เธอไม่โทษการตัดสินใจของพวกผู้ชายหรอก ในเมื่อเฉินเชียนโหรวออกจะชวนให้หลงใหลขนาดนั้น
แต่มันต้องไม่ใช่กับซูเหิงสิ
เรื่องราวแปดปีที่ผ่านมา เขาน่ารู้ดีที่กว่าใครว่าที่เธอทำอย่างนี้ทั้งหมดเพื่อใครถ้าไม่ใช่เพื่อเขา
ในสายตาของเธอ เธอคิดว่าซูเหิงคนเป็นแค่ผู้ชายคนเดียวเท่านั้นที่ไม่คิดอะไรตื้นๆ
ทว่าเป็นเธอเองที่คิดเองเออเองตั้งแต่แรก
“มาทำไม”
จากที่ดูเหม่อลอยเมื่อครู่เฉินฝานซิงสามารถกลับมาเป็นคนเย็นชาอย่างที่เคยเป็นมาได้ภายในเสี้ยววินาที
เฉินเชียวโหรวขบริมฝีปาก คว้าแขนของซูเหิงเข้ามาจับไว้แน่นด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
เมื่อเห็นเฉินฝานซิงที่ดูเย็นชาและห่างเหินราวกับอยู่ห่างกันพันลี้ ซูเหิงจึงได้ขมวดคิ้วมุ่น
เขาเดินเข้าห้องมาโดยมีเฉินเชียนโหรวคอยยืนอยู่ข้างกายของเขาอย่างหวาดกลัว
“เชียนโหรวค่อยยังชั่วแล้ว วันนี้จะออกจากโรงพยาบาลแล้วเลยอยากจะมาบอกลาเธอเป็นพิเศษ”
เฉินฝานซิงยกยิ้มเย็น “บอกลาอะไร ลาไปตายหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็ไสหัวออกไป”
“ฝานซิง!”
เสียงทุ้มตำหนิ
“เธอเป็นคนชอบพูดจาถากถางคนอื่นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครถูกใครผิดเธอรู้อยู่แก่ใจ คนผิดไม่ใช่เฉินเชียนโหรวมาตั้งแต่แรก เธอ…”
เฉินฝานซิงแหงนหน้ามองอย่างขุ่นมัวด้วยสายตาตำหนิและผิดหวัง
ซูเหิงแทบจะไม่เคยใช้แววตาแบบนี้กับเธอเลย ไม่คิดเลยว่าซูเหิงที่เคยอ่อนโยนยิ่งกว่าอะไรจะกล้าโมโหแล้วขึงตาใส่เธอแบบนี้
แต่พักหลังๆ นี้เขาทำแบบนี้มาสามครั้งแล้ว ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว
เธอนึกว่าตัวเองจะกลับไปเจ็บปวดอย่างที่แล้วๆ มา แต่เปล่าเลย มันกลับด้านชาจนเธอเองก็แปลกใจเหมือนกัน
เฉินฝานซิงวางตะเกียบในมือลง ยกน้ำที่รินไว้ก่อนแล้วขึ้นมาจรดริมฝีปากแล้วดื่มมันเข้าไปอึกหนึ่ง หลังจากนั้นก็ขัดคำพูดของซูเหิงขึ้นอย่างเรียบนิ่ง
“ไม่ใช่เธอแต่เป็นฉัน?”
แก้วน้ำร้อนในมือนั้นทำให้เธอรู้สึกร้อนนิดๆ
เธอหยัดกายขึ้นเดินไปหาทั้งคู่ตรงหน้าอย่างช้าๆ เธอมองไปที่ซูเหิงแล้วคลี่ยิ้มมุมปากจางๆ
“พูดจาถากถางคนอื่น? ถามจริงนายกล่าวหาฉันในฐานะอะไร?”
“ฉัน…” ซูเหิงขยับปากแต่กลับไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
“พี่คะ อย่าโทษพี่เหิงเลยค่ะ ทุกอย่างเป็นความผิดของฉัน…”
เฉินเชียนโหรวยังพูดไม่ทันจบประโยค ทันใดนั้นสายตาของเฉินฝานซิงก็เยียบเย็นราวใบมีดใต้รองเท้าสเกตที่ตอกลงบนหน้าของเธอ
เชียนโหรวชะงักปากลง เวลาเดียวกันร่างกายก็แข็งทื่อไปทั้งตัว
“ทั้งหมดเป็นความผิดของเธออยู่แล้ว! ฉันไม่เคยพูดว่าไม่โทษเธอ!”
เมื่อสั่งเกตเห็นเฉินเชียนโหรวแข็งทื่อไป ซูเหิงจึงได้โอบให้เธอไปหลบอยู่ข้างหลัง “ฝานซิง นี่ไม่ใช่ความผิดของเชียนโหรว ถ้าเธอยากจะโทษก็โทษฉัน…”
เฉินฝานซิงเบนตากลับมายังซูเหิงอีกครั้ง จ้องเขาด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่ยินดียินร้าย เย็นชาและยังด้านช้า
“คิดว่าฉันไม่โทษนาย?”
ซูเหิงคิ้วขมวดเข้าหากันอีกครั้งทันที
“เธอสองคน ใครจะรับผิดแทนใครได้เหรอ”
เม้มปากเข้าหากันอย่างเถียงไม่ออกกับท่าทีบีบคั้นของเธอ
“นายคิดเหรอว่าแค่อยากอยู่ด้วยกันก็จะอยู่ด้วยกันได้? คนเขารู้กันทั่วว่านายเป็นคู่หมั้นของฉัน ส่วนเธอก็ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาวฉัน ว่าที่น้องสาวภรรยากับว่าที่พี่เขยอยู่ด้วยกัน! พวกเธอสองคน…ยังจะมีหน้าพลอดรักกันอย่างเปิดเผยอีกไหม!”
คำพูดของพี่สาวเล่นเอาเฉินเชียนโหรวหน้าถอดสีทันที
สองปีมานี้เธอเพิ่งจะเริ่มมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงได้ไม่นาน แม้ว่าสมัยนี้รักแท้จะอยู่เหนือทุกสิ่ง ทว่ายังคงมีพวกนักจริยธรรมอยู่ดี
ถ้าทั้งสองฝ่ายเกิดไม่พอใจขึ้นมา มันก็ยากที่คนในวงการเดียวกันจะใช้โอกาสนี้โจมตีเธอ
ถึงเวลานั้นคงจะปวดหัวไม่น้อย