ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย – ตอนที่ 113 เริ่มได้! / ตอนที่ 114 งานเลี้ยง
ตอนที่ 113 เริ่มได้!
ไม่เพียงแค่แปลกใจแต่ยังสร้างความลังเลใจขึ้นมาให้เธออีกด้วย
เธอครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจโทรหาป๋อจิ่งชวน
“หืม?” เสียงทุ้มต่ำของป๋อจิ่งชวนลอดผ่านโทรศัพท์เข้ามายังใบหู หางเสียงที่ตวัดขึ้นเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน
เธอเม้มปากพลางก้มหน้าลงมองกล่องในมือของอวี๋ซงก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้า
“ชุดราตรีที่คุณส่งมาฉันได้รับแล้ว แต่ว่าคุณเดวิส…ดูจะเกินไปหน่อย…”
“หืม?” เดวิสที่อยู่อีกด้านหนึ่งผงกหัวขึ้นมา ความไม่พอใจค่อยๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าที่เปล่งปลั่งของชายคนนั้น
ผู้หญิงคนนี้หมายความว่าไง
เขาเป็นใคร? เดวิส!
ผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่อยากจะถูกเขาเนรมิตให้กลายเป็นหญิงสาวที่เจิดจรัสที่สุด!
เรื่องที่ไม่เคยมีใครขอร้องได้สำเร็จ แต่ทำไมเธอกลับกลายเป็นเช่นนี้
อีกเรื่องที่น่าโมโหคือเขาอุตส่าห์มาบริการให้ถึงที่แต่กลับถูกเตะกลับไป!
ช่างเป็นความอัปยศที่ใหญ่หลวง!
“ทำไมล่ะ” ป๋อจิ่งชวนถาม
เธอพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ พลางลูบไล้ด้านข้างของกล่อง แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “ฉันไม่จำเป็นต้องแต่งตัวขนาดนั้น อีกอย่าง ชื่อเสียงของคุณเดวิสเป็นถึงแนวหน้าของวงการ ฉันกลัวว่าทำเขาเสียชื่อเอาน่ะสิ”
ความขุ่นเคืองของเดวิสได้มลายหายไปในชั่วพริบตา หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเฉินฝานซิงสีหน้าของเขาก็ดูดีขึ้นเป็นกอง
ผู้หญิงคนนี้แสนดีสุดๆ ไปเลยนี่!
“คุณไม่มั่นใจในตัวเองเอาซะเลยนะ”
“ก็คงจะอย่างนั้น” เธอยิ้มอย่างหนักใจ “ถ้าฉันดีพอ แล้วทำไมใครๆ ถึงได้ไม่ชอบฉันกันล่ะ”
ความใจดำของคนบ้านสกุลเฉิน ซูเหิงที่หันไปปันใจไปให้คนอื่น
หากเธอดีพอแล้วทำไมจึงไม่เป็นที่รักใคร่ของใครๆ เขาล่ะ
“ใครบอกว่าทุกคนไม่ชอบคุณ แค่ผมชอบคุณ คุณก็กลายเป็นผู้หญิงที่โด่ดเด่นที่สุดในโลกแล้ว”
การเย้าแหย่ที่เกิดขึ้นโดยไม่ให้ตั้งตัวนั้น ทำให้เฉินฝานซิงต้องเหลือบไปมองอวี๋ซงที่อยู่ใกล้ที่สุดด้วยใบหน้าที่เปล่งปลั่งด้วยสีแดงของเลือดฝาด
“…”
เธอเขินจนพูดอะไรไม่ออก แต่ก็ยื่นมือออกไปเปิดกล่องที่อวี๋ซงถืออยู่
“ยังจะบอกว่าคุณดูถูกสายตาผมอยู่ไหม”
เธอมองชุดราตรีที่นอนอยู่ในกล่องอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะส่ายหน้าไปมาช้าๆ
“…จะเป็นไปได้ไง คุณตาถึงจะตาย…”
เธออดไม่ได้ที่จะหยิบชุดราตรีในกล่องนั้นขึ้นมา หัวใจของเธอเต้นแรงชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
มันเต้นอย่างหนักหน่วง ชนิดที่ทำให้เธอใจร้อนอยากจะหยิบชุดนั้นขึ้นมาสวมจนแทบจะรอไม่ไหว
และชนิดที่ทำให้เธอใจร้อนจนอยากจะสวมมันแล้วรีบไปปรากฏตัวต่อหน้าป๋อจิ่งชวน…
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอเคยเห็นชุดราตรีที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่หยุด
บอกได้คำเดียวเลยว่าผู้ชายคนนี้น่าเหลือเชื่อมากๆ
แม้แต่เธอเองยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเธอชอบเสื้อผ้าแบบไหน แต่เขากลับเลือกเสื้อผ้าส่งมาตรงหน้าเธอได้อย่างเฉียบแหลม
เมื่อเทียบชุดราตรีตัวนี้กับตัวที่บ้านสกุลเฉินครั้งที่แล้ว…
ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามที่เธอชอบ ทุกอย่างล้วนเข้ากันกับสไตล์ของเธอ
“OH…MY…GOD!”
เธอยังไม่ทันได้หายตะลึง ร่างที่อยู่ไม่ไกลก็โผเข้ามาฉกกล่องในมือของอวี๋ซงไปถือไปอย่างรวดเร็ว
“คุณพระ! ผมไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม! พระเจ้าช่วยกล้วยทอดดด”
เฉินฝานซิงมองเดวิสที่เข้ามากอดกล่องนั้นเอาไว้แล้วกลิ้งไปมาบนโซฟาอย่างบ้าคลั่งด้วยความตกตะลึง
เพียงแค่เห็นเขานั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าปลาบปลื้มแบบไม่รู้ว่าควรแสดงออกอย่างไร สองมือที่กำลังถือกล่องใบนั้นอยู่กำลังสั่นเทา ท่าทีที่สั่นจนจะร่วงแหล่ไม่ร่วงแหล่อยู่นั้นทำเอาหัวใจของคนมองสั่นระริก
เขามองชุดราตรีในกล่องนั้นแล้วเงยหน้าขึ้นพิจารณาเฉินฝานซิง แล้วกลับมามองชุดนั้นอีกครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพิจารณาเธออีกที
จากนั้นจึงพยักหน้าอย่างพอใจ “โอเค! มาเลย เริ่มได้!”
ตอนที่ 114 งานเลี้ยง
เวลาหกโมงเย็น ณ โรงแรมเผยตี่
พิธีขึ้นรับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดทั่วโลกอย่างเป็นทางการของกรรมการหนุ่มสมาคมสกุลป๋อได้ถูกจัดขึ้นที่นี่
วันนี้ที่นี่ ผู้คนที่มีชื่อเสียงจากทั่วทุกมุมโลกได้หลั่งไหลกันเข้ามาอย่างมากหน้าหลายตา
นี่เป็นงานเลี้ยงที่หาได้ยากที่สกุลป๋อจะเปิดให้บุคคลภายนอกได้เข้ามามีส่วนร่วม
สมาคมสกุลป๋อมีชื่อเสียงด้านอุตสาหกรรมมาเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ในตลาดเศรษฐกิจโลกเองก็เป็นที่เลื่องลือ
นาทีนี้ทุกคนต่างก็จับตามองอย่างไม่ต้องสงสัยทั้งยังดึงดูดสื่อมวลชนเข้ามาเป็นจำนวนมาก
ดังนั้นทุกคนจึงมารวมตัวกันชะเง้อคอจะถ่ายรูปของทุกคนที่ปรากฏตัวบนพรมแดงตรงบริเวณทางเข้าอย่างบ้าคลั่ง
มองๆ ไปแล้วก็ดูยิ่งใหญ่อลังการพอๆ กับเทศกาลหนังนานาชาติบางงาน
ภายในนั้นเต็มไปด้วยบรรดาไอดอลที่งามเฉิดฉาย
ทว่าเมื่อเทียบกับดาราพวกนั้นแล้ว ผู้ที่มีความสามารถจริงๆ เห็นจะเป็นผู้ที่ปั้นดาราพวกนั้นขึ้นมาและให้เงินเดือนพวกเขาเสียมากกว่า
บรรดาผู้มีอำนาจทยอยปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่ขาดสาย สิ่งที่อยู่ในกำมือของพวกเขานั้นดูจะมีค่าเสียยิ่งกว่าดารา ไอดอล พวกนั้นเป็นไหนๆ
รถหรูแต่ละคันที่หน้าประตูมองดูน่าตื่นตาและเป็นอาหารตาชั้นดี
นาทีนั้นโรลส์รอยซ์ แฟนธอม คันหนึ่งค่อยๆ จอดลงช้าๆ ตรงหน้าประตู นักข่าวที่อยู่ตรงนั้นยกกล้องขึ้นมาเตรียมฟิล์มกันอย่างบ้าระห่ำ
ประธานแห่งบริษัทสกุลซูอย่างซูเหิงอยู่ในชุดสูทสีกรมมีระดับ เสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ากันดีกับเนกไทสีกรม เจ้าของใบหน้าสุขุมและงดงาม ก้าวลงมาจากรถด้วยท่าทีเคร่งขรึม ร่างกายสูงสง่าและสูงค่าไปตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าดึงดูดผู้คนให้อยากเข้าหา
นับตั้งแต่ที่สกุลซูปีนกลับขึ้นมาจากหุบเหวได้อีกครั้งก็พัฒนาไปได้ไม่น้อย อีกทั้งบ้านสกุลซูเองก็ยังได้รับความนิยมจากผู้คนมากขึ้น ค่าตัวของเขายิ่งไม่ต้องพูดถึง
ด้วยรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา รูปร่างงามสง่าหรือจะชาติตระกูลที่ดี ไม่ว่าส่วนไหนก็ดึงดูดให้สาวๆ กรูกันเข้าหาเขาเหมือนฝูงเป็ด
การที่เขาลงมาจากรถแค่คนเดียวสร้างความประหลาดใจแก่ทุกคนไม่น้อย
ไม่ว่าจะยังไงวันนี้ชายหนุ่มที่โดดเด่นเช่นนี้จะไม่มีหญิงสาวมาเคียงคู่จริงๆ น่ะหรือ
อีกอย่างใครๆ เขาก็รู้กันทั่วว่าเขามีคู่หมั้นแล้ว
โรลส์รอยซ์ที่ซูเหิงนั่งมาได้เคลื่อนตัวออกไป ตามหลังมาด้วยปอร์เช่คันสีขาว
รถคันนั้นจอดลง ซูเหิงได้ก้าวเข้าไปเปิดประตูรถออกด้วยตัวเอง เขายื่นมือเข้าไปคว้าร่างของหญิงสาวที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าอันสวยหรู ทั้งตัวของเธออยู่ในชุดราตรีเกาะอกรัดรูปสีกุหลาบ รูปร่างเย้ายวนน่าหลงใหล แต่งเติมใบหน้าด้วยเครื่องสำอางมากมายแต่ก็ดูงดงาม
“ขอบคุณค่ะพี่” หลินเฟยๆ เอ่ยขอบคุณอย่างสดใส ก่อนจะหันไปหยุดอยู่ข้างหลังของซูเหิง
เขาพยักหน้ารับก่อนจะเดินมายังอีกฝั่งหนึ่งของรถ แล้วเปิดประตูออกอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหล่ายกยิ้มอย่างพึงใจก่อนคว้าหญิงสาวอีกคนลงมา
ร่างของหญิงสาวปรากฏตัวขึ้น แทบจะทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้สูดเอาอากาศที่เย็นยะเยือกเข้าไป
ชุดราตรีสีเชมเปญเปิดไหล่ ลอนผมสีชานมเปร่งประกายแผ่สยายอยู่ที่หลัง กระดูกไหปลาร้าและไหล่มนที่งดงาม เสื้อผ้าที่รัดรูปทำให้อวดส่วนเว้าส่วนโค้งอันสวยงามของเธอได้อย่างเต็มตา เธอเยื้องย่างลงมาด้วยท่วงท่าที่อรชรอ้อนแอ้น
ไหมสีทองที่ปักเป็นลายเส้นอยู่บนชายกระโปรงสะท้อนแสงระยับท่ามกลางแสงไฟ ดึงดูดสายตาของผู้คนได้ตลอดเวลา
มันคือชุดราตรีที่ซูเหิงเคยเห็นตั้งแต่อยู่บนร่างของเฉินฝานซิง เมื่อสวมลงบนตัวของเฉินเชียนโหรวแล้วช่างดูงดงามอ่อนโยนประกอบกับรอยยิ้มงามฉาบไปด้วยความหวานเล็กน้อย
ให้ความรู้สึกต่างกันกับตอนที่มันถูกสวมอยู่บนตัวของเฉินฝานซิง
เฉินเชียนโหรวถูกเขาจูงลงมาจากรถ มือหนึ่งยกชายกระโปรงยาวของเจ้าตัวขึ้นมาเบาๆ เธอเงยหน้าส่งยิ้มหวานให้กับซูเหิง ใบหน้างามแสดงอาการเหนียมอายออกมา
“ขอบคุณค่ะพี่เหิง”