
“ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว นายรักษาตัวให้หายดีก่อนเถอะ”
พูดจบจู่ๆหลี่ฝางนึกถึงอะไรบางอย่าง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง
“จริงสิ พวกนายรู้ไหมว่าจวนของนายกรัฐมนตรีอยู่ที่ไหน?แล้วจะเข้าไปได้ยังไง?”
เมื่อได้ยินหลี่ฝางสอบถามจวนของนายกรัฐมนตรี สายตาของคิริน ยาโกะและจื่อยีก็เปลี่ยนไป แล้วสบตากัน จากนั้นจื่อยีจึงหันไปมองหลี่ฝางพลางพูด
“จวนของนายกรัฐมนตรีอยู่ไม่ไกลจากจวนท่านนายพล ออกจากจวนแล้วเลี้ยวซ้ายเดินห้ากิโลเมตรก็ถึงแล้ว แต่เหมือนว่าท่านนายพลกับนายกรัฐมนตรีเคยมีความขัดแย้งกันก่อนหน้านี้ ถ้าท่านอยากไปจวนของนายกรัฐมนตรี ท่านนายพลอาจไม่เห็นด้วย”
ความขัดแย้ง?ทำไมท่านนายพลหญิงไม่เคยบอกเขาเรื่องนี้มาก่อน?เธอบอกเองว่าถ้าตนยอมเป็นคู่ครองท่านนายพล จะให้ยาส่วนผสมกับตนไม่ใช่เหรอ?หรือเธอหลอกตน?
“ความขัดแย้งอะไร?”หลี่ฝางถามด้วยความสงสัย
จื่อยียื่นคอออกไปดูด้านนอกก่อน เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครจึงพูดด้วยสีหน้าเป็นความลับสุดๆ
“ผมก็ไม่รู้ว่าข่าวจริงหรือเปล่า ได้ยินมาว่าตอนแรกนายกรัฐมนตรีวางแผนลอบสังหารพ่อแม่ของท่านนายพล จะฆ่าปิดปากแต่ย่าของท่านนายพล เอาชีวิตตัวเองเข้าแลกเพื่อให้ท่านนายพลมีโอกาสหนี”
“ท่านนายพลในวัย16ปีเร่ร่อนอยู่ด้านนอกถึง5ปีเต็ม ฝึกฝนทักษะจนเก่ง จากนั้นกลับมาฆ่าลุงที่พยายามจะแย่งชิงบัลลังก์ แล้วยึดจวนท่านนายพลกลับคืนมา”
“ผมยังได้ยินมาอีกว่า ตอนนั้นท่านนายพลหญิงไปหานายกรัฐมนตรีด้วยตัวเอง ตอนนั้นเกิดเป็นเรื่องใหญ่โต จากนั้นไม่รู้ทำไมถึงจบแบบไม่จบ ในจวนหลายปีมานี้ ท่านนายพลกับนายกรัฐมนตรีไม่ลงรอยเป็นอย่างมาก เวลาทั้งคู่เจอกันต่างไม่มองกันแม้แต่น้อย”
เมื่อได้ยินที่จื่อยีพูด หลี่ฝางก็ขมวดคิ้วเป็นปม ถ้าเป็นอย่างที่จื่อยีพูดจริงๆ งั้นท่านนายพลหญิงก็ไม่มียาส่วนผสมนะสิ ท่านนายพลหญิงหลอกตนมาตั้งแต่ต้นงั้นเหรอ?
แม่ง ไม่ได้ เขาต้องไปถามเรื่องนี้กับผู้หญิงคนนั้นให้รู้เรื่อง ถ้ากำลังหลอกตนอยู่จริงๆ งั้นตลอดหลายวันนี้ตนก็อยู่จวนท่านนายพลอย่างเสียเปล่านะสิ?
หลี่ฝางยิ่งคิดยิ่งโมโห ลุกขึ้นจนเก้าอี้กระเด็นหงายหลัง แล้วเดินออกไป
“เดี๋ยว ท่านหลี่ ท่านจะไปไหน?”การกระทำอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของเขา ทำเอาคิริน ยาโกะและจื่อยีตกใจไปตามๆกัน จึงถามเขาว่าจะไปไหน
“พวกนายสองคนอยู่ที่นี่แหละ ฉันจะไปหาผู้หญิงคนนั้น”หลี่ฝางโบกมือไปมาโดยไม่หันกลับมามอง แล้วก้าวยาวๆออกไป
คิริน ยาโกะและจื่อยีมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นที่เขาพูดถึงคือใคร