ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย – ตอนที่ 101 ให้เวลาเธอได้ปรับตัว / ตอนที่ 102 ป่วย

ตอนที่ 101 ให้เวลาเธอได้ปรับตัว / ตอนที่ 102 ป่วย

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย – ตอนที่ 101 ให้เวลาเธอได้ปรับตัว / ตอนที่ 102 ป่วย
ตอนที่ 101 ให้เวลาเธอได้ปรับตัว

สีหน้าปวดร้าวที่แสดงออกมาอย่างปิดไม่มิดของเฉินฝานซิงเมื่อครู่ทำให้เฉินเชียนโหรวเผลอหลุดรอยยิ้มออกมาอย่างสะใจ

ทว่าเธอกลับยังคงเงยหน้าขึ้นมองซูเหิงด้วยสีหน้าแววตาที่เศร้าหมอง

“พี่เหิง พี่เขา…”

คำพูดติดขัดด้วยความจนใจและความเจ็บปวดที่ท่วมท้นอยู่เต็มปาก

ไม่บอกก็รู้

หัวใจของเขาบีบตัวแน่นยามที่ก้มหน้าลงมองน้ำตาที่ล้นเอ่อบนใบหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้กับเธอ

“รออีกหน่อยนะ ให้เวลาเธออีกสักพัก ฉันจะหาทางชดเชยเธอให้ได้มากที่สุด…”

เชียนโหรวทำได้เพียงกัดฟันพยักหน้า

เงียบไปครู่หนึ่ง เธอก็ได้เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง:

“ไม่รู้ว่าวันนี้พี่เขามายังไงนะคะ พี่เหิง เราไปส่งพี่เขากันเถอะ…”

ซูเหิงมองเธออีกครั้งพลางพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น

ทั้งคู่หันไปหวังจะตามเฉินฝานซิงไป แต่ทว่าเขากลับเห็นภาพๆ หนึ่งที่ปรากฏอยู่ใต้เงาไม้จากที่ไกลๆ นั่นก็คือคนขับรถคนหนึ่งในชุดสูทที่ถูกรีดจนเนี้ยบ เปิดประตูรถด้วยความเคารพ ก่อนจะเชิญเฉินฝานซิงขึ้นไปอย่างระมัดระวัง

เท้าของเขาทั้งคู่หยุดชะงัก แล้วทอดมองไปยังรถคันนั้นด้วยความสงสัย

ตอนที่ซูเหิงมาที่นี่ก็สะดุดตาเข้ากับรถเบนท์ลีย์ที่ดูเรียบหรู

ในตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นรถของสกุลเฉิน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น

“พี่เหิง หลายปีมานี้พี่เขา…เก็บเกี่ยวมาได้ไม่น้อยเลย…”

วันก่อนทุบรถคันละแปดล้านห้า แล้ววันนี้ยังจะเบนท์ลี่ย์ คอนติเนนตัล จีที คันละเจ็ดล้านกว่าอีก

ไหนจะเรื่องในโซเชียลเมื่อวานอีก เวลาสองวันทั้งเนื้อทั้งตัวเธอรวมๆ กันก็ปาเข้าไปยี่สิบล้านได้แล้ว

เงินเดือนของสกุลซูสูงขนาดนั้นเลยหรือ

ลำพังบริษัทพีอาร์ที่เธอดูแลอยู่ก็ไม่น่าจะมีเงินถึงขนาดนั้น?

หรือเพราะเธออยู่กับผู้ชายคนนั้น

คิ้วของเขาหม่นลงเล็กน้อย

เฉินฝานซิงมีเงินเยอะขนาดนั้นเชียว

รถเบนท์ลีย์ที่พวกเขากำลังให้ความสนใจอยู่นั้นค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปจากสายตา เฉินเชียนโหรวได้แต่กันฟันอย่างไม่พอใจ

ก่อนจะปล่อยวางลงได้ในไม่กี่อึดใจ

แล้วไงล่ะ คนรวยไม่ได้มีแค่คนเดียวไมใช่เหรอ

ที่นี่อะไรก็ขาดทั้งนั้นแหละเว้นก็แต่พวกผู้ดีใหม่!

แค่ได้เห็นเฉินฝานซิงระทมทุกข์เธอก็มีความสุขยิ่งกว่าอะไรแล้ว

ภายในตัวรถ คนขับรถชำเลืองมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านหลังผ่านกระจก

เธอผินหน้าออกไปเล็กน้อย สายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง สีหน้าไม่แสดงอารมณ์แม้แต่น้อย บรรยากาศเงียบเกินไป

ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นเขากลับสัมผัสได้ถึงความเย็นชาและความเจ็บปวดแสนสาหัสที่แผ่ขยายออกมา

หลังจากที่ลังเลอยู่สักพักเขาก็ได้เอ่ยถามขึ้น

“คุณหนูเฉินครับ ไม่ทราบว่าคุณจะกลับคฤหาสน์เซิ่งจิ่งเลยหรือว่าจะไปที่อื่นเพื่อ…ผ่อนคลายอารมณ์ก่อนดีครับ”

ผ่อนคลายอารมณ์?

เธอกะพริบตาเล็กน้อย หลังจากขบคิดอยู่ครู่หนึ่งเธอจึงได้ตอบเขาเสียงแผ่ว

“ไปตลาดก่อนจากนั้นไปสถานสงเคราะห์เด็กเหอซือค่ะ”

เธอมีอาการเหม่อลอยเล็กน้อย เพราะที่นั่นคือสถานที่ที่คุณแม่ของเธอเติบโตมา

“ครับ”

เวลาเที่ยงตรง ณ สมาคมสกุลป๋อ

คุณชายสกุลอิน อย่างอินรุ่ยเจวี๋ยที่อับจนหนทางจะติดต่อป๋อจิ่งชวน เขาจึงตัดสินใจบุกมาถึงที่บริษัท

“พี่ป๋อ ก็รู้อยู่ว่าคุณพี่ไม่ว่างแต่ต้องหัดพักผ่อนบ้างสิ เย็นนี้ แค่เย็นนี้เท่านั้น ไปเจอกันที่ปี้หวงอวี๋เล่อ สักครั้งเถอะ!”

“…” ป๋อจิ่งชวนไม่แม้จะเงยหน้าขึ้นมอง

อินรุ่ยเจวี๋ย นั่งเอนหลังไขว่ห้างอยู่บนโซฟา ใบหน้าหล่อเหลา มาดลูกผู้ดีมีเงินตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ก็เปี่ยมไปด้วยแรงดึงดูดที่ทำให้สาวๆ กรูกันเข้าไปหาเขาเหมือนฝูงเป็ด

“กลับมาตั้งหลายวันแล้ว เพื่อนฝูงจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้ พี่ก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีก ครั้งนี้ผมอุตส่าห์มาดักรอที่หน้าประตูแล้ว คงจะปฏิเสธกันอีกนะ? ต้องให้โอกาสตัวเองได้พักหายใจหายคอบ้างใช่ไหมล่ะ”

ให้โอกาสตัวเองได้หายใจหายคอบ้าง?

เมื่อนึกถึงภาพที่เฉินฝานซิงหนีเตลิดไปเมื่อคืน เข้าคิดว่าควรมอบโอกาสหายใจหายคอเพื่อเธอจะได้ปรับตัวสักหน่อย

เธอคงยังไม่อยากเจอเขาในตอนนี้

“ตกลง งั้นคืนนี้เจอกันหน่อย”

ตอนที่ 102 ป่วย

เฉินฝานซิงอยู่ที่สถานสงเคราะห์เด็กตลอดทั้งบ่าย

นี่เป็นสถานที่ที่เธอจะต้องแวะมาทุกครั้งเมื่อมีโอกาส

เพราะแค่ได้อยู่ที่นี่ก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนอยู่ใกล้คุณแม่ขึ้นมาบ้าง

ขณะที่นั่งอยู่ที่แปลงดอกไม้ข้างๆ สถานสงเคราะห์นั้น เธอยกมือขึ้นแนบอกสายตาเย็นชาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างเช่นทุกครั้ง

เธอนึกว่าตัวเองได้กลายเป็นน้ำไปนานแล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าคนบ้านสกุลเฉินจะสามารถหาวิธีมาทำร้ายเธอเข้าอีกจนได้

ทำไมเธอรู้สึกโดดเดี่ยวได้ขนาดนี้

เธอยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืน

ณ โรงอาหารของสถานสงเคราะห์เด็ก

เธอมักจะเคยชินกับการจ้องมองไปยังมุมที่ดูมั่นคงนั้น คุณครูคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ข้างกายของเด็กชาย และค่อยๆ ปลอบให้เขาทานอาหาร

“หลินหลินเธอต้องกินให้เยอะๆ ทุกวันนะ แบบนี้ถ้าคุณแม่มาเห็นจะได้ไม่เป็นห่วงเอา ท่านอยากเจอเธอทุกวันเลย ครั้งก่อนพอรู้ว่าเธอไม่ยอมกินอะไรเลยท่านก็ร้องไห้เสียใจอยู่ตั้งนาน”

ในตอนนั้นเองเด็กชายผอมกะหร่องถึงได้ยอมอ้าปากออกแล้วใช้แรงยัดอาหารเข้าปากไป

เด็กน้อยอายุได้สามขวบกว่าๆ แม้จะดูไร้เดียงสาและเปราะบางแต่ก็ดูออกว่าเมื่อเขาเติบโตขึ้นคงจะมีหน้าตาที่หล่อเหลา

ดวงตากลมโตคู่นั้นตาดำและขาวแยกกันอย่างชัดเจน แต่บางครั้งที่กะพริบตามันกลับดูหม่นหมอง

ใช่แล้ว ดวงตาของเด็กที่งดงามคนนั้นไม่สามารถมองเห็นได้

ฟังจากที่ ผอ. คนเก่าพูดให้ฟังว่าเขาเป็นเด็กที่เกิดจากผู้หญิงในคุก…

ตอนบ่ายอยู่เล่นกับเด็กๆ ได้สักพัก ฤดูใบไม้ผลิที่อากาศไม่อบอุ่นและไม่แห้งแล้งเช่นนี้เป็นฤดูที่เด็กๆ มักจะชอบเล่นน้ำเป็นพิเศษ

เด็กบางคนก็ยกเหตุผลที่พวกเขาไปเล่นทรายมาใช้เป็นข้ออ้างในการล้างมือเพื่อจะเล่นน้ำจากสายยางในลานบ้านด้วยกัน

และเธอก็ได้อยู่รดน้ำให้กับบรรดาพืชพันธุ์ในสวนกับเด็กสาวอีกหลายคนในนั้น แต่ไม่คิดว่ายิ่งช่วยจะยิ่งยุ่ง เมื่อจู่ๆ น้ำจากสายยางที่เด็กๆ กำลังใช้รดน้ำให้กับดอกไม้อยู่นั้น ได้พุ่งมาทางนี้

เฉินฝานซิงที่ยืนอยู่ข้างกันจึงได้นำเด็กๆ เข้ามาปกป้องไว้ในอ้อมแขน

สายน้ำรินรดลงมาตั้งแต่หัวจรดเท้าของเธอ

สุดท้ายฤดูใบไม้ผลิก็ไม่ช่วยบรรเทาความหนาวเหน็บของน้ำไปได้เลย

เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลมาได้ไม่กี่วัน วันนี่ต้องมาเผชิญความหนาวอีกแล้ว บ่ายวันนี้ศีรษะของเธอเริ่มรู้สึกหน่วงๆ

เมื่อกลับมาถึงเซิ่งจิ่งก็เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว

“คุณหนูเฉิน กลับมาแล้วเหรอคะ” แค่ก้าวเท้าเข้ามาในคฤหาสน์จางมาก็เข้ามาต้อนรับเธอ

“อื้ม”

แม้จะจัดการมาจากสถานสงเคราะห์เรียบร้อยแล้ว แต่ตาวิเศษของจางมาคู่นั้นยังมองสังเกตได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง

โดยเฉพาะน้ำเสียงเหนี่อยๆ ของเธอและยิ่งไปกว่านั้นคือน้ำเสียงที่ขึ้นจมูก

ทั้งๆ ที่เมื่อเช้ายังดูกระฉับกระเฉงดีแท้ๆ กลับมาก็ตกอยู่ในสภาพที่ดูแย่แบบนี้เสียได้

หากบอกว่าเป็นเพราะกลับไปบ้านมา

คนบ้านนั้นทำอะไรกับเธอกันแน่ ถึงทำให้คนดีๆ คนหนึ่งตกอยู่ในสภาพแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

“ทานมื้อเย็นเวลาเดียวกับเมื่อวานเหรอคะ” เสียงขึ้นจมูกอย่างเห็นได้ชัด

“ใช่คะ หรือไม่ก็อาจจะดึกกว่านั้น หรือคุณหนูเฉินจะทานก่อนดีคะ?”

เธอส่ายหน้าไปมา “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันรอเขากลับมาทานพร้อมกันดีกว่า”

ว่าพลางเธอก็เดินไปหยุดที่โซฟาก่อนจะนั่งลงไป

ป๋อจิ่งชวนกะว่าเลิกงานแล้วจะไปตามนัด

แต่สุดท้ายโทรศัพท์ส่วนตัวของเขาก็ได้ดังขึ้น

“เหวย คุณผู้ชายใช่ไหมคะ” เป็นเสียงของจางมา

“มีอะไร เธอกลับมาแล้วหรือยัง” แม้น้ำเสียงจะราบเรียบแต่ก็ฟังออกจึงความห่วงใยได้ไม่ยาก

“กลับน่ะกลับมาแล้วค่ะ แต่ว่า…กลับมาครั้งนี้ คุณหนูเฉินกลับมาอยู่ในสภาพแบบนั้นอีกแล้ว…ดูเหมือนจิตใจไม่ค่อยสู้ดีนัก…”

คิ้วเขาผูกเข้าหากันเล็กน้อย

“เข้าใจแล้ว”

“ยังมีอีกนะคะ คุณหนูเฉินกำลังรอคุณกลับมาทานมื้อเย็นด้วยกันค่ะ”

“อืม ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”

เขาวางสายลง ก่อนจะต่ออีกสายไปยังคนขับรถที่ทำหน้าที่คอยรับส่งเฉินฝานซิงในวันนี้

“วันนี้ตอนเฉินฝานซิงอยู่ที่บ้านสกุลเฉินเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง”

คนขับรถชะงักไป “…เรื่องรายละเอียดผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่ว่าผมเห็นว่าประธานซูเองก็ไปที่นั่น ความสัมพันธ์ของเขากับน้องสาวของคุณหนูเฉินดูสนิทสนมกันมาก…”

ประกายในดวงตาของเขาค่อยๆ หม่นลง…

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

Status: Ongoing

หลังจากแม่ของเธอจากไป เฉินฝานซิง ก็ถูกพ่อและย่าแท้ๆ ของตัวเองขับไสไล่ส่งไปตายเอาดาบหน้าในประเทศต่างแดนอันแสนทุรกันดาร ทว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงเคี้ยวง่ายอย่างที่คิด ด้วยสมองและสองมือ ในที่สุดเฉินฝานซิงก็หนีกลับมาจากนรกขุมนั้นได้

เธอตัดสินใจแยกตัวออกมาจากครอบครัวสารพัดพิษและใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง คอยทุ่มเทพัฒนาบริษัทของคู่หมั้นที่เกือบจะต้องปิดตัวลงและบริษัทเล็กๆ ที่แม่ของเธอทิ้งไว้ กระนั้นความสัมพันธ์รักแปดปีกลับได้มาแค่ความเชื่อใจที่แสนเปราะบาง เพราะคู่หมั้นกลับไปหลงเชื่อคำโกหกของน้องสาวต่างแม่ที่ชอบตีสองหน้าของเธอเสียได้

ในขณะที่แผลใจจากคนรักเก่ายังไม่ทันหายดี ศรัทธาที่มีในชีวิตคู่ก็เริ่มถดถอย เธอเลือกหันหลังให้กับความรักโดยการขดตัวเป็นตัวเม่นและใช้หนามแหลมๆ นั้นปฏิเสธทุกคนที่เข้าหา ทว่าอยู่มาวันหนึ่ง ป๋อจิ่งชวน ผู้ชายจอมเผด็จการคนนั้นก็ก้าวเข้ามาพร้อมหยิบยื่นความรักครั้งใหม่ให้กับเธอโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ปฏิเสธมันเลยสักนิด!

“การตัดสินใจจีบคุณคือเรื่องของผม สุดท้ายแล้วคุณจะปฏิเสธหรือไม่นั่นก็เรื่องของคุณ แต่ผมจะปฏิเสธคำปฏิเสธของคุณ!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท