จื่อยีตกใจจนตัวสั่นไปหมด ถึงขนาดพูดไม่ออก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นท่านนายพลหญิงโกรธขนาดนี้ และเป็นครั้งแรกที่เห็นเธอใช้พลังสิ่งนี้ทำให้เขาที่มีอายุแค่16ปี เกือบสูญเสียความสามารถในการคิดไป
“เอาล่ะ เธอบอกให้นายออกไปก็ออกไปเถอะ ฉันไม่เป็นไร”หลี่ฝางเห็นจื่อยีตัวสั่นริกๆก็ถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วดึงเขาขึ้นจากพื้น บอกเป็นนัยๆให้เขารีบไป
หลังจากจื่อยียืนขึ้นก็มองหลี่ฝางกับท่านนายพลหญิงอย่างไม่วางใจแวบหนึ่ง สุดท้ายเขาก็เดินจากไป ภายใต้สายตาอันหนักแน่นของหลี่ฝาง
“ตอนนี้ไม่มีคนนอกแล้ว คุณให้คำอธิบายกับผมได้แล้วใช่ไหม?”เมื่อจื่อยีออกไป หลี่ฝางจึงหันมามองท่านนายพลหญิงด้วยความเย็นชาพลางถาม
สบตาอันเย็นชาของหลี่ฝาง ท่านนายพลหญิงก็รู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมา สายตาเธอเผยความเจ็บปวดแวบหนึ่ง กัดริมฝีปากล่างและเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นพูดขึ้น
“ฉันยอมรับว่าฉันกับนายกรัฐมนตรีมีความแค้นฝังลึกต่อกัน ตอนนั้นนายกรัฐมนตรีส่งคนมาลอบฆ่าพ่อแม่ฉัน และร่วมมือกับลุงของฉันเพื่อจะฆ่ายกครอบครัว น่าเสียดาย พระเจ้าไม่ยอมรับฉันปล่อยให้ฉันรอด”
“ฉันพึ่งตัวเองในการฝึกฝนความสามารถที่มีในตอนนี้ และพึ่งตัวเองรวบรวมสิ่งที่เป็นของตัวเองกลับมาทีละก้าวๆ หลี่ฝาง ฉันไม่ใช่คนดีอะไร มือฉันเต็มไปด้วยเลือด และใต้เท้าฉันก็เต็มไปด้วยศพจำนวนมาก ”
“คุณจินตนาการไม่ออกหรอก ว่าผู้หญิงคนหนึ่งทำยังกว่าจะได้มาถึงจุดนี้ นี่คือเหตุผลที่ทำให้ฉันกลายเป็นคนเลือดเย็นไร้ความรู้สึก เป็นคนไร้หัวใจ ราชาที่แท้จริงเขาไม่เคยต้องการความรู้สึกหรอกนะ”
“แต่ไม่รู้ทำไม ฉันมีความรู้สึกกับคุณที่แตกต่างไป คุณทำให้หัวใจที่ตายไปแล้วหลายปีของฉันกลับมาเต้นอีกครั้ง ทำให้โลกที่พังทลายไปแล้วของฉันมีชีวิตขึ้นมา”
“ตอนแรกฉันหวังแค่ความสามารถของคุณ เพราะเพียงแค่คุณช่วยฉัน ก็สามารถฆ่าคนชั่วอย่างนายกรัฐมนตรีนั่นได้ ได้แก้แค้นให้พ่อแม่และคนในครอบครัวของฉัน แต่หลังจากนั้นคุณค่อยๆทำให้ฉันใจเต้นขึ้นมา”
“ตอนแรกฉันจะใช้ผลแก้วม่วงหลอกให้คุณอยู่กับฉัน แต่ต่อมาฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นแล้ว ฉันรู้ว่าคุณต้องการผลแก้วม่วงไปกำจัดเทพอ้านในตัวคุณ ดังนั้นหลายวันมานี้ฉันจึงคิดหาวิธี หลอกเอาผลแก้วม่วงมาจากตาแก่นายกรัฐมนตรีนั่นอยู่”
“แต่ที่ฉันเสียใจคือ คุณไม่ได้ชอบฉันสักนิด คุณหลอกฉันมาตลอด ฉันรู้ว่าคุณไม่เคยบอกฉินวี่เฟยพวกเขา ว่าคุณจะมาเป็นคู่ของของฉัน และฉันก็รู้ว่าคุณไม่อยากจัดงานแต่งใหญ่โตกับฉัน เพื่อไม่ให้พวกเขารู้เข้า”
“แต่แม้ฉันรู้ว่าคุณหลอกฉันมาตลอด ฉันก็ยังชอบคุณ คุณไม่รู้หรอกว่าการตายของพ่อแม่ฉัน เป็นความเจ็บปวดที่ใหญ่ที่สุดในใจฉันมาโดยตลอด และวันนี้คุณได้เปิดบาดแผลนั่นออกมาอย่างไร้เมตตา”
ท่านนายพลหญิงพูดคำพูดพวกนี้กับหลี่ฝางด้วยอารมณ์อ่อนไหว ทำเอาหลี่ฝางชะงักไปทันใด
เขาคิดไม่ถึงว่าท่านนายพลหญิงรู้แผนการทั้งหมดของตนแล้ว แถมเธอยังชอบตนเข้าง่ายๆแบบนี้อีก
เห็นๆอยู่ว่าเขามาปราณามความผิดอีกฝ่าย แต่ตอนนี้เป็นแบบนี้ ทำไมเขารู้สึกเหมือนตนทำอะไรผิดต่อท่านนายพลหญิงก็ไม่รู้?
“ในเมื่อคุณรู้มาตลอดว่าผมหลอกคุณ และเป้าหมายของผมคือผลแก้วม่วง งั้นทำไมคุณไม่ปล่อยผมไป?คุณไม่รู้จักคำพูดที่ว่า การฝืนทำอะไรมักไม่มีความสุขเหรอ?อิงจากสถานะและอำนาจของคุณในญี่ปุ่นตอนนี้ มีผู้ชายแบบไหนที่คุณคว้าไม่ได้บ้าง?”
“คุณดูสนมชายในจวนคุณพวกนั้น มีคนไหนบ้างที่ไม่ตั้งตารอให้คุณไปโปรดปรานพวกเขา?ทำไมคุณต้องมีใจให้ผมด้วย?ผมไม่ได้คิดอะไรกับคุณแม้แต่น้อย!”
หลี่ฝางโมโหมากจริงๆ หรือท่านนายพลหญิงคนนี้ชอบความเจ็บปวด?ยิ่งไม่ชอบก็ยิ่งอยากได้?
“แน่นอนฉันรู้ข้อนี้ แต่ฉันจะควบคุมความรู้สึกได้ยังไง?”
เมื่อท่านนายพลหญิงได้ยินกับหูว่าหลี่ฝางไม่รู้สึกอะไรกับตน ก็เจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีแรงกระตุ้นให้ร้องไห้ ขนาดเสียงจะพูดยังแหบแห้ง
หลี่ฝางเห็นท่านนายพลหญิงตาแดงก่ำก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก สิ่งที่เขาทนเห็นไม่ได้มากที่สุดคือผู้หญิงร้องไห้ ถ้าท่านนายพลหญิงร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง
“คุณ……คุณอย่าร้องไห้โอเคไหม?คุณก็รู้ว่าความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้ อีกทั้งผมคิดว่าที่คุณรู้สึกกับผมนั้นไม่ใช่ความชอบ แต่เป็นความเป็นเจ้าของกับไม่ยอมมากกว่า ยิ่งผมไม่อยู่กับคุณ คุณก็ยิ่งอยากได้ผม”
“ดังนั้นผมคิดว่าคุณควรใจเย็นๆก่อน ปรับอารมณ์หน่อยแล้วค่อยพูด โอเคไหม?”
หลี่ฝางมองท่านนายพลหญิงพลางขมวดคิ้วเป็นปม พยายามทำให้เธอสงบลงจากอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้
แต่ยิ่งเขาทำแบบนี้ ท่านนายพลหญิงยิ่งรู้สึกไม่เป็นธรรมและเจ็บปวด น้ำตาที่กลั้นไว้ได้ในตอนแรกก็เอ่อล้น และร้องไห้ออกมาทันที อีกทั้งยิ่งร้องก็ยิ่งรุนแรงขึ้นแบบหยุดไม่ได้
เห็นเธอร้องไห้โฮอยู่ตรงนั้น หลี่ฝางก็ปวดหัวขึ้นมาทันที ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นล้วงทิชชู่ออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้
“คุณรีบเช็ดน้ำตาซะ ไม่ต้องร้องแล้ว คุณเป็นแบบนี้เดี๋ยวก็แห่กันมาทั้งจวน ถ้าพวกเขาเห็นเข้าคงคิดว่าผมทำเรื่องอะไรที่ไม่ควรทำกับคุณเอา”
ท่านนายพลหญิงได้ยินที่เขาพูดก็ทำเสียงเหอะ ปัดทิชชู่ในมือหลี่ฝางลงพื้น ไม่ฟังที่เขาพูด ร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ
หลี่ฝางทั้งโกรธทั้งจนปัญญากับท่าทีไม่มีเหตุผลเช่นนั้น นั่งยองลงพลางหยิบทิชชู่ขึ้นมา จากนั้นดึงออกมาแผ่นหนึ่งแล้วเช็ดน้ำตาให้เธออย่างงุ่มง่าม
“เอาล่ะๆ ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ถ้าคุณยังร้องไห้อีกผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
เมื่อได้ยินว่าหลี่ฝางจะไป ท่านนายพลหญิงก็ร้อนใจร้องไห้หนักว่าเก่าอีก
“คุณ……คุณจะไปไหน?คุณ……คุณห้าม……ห้ามไป……”
เสียงร้องไห้ของท่านนายพลหญิงค่อยๆก้องออกไป หลี่ฝางเห็นคนเริ่มเดินมาทางนี้ ภายใต้ความวิตกกังวล ก็รีบปิดปากท่านนายพลหญิงทันที
ริมฝีปากนุ่มสัมผัสฝ่ามือหลี่ฝาง ทำเอาเขาสั่นอย่างอดไม่ได้ ท่านนายพลหญิงก็ตกใจกับการเข้าใกล้อย่างกะทันหันของเขา จนลืมร้องไห้
เงาคนไกลๆไม่ได้ยินเสียงคนร้องไห้ ก็ชะเง้อมองมาทางด้านนี้ขณะอยู่กับที่ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นปกติแล้วจึงกลับ
เมื่อเห็นว่าคนคนนั้นกลับไปแล้ว หลี่ฝางจึงค่อยๆคลายมือออก แต่ขณะเขากำลังถอยไปด้านหลัง เพื่อเว้นระยะห่างของตนกับท่านนายพลหญิง จู่ๆท่านนายพลหญิงก็กอดเขาไว้
หลี่ฝางตกใจยกแขนขึ้นทั้งสองข้าง ไม่กล้าแตะต้องตัวเธอแม้แต่น้อย