NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1384 จากไป

บทที่ 1384 จากไป

จื่อยีตกใจจนตัวสั่นไปหมด ถึงขนาดพูดไม่ออก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นท่านนายพลหญิงโกรธขนาดนี้ และเป็นครั้งแรกที่เห็นเธอใช้พลังสิ่งนี้ทำให้เขาที่มีอายุแค่16ปี เกือบสูญเสียความสามารถในการคิดไป

“เอาล่ะ เธอบอกให้นายออกไปก็ออกไปเถอะ ฉันไม่เป็นไร”หลี่ฝางเห็นจื่อยีตัวสั่นริกๆก็ถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วดึงเขาขึ้นจากพื้น บอกเป็นนัยๆให้เขารีบไป

หลังจากจื่อยียืนขึ้นก็มองหลี่ฝางกับท่านนายพลหญิงอย่างไม่วางใจแวบหนึ่ง สุดท้ายเขาก็เดินจากไป ภายใต้สายตาอันหนักแน่นของหลี่ฝาง

“ตอนนี้ไม่มีคนนอกแล้ว คุณให้คำอธิบายกับผมได้แล้วใช่ไหม?”เมื่อจื่อยีออกไป หลี่ฝางจึงหันมามองท่านนายพลหญิงด้วยความเย็นชาพลางถาม

สบตาอันเย็นชาของหลี่ฝาง ท่านนายพลหญิงก็รู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมา สายตาเธอเผยความเจ็บปวดแวบหนึ่ง กัดริมฝีปากล่างและเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นพูดขึ้น

“ฉันยอมรับว่าฉันกับนายกรัฐมนตรีมีความแค้นฝังลึกต่อกัน ตอนนั้นนายกรัฐมนตรีส่งคนมาลอบฆ่าพ่อแม่ฉัน และร่วมมือกับลุงของฉันเพื่อจะฆ่ายกครอบครัว น่าเสียดาย พระเจ้าไม่ยอมรับฉันปล่อยให้ฉันรอด”

“ฉันพึ่งตัวเองในการฝึกฝนความสามารถที่มีในตอนนี้ และพึ่งตัวเองรวบรวมสิ่งที่เป็นของตัวเองกลับมาทีละก้าวๆ หลี่ฝาง ฉันไม่ใช่คนดีอะไร มือฉันเต็มไปด้วยเลือด และใต้เท้าฉันก็เต็มไปด้วยศพจำนวนมาก ”

“คุณจินตนาการไม่ออกหรอก ว่าผู้หญิงคนหนึ่งทำยังกว่าจะได้มาถึงจุดนี้ นี่คือเหตุผลที่ทำให้ฉันกลายเป็นคนเลือดเย็นไร้ความรู้สึก เป็นคนไร้หัวใจ ราชาที่แท้จริงเขาไม่เคยต้องการความรู้สึกหรอกนะ”

“แต่ไม่รู้ทำไม ฉันมีความรู้สึกกับคุณที่แตกต่างไป คุณทำให้หัวใจที่ตายไปแล้วหลายปีของฉันกลับมาเต้นอีกครั้ง ทำให้โลกที่พังทลายไปแล้วของฉันมีชีวิตขึ้นมา”

“ตอนแรกฉันหวังแค่ความสามารถของคุณ เพราะเพียงแค่คุณช่วยฉัน ก็สามารถฆ่าคนชั่วอย่างนายกรัฐมนตรีนั่นได้ ได้แก้แค้นให้พ่อแม่และคนในครอบครัวของฉัน แต่หลังจากนั้นคุณค่อยๆทำให้ฉันใจเต้นขึ้นมา”

“ตอนแรกฉันจะใช้ผลแก้วม่วงหลอกให้คุณอยู่กับฉัน แต่ต่อมาฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นแล้ว ฉันรู้ว่าคุณต้องการผลแก้วม่วงไปกำจัดเทพอ้านในตัวคุณ ดังนั้นหลายวันมานี้ฉันจึงคิดหาวิธี หลอกเอาผลแก้วม่วงมาจากตาแก่นายกรัฐมนตรีนั่นอยู่”

“แต่ที่ฉันเสียใจคือ คุณไม่ได้ชอบฉันสักนิด คุณหลอกฉันมาตลอด ฉันรู้ว่าคุณไม่เคยบอกฉินวี่เฟยพวกเขา ว่าคุณจะมาเป็นคู่ของของฉัน และฉันก็รู้ว่าคุณไม่อยากจัดงานแต่งใหญ่โตกับฉัน เพื่อไม่ให้พวกเขารู้เข้า”

“แต่แม้ฉันรู้ว่าคุณหลอกฉันมาตลอด ฉันก็ยังชอบคุณ คุณไม่รู้หรอกว่าการตายของพ่อแม่ฉัน เป็นความเจ็บปวดที่ใหญ่ที่สุดในใจฉันมาโดยตลอด และวันนี้คุณได้เปิดบาดแผลนั่นออกมาอย่างไร้เมตตา”

ท่านนายพลหญิงพูดคำพูดพวกนี้กับหลี่ฝางด้วยอารมณ์อ่อนไหว ทำเอาหลี่ฝางชะงักไปทันใด

เขาคิดไม่ถึงว่าท่านนายพลหญิงรู้แผนการทั้งหมดของตนแล้ว แถมเธอยังชอบตนเข้าง่ายๆแบบนี้อีก

เห็นๆอยู่ว่าเขามาปราณามความผิดอีกฝ่าย แต่ตอนนี้เป็นแบบนี้ ทำไมเขารู้สึกเหมือนตนทำอะไรผิดต่อท่านนายพลหญิงก็ไม่รู้?

“ในเมื่อคุณรู้มาตลอดว่าผมหลอกคุณ และเป้าหมายของผมคือผลแก้วม่วง งั้นทำไมคุณไม่ปล่อยผมไป?คุณไม่รู้จักคำพูดที่ว่า การฝืนทำอะไรมักไม่มีความสุขเหรอ?อิงจากสถานะและอำนาจของคุณในญี่ปุ่นตอนนี้ มีผู้ชายแบบไหนที่คุณคว้าไม่ได้บ้าง?”

“คุณดูสนมชายในจวนคุณพวกนั้น มีคนไหนบ้างที่ไม่ตั้งตารอให้คุณไปโปรดปรานพวกเขา?ทำไมคุณต้องมีใจให้ผมด้วย?ผมไม่ได้คิดอะไรกับคุณแม้แต่น้อย!”

หลี่ฝางโมโหมากจริงๆ หรือท่านนายพลหญิงคนนี้ชอบความเจ็บปวด?ยิ่งไม่ชอบก็ยิ่งอยากได้?

“แน่นอนฉันรู้ข้อนี้ แต่ฉันจะควบคุมความรู้สึกได้ยังไง?”

เมื่อท่านนายพลหญิงได้ยินกับหูว่าหลี่ฝางไม่รู้สึกอะไรกับตน ก็เจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีแรงกระตุ้นให้ร้องไห้ ขนาดเสียงจะพูดยังแหบแห้ง

หลี่ฝางเห็นท่านนายพลหญิงตาแดงก่ำก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก สิ่งที่เขาทนเห็นไม่ได้มากที่สุดคือผู้หญิงร้องไห้ ถ้าท่านนายพลหญิงร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง

“คุณ……คุณอย่าร้องไห้โอเคไหม?คุณก็รู้ว่าความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้ อีกทั้งผมคิดว่าที่คุณรู้สึกกับผมนั้นไม่ใช่ความชอบ แต่เป็นความเป็นเจ้าของกับไม่ยอมมากกว่า ยิ่งผมไม่อยู่กับคุณ คุณก็ยิ่งอยากได้ผม”

“ดังนั้นผมคิดว่าคุณควรใจเย็นๆก่อน ปรับอารมณ์หน่อยแล้วค่อยพูด โอเคไหม?”

หลี่ฝางมองท่านนายพลหญิงพลางขมวดคิ้วเป็นปม พยายามทำให้เธอสงบลงจากอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้

แต่ยิ่งเขาทำแบบนี้ ท่านนายพลหญิงยิ่งรู้สึกไม่เป็นธรรมและเจ็บปวด น้ำตาที่กลั้นไว้ได้ในตอนแรกก็เอ่อล้น และร้องไห้ออกมาทันที อีกทั้งยิ่งร้องก็ยิ่งรุนแรงขึ้นแบบหยุดไม่ได้

เห็นเธอร้องไห้โฮอยู่ตรงนั้น หลี่ฝางก็ปวดหัวขึ้นมาทันที ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นล้วงทิชชู่ออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้

“คุณรีบเช็ดน้ำตาซะ ไม่ต้องร้องแล้ว คุณเป็นแบบนี้เดี๋ยวก็แห่กันมาทั้งจวน ถ้าพวกเขาเห็นเข้าคงคิดว่าผมทำเรื่องอะไรที่ไม่ควรทำกับคุณเอา”

ท่านนายพลหญิงได้ยินที่เขาพูดก็ทำเสียงเหอะ ปัดทิชชู่ในมือหลี่ฝางลงพื้น ไม่ฟังที่เขาพูด ร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ

หลี่ฝางทั้งโกรธทั้งจนปัญญากับท่าทีไม่มีเหตุผลเช่นนั้น นั่งยองลงพลางหยิบทิชชู่ขึ้นมา จากนั้นดึงออกมาแผ่นหนึ่งแล้วเช็ดน้ำตาให้เธออย่างงุ่มง่าม

“เอาล่ะๆ ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ถ้าคุณยังร้องไห้อีกผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”

เมื่อได้ยินว่าหลี่ฝางจะไป ท่านนายพลหญิงก็ร้อนใจร้องไห้หนักว่าเก่าอีก

“คุณ……คุณจะไปไหน?คุณ……คุณห้าม……ห้ามไป……”

เสียงร้องไห้ของท่านนายพลหญิงค่อยๆก้องออกไป หลี่ฝางเห็นคนเริ่มเดินมาทางนี้ ภายใต้ความวิตกกังวล ก็รีบปิดปากท่านนายพลหญิงทันที

ริมฝีปากนุ่มสัมผัสฝ่ามือหลี่ฝาง ทำเอาเขาสั่นอย่างอดไม่ได้ ท่านนายพลหญิงก็ตกใจกับการเข้าใกล้อย่างกะทันหันของเขา จนลืมร้องไห้

เงาคนไกลๆไม่ได้ยินเสียงคนร้องไห้ ก็ชะเง้อมองมาทางด้านนี้ขณะอยู่กับที่ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นปกติแล้วจึงกลับ

เมื่อเห็นว่าคนคนนั้นกลับไปแล้ว หลี่ฝางจึงค่อยๆคลายมือออก แต่ขณะเขากำลังถอยไปด้านหลัง เพื่อเว้นระยะห่างของตนกับท่านนายพลหญิง จู่ๆท่านนายพลหญิงก็กอดเขาไว้

หลี่ฝางตกใจยกแขนขึ้นทั้งสองข้าง ไม่กล้าแตะต้องตัวเธอแม้แต่น้อย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท