NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1382 ฉลองเทศกาล

บทที่ 1382 ฉลองเทศกาล

หลี่ฝางกุมขมับอย่างจนปัญญา จากนั้นถอนหายใจแล้วอธิบาย“เรื่องพวกนี้ฉันยังไงได้ ก็แค่ชื่อเสียง อีกอย่าง ต่อให้เจียเหอมีคู่ครองฐานะเท่าเทียมแล้วยังไง?เขาก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันอยู่ดี เพราะงั้นนายไม่ต้องเป็นห่วงฉัน รักษาตัวให้ดีๆก็พอ”

แม้หลี่ฝางจะซาบซึ้งกับการกระทำที่ปกป้องตนของคิริน ยาโกะ แต่บางสิ่งก็ไม่จำเป็น

เขารู้แล้วว่ายาส่วนผสมอยู่ที่ไหน ตอนนี้ก็แค่ต้องไปขโมยยาส่วนผสมมาจากจวนของนายกรัฐมนตรี จากนั้นเรื่องทุกอย่างในจวนท่านนายพลก็ไม่เกี่ยวอะไรกับตนแล้ว ช่างเจียเหอปะไร

“แต่……”

“นายไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว!ฉันตัดสินใจจะเป็นคู่ครองฐานะเท่าเทียมเจียเหอไปแล้ว และจะจัดงานแต่งในอีกสามวัน”

ตอนแรกคิริน ยาโกะจะพูดบางอย่าง แต่ขณะเขาเพิ่งได้อ้าปาก ท่านนายพลหญิงก็พูดขัดเขาอย่างจริงจัง ถึงขนาดประกาศว่าจะแต่งงานกับเจียเหอในอีกสามวัน

“ไม่ได้เด็ดขาด!ท่านนายพล!”ได้ยินที่ท่านนายพลหญิงพูด คิริน ยาโกะกับจื่อยีก็ร้องออกมาพร้อมกัน

“ท่านนายพล!งานแต่งท่านกับท่านหลี่ยังไม่จัดเลย จะไปแต่งกับท่านเจียเหอก่อนได้ยังไง?นี่มันไม่ถูกต้อง!”

“ท่านนายพล ท่านทำแบบนี้เป็นการผลักให้ท่านหลี่ตกที่นั่งลำบาก!เรื่องที่ท่านจะเป็นคู่ครองฐานะเท่าเทียมของท่านเจียเหอ ก็ทำให้ท่านหลี่อับอายมากพอแล้ว จะใช้งานแต่งให้ท่านหลี่ขายหน้าไปอีกงั้นเหรอ?”

หลังจากหลี่ฝางสั่งสอนเจียเหอแทนคิริน ยาโกะ นับได้ว่าตอนนี้พวกเขาสองคนอยู่ฝ่ายหลี่ฝางแล้ว เห็นท่านนายพลหญิงไม่สนใจความรู้สึกหลี่ฝางเช่นนี้ พวกเขาก็คัดค้านท่านนายพลหญิงโดยไม่สนใจกฎเกณฑ์ที่ผ่านๆมา

คิดไม่ถึงว่าตนจะถูกเด็กสองคนนี้สอน สีหน้าท่านนายพลหญิงเคร่งขรึมขึ้นมาทันที มือทั้งสองกำแน่น พลางพูดด้วยสายตาเย็นชา

“พวกนายคงลืมไปแล้วว่าในจวนท่านนายพลนี้ ใครกันแน่ที่เป็นเจ้านายจริงๆ!ฉันจะทำอะไรต้องผ่านความเห็นด้วยของพวกนายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?เรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้แหละ ใครกล้าคัดค้านก็ฆ่าให้หมด!”

ตอนนี้ท่านนายพลหญิงโมโหมาก เธอเกลียดท่าทีไม่สะทกสะท้านของหลี่ฝางแบบนี้สุดๆ ถึงได้พูดว่าจะจัดงานแต่งกับเจียเหอก่อนด้วยความโกรธ ตอนนี้พูดออกไปแล้ว จะเสียใจภายหลังก็ไม่ได้

อีกทั้งพ่อของเจียเหอก็บอกท่านนายพลหญิงเป็นนัยๆมาตลอด แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ตัวเองจะได้ไม่ต้องไปอยู่ตรงกลางทำอะไรไม่ถูก

เห็นท่านนายพลหญิงโมโห จื่อยีกับคิริน ยาโกะก็ตกใจจนไม่กล้าพูด บรรยากาศในห้องเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที ส่วนหลี่ฝางที่เป็นผู้เกี่ยวข้องกลับยังมีสีหน้าเรียบเฉย

นี่ทำให้ท่านนายพลหญิงยิ่งโมโหเข้าไปอีก มองหลี่ฝางพวกเขาด้วยความโมโห แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินออกไป

“คือ……ท่านหลี่ ท่านรีบตามท่านนายพลไปเถอะ บอกเธอว่าคุณไม่อยากให้ไปเป็นคู่ครองฐานะเท่าเทียมของเจียเหอ”คิริน ยาโกะเห็นท่านนายพลหญิงออกไป ก็ร้อนรนดั่งมดบนหม้อไฟ เร่งให้หลี่ฝางตามท่านนายพลหญิงไป

หลี่ฝางไม่สนใจคำพูดของเขา ยักไหล่ไปมาอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วนั่งลงบนเก้าอีกตัวหนึ่ง ปรับท่าทางเล็กน้อย นั่งแบบไม่มีชีวิตชีวา

“ใครว่าฉันไม่อยาก ฉันเฝ้าภาวนามาก อีกอย่าง ฉันไม่ได้อยากอยู่ในจวนท่านนายพลไปตลอดชีวิต ฉันมีลูกมีภรรยา ฉันไม่ใช่ประเภทผู้ชายชั่วที่ทิ้งลูกทิ้งภรรยา ”

บางทีอาจเป็นเพราะคลุกคลีกับคิริน ยาโกะและจื่อยีมานาน บวกกับพวกเขายังเด็ก ความคิดไร้เดียงสา หลี่ฝางจึงอดไม่ได้ที่จะบอกความคิดที่แท้จริงของเขาออกมา

เมื่อคิริน ยาโกะและจื่อยีได้ยินก็พากันอึ้ง

เรื่องที่หลี่ฝางมีลูกมีภรรยามาก่อน พวกเขาเคยได้ยินแค่ข่าวลือ แต่ไม่ได้คิดจริงจัง นึกว่าคนในจวนพูดกันลอยๆ ทว่าตอนนี้ได้ยินหลี่ฝางพูดออกมาเอง จึงรับไม่ค่อยได้ไปชั่วขณะ

นี่ ท่านนายพลหญิงแย่งผู้ชายงั้นเหรอ?

“เอ่อ……พวกนายไม่ต้องแปลกใจไป ยังไงซะฉันอยู่จวนท่านนายพลนี้ไม่นาน พวกนายไม่ต้องไปผิดใจกับคนอื่นเพราะฉันหรอก”

หลี่ฝางเห็นเด็กสองคนนี้มีท่าทีตกตะลึง จึงพูดพลางเกาหัว

“ท่านหลี่!ประโยคนี้ท่านอย่าพูดมั่วซั่ว!ระวัง……”เมื่อคิริน ยาโกะและจื่อยีได้ยินที่หลี่ฝางก็ตกใจมาก รีบตะโกนห้ามเขาทันที และใช้สายตาบอกเป็นนัยๆให้เขาระวังคนแอบฟัง

หลี่ฝางเห็นพวกเขามุ่งมั่นคิดเพื่อตนอย่างนี้ ก็ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ ยื่นมือไปลูบผมคิริน ยาโกะเบาๆ

“ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว นายรักษาตัวให้หายดีก่อนเถอะ”

พูดจบจู่ๆหลี่ฝางนึกถึงอะไรบางอย่าง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง

“จริงสิ พวกนายรู้ไหมว่าจวนของนายกรัฐมนตรีอยู่ที่ไหน?แล้วจะเข้าไปได้ยังไง?”

เมื่อได้ยินหลี่ฝางสอบถามจวนของนายกรัฐมนตรี สายตาของคิริน ยาโกะและจื่อยีก็เปลี่ยนไป แล้วสบตากัน จากนั้นจื่อยีจึงหันไปมองหลี่ฝางพลางพูด

“จวนของนายกรัฐมนตรีอยู่ไม่ไกลจากจวนท่านนายพล ออกจากจวนแล้วเลี้ยวซ้ายเดินห้ากิโลเมตรก็ถึงแล้ว แต่เหมือนว่าท่านนายพลกับนายกรัฐมนตรีเคยมีความขัดแย้งกันก่อนหน้านี้ ถ้าท่านอยากไปจวนของนายกรัฐมนตรี ท่านนายพลอาจไม่เห็นด้วย”

ความขัดแย้ง?ทำไมท่านนายพลหญิงไม่เคยบอกเขาเรื่องนี้มาก่อน?เธอบอกเองว่าถ้าตนยอมเป็นคู่ครองท่านนายพล จะให้ยาส่วนผสมกับตนไม่ใช่เหรอ?หรือเธอหลอกตน?

“ความขัดแย้งอะไร?”หลี่ฝางถามด้วยความสงสัย

จื่อยียื่นคอออกไปดูด้านนอกก่อน เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครจึงพูดด้วยสีหน้าเป็นความลับสุดๆ

“ผมก็ไม่รู้ว่าข่าวจริงหรือเปล่า ได้ยินมาว่าตอนแรกนายกรัฐมนตรีวางแผนลอบสังหารพ่อแม่ของท่านนายพล จะฆ่าปิดปากแต่ย่าของท่านนายพล เอาชีวิตตัวเองเข้าแลกเพื่อให้ท่านนายพลมีโอกาสหนี”

“ท่านนายพลในวัย16ปีเร่ร่อนอยู่ด้านนอกถึง5ปีเต็ม ฝึกฝนทักษะจนเก่ง จากนั้นกลับมาฆ่าลุงที่พยายามจะแย่งชิงบัลลังก์ แล้วยึดจวนท่านนายพลกลับคืนมา”

“ผมยังได้ยินมาอีกว่า ตอนนั้นท่านนายพลหญิงไปหานายกรัฐมนตรีด้วยตัวเอง ตอนนั้นเกิดเป็นเรื่องใหญ่โต จากนั้นไม่รู้ทำไมถึงจบแบบไม่จบ ในจวนหลายปีมานี้ ท่านนายพลกับนายกรัฐมนตรีไม่ลงรอยเป็นอย่างมาก เวลาทั้งคู่เจอกันต่างไม่มองกันแม้แต่น้อย”

เมื่อได้ยินที่จื่อยีพูด หลี่ฝางก็ขมวดคิ้วเป็นปม ถ้าเป็นอย่างที่จื่อยีพูดจริงๆ งั้นท่านนายพลหญิงก็ไม่มียาส่วนผสมนะสิ ท่านนายพลหญิงหลอกตนมาตั้งแต่ต้นงั้นเหรอ?

แม่ง ไม่ได้ เขาต้องไปถามเรื่องนี้กับผู้หญิงคนนั้นให้รู้เรื่อง ถ้ากำลังหลอกตนอยู่จริงๆ งั้นตลอดหลายวันนี้ตนก็อยู่จวนท่านนายพลอย่างเสียเปล่านะสิ?

หลี่ฝางยิ่งคิดยิ่งโมโห ลุกขึ้นจนเก้าอี้กระเด็นหงายหลัง แล้วเดินออกไป

“เดี๋ยว ท่านหลี่ ท่านจะไปไหน?”การกระทำอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของเขา ทำเอาคิริน ยาโกะและจื่อยีตกใจไปตามๆกัน จึงถามเขาว่าจะไปไหน

“พวกนายสองคนอยู่ที่นี่แหละ ฉันจะไปหาผู้หญิงคนนั้น”หลี่ฝางโบกมือไปมาโดยไม่หันกลับมามอง แล้วก้าวยาวๆออกไป

คิริน ยาโกะและจื่อยีมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นที่เขาพูดถึงคือใคร

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท