NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1403 กวางขาว

บทที่ 1403 กวางขาว

หลี่ฝางถอนหายใจ พลางมองชิราอิชิ ฮานาซากิด้วยสายที่เย็นชาขึ้นมาหลายระดับ

“นี่เป็นเรื่องในครอบครัวฉัน ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ จะให้พูด ชีวิตของฉันขึ้นอยู่กับฉันไม่ใช่อยู่ที่สวรรค์ เธอคิดว่าฉันหลี่ฝางจะยอมจำนนต่อกฎสวรรค์ไร้สาระนี้งั้นเหรอ? ชิราอิชิ ฮานาซากิ ฉันถือว่าที่เธอเคยช่วยฉัน ครั้งนี้ฉันจะไม่เอาความเธอ แต่รบกวนเธอมาจากที่ไหนก็กลับไปที่นั่น อย่าได้มารังควานชีวิตฉันกับครอบครัวของฉัน”

“ไม่ว่าเธอจะเก่งขนาดไหน ในสายตาของฉันหลี่ฝาง ฉินวี่เฟยกับหยางฉงพวกเธอถึงจะเป็นคนที่คุ้มค่าที่ฉันหลี่ฝางคนนี้จะชอบ ฉันหวังว่าเธอจะเคารพและรักในตัวเองหน่อย อย่าทำเรื่องอะไรให้ตัวเองไร้ค่าเลย”

พอพูดประโยคนี้จบ หลี่ฝางก็เดินไปที่ข้างกายฉินวี่เฟยกับหยางฉง ดึงพวกเธอเดินมาด้านข้าง จากนั้นก็พูดด้วยนัยน์ตาที่หนักแน่นสุดๆ

“วี่เฟย เสี่ยวฉง ฉันรู้ว่าตอนนี้ในใจพวกเธอคิดอะไร พวกเธอฟังฉันพูดนะ ห้ามคิดเองเออเองไปไกล ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะไม่ทิ้งพวกเธอไปยังอีกโลกหรอก ไม่มีใครสามารถที่จะยับยั้งไม่ให้ใครทำอะไรได้ ถ้าหากกฎสวรรค์นั่นจะมาขวางฉัน งั้นฉันก็ไม่ติดที่จะเปลี่ยนกฎเกณฑ์ไร้สาระนั่นซะ”

หลี่ฝางพูดอย่างมีพลัง และทรงพลังมาก ครู่เดียว ก็ทำให้ความกังวลในใจของฉินวี่เฟยกับหยางฉงสงบลงไปได้ ราวกับกินยาสงบจิตใจ

“พวกเราเข้าใจแล้ว นายวางใจเถอะ ไม่ว่านายจะตัดสินใจยังไง พวกเราก็จะสนับสนุนนาย”

ฉินวี่เฟยจับมือหลี่ฝางแน่น และพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นสุดๆ

เธอรู้ว่าอายุขัยของหลี่ฝางยาวกว่าตนเองมากๆ แม้ว่าหลังจากที่ตนตายจากไปนานมากๆ รูปลักษณ์ของหลี่ฝางก็คงไม่เปลี่ยนไปมากเท่าไหร่

แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอเปลี่ยนแปลงได้ เธอต้องการแค่ในตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่หลี่ฝางเป็นคนเดียวในใจเธอเท่านั้น เรื่องหลังจากที่เธอตาย เธอไม่อยากคิดให้มากความ

“พี่หลี่ฝาง พี่ต้องกลับมาเร็วๆ นะ ฉันกับผิงอันจะรอพี่นะ”

หยางฉงเขย่งปลายเท้าและหอมแก้มหลี่ฝางเบาๆ พลางพูดด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจากกัน

“ได้ เป็นเด็กดีรอฉันกลับมานะ” หลี่ฝางยื่นมือออกไปลูบผมของหยางฉง ในดวงตาก็มีความไม่อยากจากไปเช่นกัน

เขาไปครั้งนี้อาจจะไปนานหน่อย หลังจากที่เขาเตรียมตัวกำจัดเทพอ้านเสร็จ ก็จะไปหาหลี่ต๋าคางเลย ไม่ว่ายังไง เขาก็ต้องพาหลี่ต๋าคางกลับมาให้ได้

“หลี่ฝาง!พวกเราเป็นไปไม่ได้จริงๆเลยงั้นเหรอ?” ชิราอิชิ ฮานาซากิที่มองดูทั้งสามพลอดรักกันอยู่ไม่ไกล นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยความเหงาหงอย ในตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินสุดๆ จนรู้สึกเสียใจที่มาหาหลี่ฝางถึงประเทศจีน

“ชิราอิชิ ฮานาซากิ พวกเราไม่เหมาะสมกัน แล้วก็ข้างกายเธอก็ไม่ได้ขาดคนที่รักเธอ มีบางคนแอบรักเธอมาโดยตลอด ขอแค่เธอหันหลังกลับไปมองก็จะเห็น อย่าเอาแต่หมกมุ่นกับสิ่งที่ไม่มีวันได้มา แต่ให้รักษาสิ่งที่มีอยู่ไว้ให้ดีๆ ”

หลี่ฝางมองชิราอิชิ ฮานาซากิ และพูดกล่อมอย่างจริงจัง

ถึงแม้เขาจะอยู่ที่จวนท่านนายพลได้ไม่นาน แต่ก็พอมองออก ในใจพวกสนมชายในจวนท่านนายพลต่างก็มีชิราอิชิ ฮานาซากิอยู่

ถึงยังไงแค้นของชิราอิชิ ฮานาซากิก็ชำระเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เธอสามารถให้ชีวิตตามใจตัวเองได้แล้ว แทนที่จะเฝ้าดูผู้ชายคนหนึ่งตลอดทั้งชีวิต สู้กล่อมให้เธอหันกลับไปมองคนที่รักเธอพวกนั้นดีกว่า

หลังจากชิราอิชิ ฮานาซากิได้ยินคำพูดของหลี่ฝาง ในหัวก็มีใบหน้าของพกฮวาเหลียนแว๊บขึ้นมา นัยน์ตาสั่นอยู่ครู่ และอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าความรู้สึกที่ตนมีให้หลี่ฝางนั้นคือความชอบหรือแค่อยากเป็นเจ้าของเท่านั้น

“เอาล่ะ ฉันจะไปแล้ว ชิราอิชิ ฮานาซากิ ขอให้เธอมีความสุข”

หลี่ฝางมองชิราอิชิ ฮานาซากิที่ชะงักนิ่งอยู่กับที่ พลางถอนหายใจเบาๆ และหันไปโบกมือให้กับพวกฉินวี่เฟย จากนั้นก็พาส้าวส้วย กู่ยี่เทียนพวกเขาหลายคนขึ้นเครื่องไป

ไม่นานจากเมืองตงไห่ก็มาถึงสนามบินชีหนัน เมื่อออกจากประตูใหญ่สนามบินชีหนัน ไป๋เห้อก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนด้วยสีหน้ามืดมน

อย่างแรกเขามองส้าวส้วยอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นก็คว้าข้อมือของไป๋หลินอาไว้พลางพูด

“ไป๋หลิน เธอถึงขั้นกล้าลงจากเขามาโดยพลการ!เธอรู้มั้ยว่าเธอกำลังแหกกฎภูเขาของเซียนผู้ยิ่งใหญ่นะ กลับไปต้องลงโทษอย่างหนัก!”

ไป๋หลินมองไป๋เห้อที่โกรธเกรี้ยว และอ้าปากอยากที่จะอธิบาย แต่ก็ไม่ทันได้พูด กลับถูกแรงกระชากไป

ร่างของเธอกระแทกไปที่อ้อมแขนของส้าวส้วยอย่างแรง ออร่าที่เป็นเอกลักษณ์ของส้าวส้วยพุ่งออกมา ทำให้หน้าของไป๋หลินแดงขึ้นมาทันที

“ฝั่งท่านเซียนผู้ยิ่งใหญ่ฉันจะไปอธิบายเอง ฉันเป็นคนพาไป๋หลินลงมาจากเขา บทลงโทษทุกอย่างมีฉันรับไว้เอง”

ส้าวส้วยสบตาไป๋เห้ออย่างไม่เกรงกลัว หวงปกป้องผู้หญิงของตน ทั้งสองสบตากันและปะทะกันผ่านสายตา ทันใดนั้นบรรยากาศรอบๆ ก็เต็มไปด้วยความรุนแรง

ไป๋หลินเห็นพวกเขาสองคนทำท่าเหมือนจะสู้กัน ก็ลนลานสุดๆ หลี่ฝางมองพวกเขาอย่างนิ่งๆ จากนั้นก็เดินขึ้นหน้าไป ยืนระหว่างกลางพวกเขาสองคน ขัดขวางสายตาของพวกเขา

“พอแล้ว มีเรื่องอะไรขึ้นเขาไปค่อยว่ากัน”

ไป๋เห้อแต่เดิมก็ไม่ได้เห็นหลี่ฝางอยู่ในสายตา แต่ตอนที่เขาไปตรวจสอบความสามารถของหลี่ฝาง กลับพบว่าตัวเองดันมองไม่ทะลุแดนของหลี่ฝาง นี่ทำให้เขาช็อกหนักมาก

“นายถึงขั้นบรรลุแดนดั่งเทพแล้ว? !” ไป๋เห้อมองหลี่ฝางด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ นี่เป็นไปได้ยังไง ก่อนหน้านี้เดือนนึงยังเห็นๆ อยู่ว่าหลี่ฝางยังเป็นครึ่งเทพ การเลื่อนขึ้นนี้มันเร็วไปมั้ย?

“อืม ฉันบรรลุแดนดั่งเทพแล้ว” หลี่ฝางมองไป๋หลินที่ทำตาเบิกกว้าง พลางพยักหน้าด้วยสีหน้านิ่งๆ

ไป๋หลินหึออกมาอย่างไม่พอใจมากๆ จากนั้นก็ปัดแขนเสื้อตน หันไปจ้องส้าวส้วย และหันหลังเดินไป

ส้าวส้วยก็ใช่ว่าจะแกล้งได้ง่ายๆ เขาหรี่ตา และคว้ามือไป๋หลินที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็เดินตามไปอย่างไม่เร็วไม่ช้า

ไป๋หลินตามอยู่ข้างกายส้าวส้วยอย่างติดๆ ใจเต้นรัวราวกับจะถึงคอหอย นี่เป็นครั้งแรกที่ส้าวส้วยปกป้องเธอแบบนี้ และก็เป็นครั้งแรกที่จับมือเธอก่อน มันทำให้ไป๋หลินอดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม

“ชิๆๆ ……กลิ่นอายของความรักสินะ” กู่ยี่เทียนที่มองส้าวส้วยกับไป๋หลินอยู่ด้านหลัง ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจหลี่ฝางมองบนใส่เขา “ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใคร เมื่อกี้ตอนอยู่บนเครื่องบินกอดหงส์แดงจู๋จี๋กันอยู่นั่น”

หลังจากได้ยินหลี่ฝางพูด สีหน้าของกู่ยี่เทียนเห็นได้ชัดว่าแข็งทื่อทันที ปลายหูเริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็กระแอมขึ้นอย่างสนิทการสุดๆ

หลังจากได้ยินคำพูดของหลี่ฝาง ท่าทางของกู่ยี่เทียนเริ่มแข็งกระด้างอย่างเห็นได้ชัด ปลายหูของเขาแดงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ไออย่างผิดปกติ

“อะแฮ่ม……พวกเรารีบไปกันเถอะ อีกแป๊บฟ้าจะมืดแล้ว”

รู้ว่าเขาจงใจเปลี่ยนประเด็น หลี่ฝางก็ขี้เกียจพูดแซะเขาแล้ว หัวเราะขึ้นเสียงเบา จากนั้นก็รีบเดินตามไป

“เอ๋? ทำไมที่นี่ถึงมีกวางสีขาว? นี่มันพันธุ์อะไรเหนี่ย?”

ขณะที่พวกหลี่ฝางมาถึงตีนเขาภูเขาหลิน ก็พบว่ามีกวางตัวสีขาวดุจหิมะยืนอยู่ในแอ่งน้ำตื้นๆ ไม่ไกล บนโลกนี้มีกวางอยู่หลายพันหมื่นสายพันธุ์ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นกวางที่ทั้งตัวเป็นสีขาวล้วน

ขณะที่ทุกคนกำลังสงสัยสุดๆ อยู่นั้น กวางสีขาวตัวนั้นก็ค่อยๆ เดินมาทางหลี่ฝาง ราวกับมนุษย์ ขาหน้าคุกเข่าลงกับพื้น และคำนับหลี่ฝางอย่างเคารพ

“นี่……นี่มันสถานการณ์ไหนเหนี่ย?” หลี่ฝางมองกวางสีขาวเบื้องหน้าตน และถามอย่างประหลาดใจ

“นี่คือกวางทิพย์!ทำไมมันมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่?” ไป๋หลินจ้องกวางขาวอยู่นาน จากนั้นก็ตะโกนออกมาอย่างตกใจ

ทุกคนต่างถูกคำพูดของเธอทำให้ตกใจ พวกเขาคิดไม่ถึงว่ากวางสีขาวเบื้องหน้านี้ก็คือกวางทิพย์

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท