ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย – ตอนที่ 137 คุณหนูเฉินฝานซิงดื่มหนักแล้ว (1) / ตอนที่ 138 คุณหนูเฉินฝานซิงดื่มหนักแล้ว (2)

ตอนที่ 137 คุณหนูเฉินฝานซิงดื่มหนักแล้ว (1) / ตอนที่ 138 คุณหนูเฉินฝานซิงดื่มหนักแล้ว (2)

ตอนที่ 137 คุณหนูเฉินฝานซิงดื่มหนักแล้ว (1)

เฉินฝานซิงไม่สามารถข่มอารมณ์โกรธและความรู้สึกเดียวดายในใจลงไปได้

เธอไม่ได้โง่นะที่วันนี้เธอจะดูท่าทีที่ชัดเจนแบบนั้นของเจียงหรงหรงไม่ออก อย่างงั้นเธอก็คงจะอยู่ไม่รอดจนถึงทุกวันนี้!

ที่แท้การที่ให้เธอมาที่นี่เพียงเพื่อเป็นเครื่องมือปิดบังความอัปยศให้ซูเหิงและเฉินเชียนโหรว รวมถึงแก้ไขปัญหากับนักข่าวพวกนั้น แค่เรื่องง่ายๆ เท่านี้เอง

หลายปีมาแล้วที่ย่าไม่เคยคิดจะให้เธอออกงานใดๆ ในนามของสกุลเฉิน นึกไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้จู่ๆ ก็อยากให้เธอมารวมงานเลี้ยงเพราะจุดประสงค์นี้!

จะให้แกร่วมงานสักงาน จะต้องให้ฉันคุกเข่าอ้อนวอนกันเลยใช่ไหม!

คำพูดวันนั้นของเจียงหรงหรงผุดขึ้นมาในหัวของเธอ

พอมาคิดๆ ดูแล้วตอนนี้ที่แท้ที่ยอมคุกเข่าก็เพราะมีเหตุผล

“เฉินฝานซิง ขอพูดหน่อยเถอะ บ้านตระกูลเฉินของพวกเธอนี่พิลึกกันแบบไม่มีใครยอมใครกันเลย ฉันล่ะสงสัยจริงๆ ว่าตกลงเธอมีสายเลือดตระกูลเฉินจริงๆ รึเปล่า”

เฉินฝานซิงฝืนยิ้มอย่างขื่นขม เธอยกแก้วไวน์ขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะเดินไปนั่งลงตรงโซนอาหาร

“ก็จริง บางครั้งฉันก็อยากรู้เหมือนกัน แต่ว่า ยังไงฉันก็เป็นจริงๆ …”

“งั้นเธอก็คงเป็นตัวประหลาดที่สุดในสายตาของคนบ้านสกุลเฉินแล้วล่ะ” สวี่ชิงจือเอ่ยขึ้นด้วยความเหน็ดหน่ายปนสงสาร

ทำไมเธอถึงต้องมาเกิดในรังโจรแบบนี้นะ

เฉินฝานซิงไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาอีก เพียงแค่นั่งอยู่ตรงนั้นแล้วเหม่อมองออกไปยังตึกสูงนอกหน้าต่างที่ส่องแสงระยับในยามค่ำคืนผ่านบานกระจกหนาขนาดใหญ่ ความสับสนวุ่นวายบนโลกใบนี้ค่อยๆ ประทับลงในดวงตาของเธอ

ทั้งตัวของเธอเต็มไปด้วยความอ้างว้างและอัดอั้น

เธอทำได้เพียงแค่ดื่มแอลกอฮอล์ลงไปแก้วแล้วแก้วเล่า

สวี่ชิงจือรู้สึกเห็นใจเธอจึงนั่งดื่มเป็นเพื่อนอย่างเงียบๆ

ในฐานะเพื่อนสนิท สวี่ชิงจือและเฉินฝานซิงมีสัญญาณลับต่อกันที่ไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ย

ปลอบใจกันตอนนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับโรยเกลือบนบาดแผล

เพราะการปลอบโยนในช่วงเวลาที่เปราะบางที่สุด อาจทำให้หัวใจอีกฝ่ายแหลกสลายลงในพริบตา

มันหนักเกินไปสำหรับคนที่หยิ่งผยอง…

ใครจะไปกล้าทำร้ายจิตใจของเธอซ้ำอีก!

เสียงจอแจในห้องจัดเลี้ยงเมื่อสักครู่นี้ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเสียงปรบมือชื่นชม

เฉินฝานซิงประคองสติ แล้วรีบเงยหน้ามองไปยังทิศทางที่สว่างไสวมากที่สุด

ผู้ที่กำลังกล่าวอยู่บนเวทีคือชายวัยกลางคนที่บุคลิกดูองอาจผ่าเผย ต่างจากคนรุ่นราวคราวเดียวกันที่มีพุงยื่นออกมา ทรงผมของเขาถูกจัดแต่งอย่างเรียบร้อย รูปร่างดูงามสง่า ใบหน้าหล่อเหลา ท่าทางสุขุมหนักแน่น จนสามารถเดาออกว่าสมัยหนุ่มๆ เขาคงเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ผู้หญิงต่างพากันกรูเข้าหา แม้แต่ในตอนนี้เองก็เกรงว่าจะยังคงเป็นเช่นนั้น

เพียงแต่ในความคลับคล้ายคลับคลาโครงหน้าของเขาก็ได้ค่อยๆ ไปซ้อนทับกับใบหน้าของใครบางคน

“ขอขอบคุณแขกทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่านี้มาร่วมพิธีรับช่วงต่อของสมาคมสกุลป๋อเล็กๆ นี่! สมาคมสกุลป๋อก้าวมาได้ถึงวันนี้…”

ที่แท้ก็เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ คนที่กำลังพูดอยู่บนเวทีในขณะนี้คือคุณพ่อของป๋อจิ่งชวน

“เอ๊ะ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าผู้ชายบนเวทีคนนั้นหน้าตาคุ้นๆ นะ”

แม้แต่สวี่ชิงจือยังดูออก

ชายวัยกลางคนไม่ได้กล่าวสิ่งใดมากมาย ก่อนจะนำปรบมือเพื่อเชิญประธานคนใหม่ที่กำลังจะมารับช่วงต่อสมาคมสกุลป๋ออันยิ่งใหญ่นี้

นาทีที่ป๋อจิ่งชวนค่อยๆ ก้าวออกมากล่าวสุนทรพจน์ตรงกลางเวที ภายในห้องจัดเลี้ยงก็เกิดเสียงซุบซิบเบาๆ

“ที่แท้เขาก็คือคนที่จะมารับตำแหน่งผู้นำสมาคมสกุลป๋อคนใหม่”

“แค่แรกเริ่มก็รู้สึกได้แล้วว่าคนคนนี้ไม่ธรรมดา ถามใครหลายคนก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาคือใคร ที่แท้เขาก็คือพระเอกของคืนนี้นั้นเอง…”

“ยังหนุ่มยังแน่นกลับมีวิสัยทัศน์และฝีมือขนาดนี้น่ายินดีด้วยจริงๆ”

“ฉันก็นึกว่าเขาจะพุงพลุ้ยซะอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะหนุ่มขนาดนี้…”

สวี่ชิงจือเองก็ประหลาดใจจนออกนอกหน้า ที่แท้ชายคนนี้ก็คือประธานป๋อ ผู้บริหารสูงสุดทั่วโลกสมาคมสกุลคนใหม่?!

ในตอนนั้นเฉินฝานซิงเองก็พยุงตัวลุกขึ้นจากโต๊ะ ใต้ฝ่าเท้ารู้สึกไม่ค่อยมั่นคง ร่างสูงโปร่งโงนเงนเล็กน้อย

แต่เธอก็ยังข่มความรู้สึกไม่สบายที่เกิดจากการปวดตุบๆ ตรงขมับเพื่อเดินออกไปข้างหน้า

ตอนที่ 138 คุณหนูเฉินฝานซิงดื่มหนักแล้ว (2)

เธอเคยพูดเอาไว้แล้วว่าจะเป็นสักขีพยานในนาทีที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา

ท่ามกลางผู้คนมากมาย เฉินฝานซิงยืนมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ในมุมที่สว่างที่สุดนิ่งๆ

การปรากฏตัวของเขาในค่ำคืนนี้ราวกับการจุติลงมาของเทพสวรรค์เพื่อปลดปล่อยเธออกมาจากหุบเหวที่หนาวเหน็บ

เธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งนะ

ถูกหยิบยื่นความช่วยเหลือมาแบบนี้ใครบ้างจะไม่ใจสั่น

ไม่ ไม่ใช่แค่คืนนี้

ต้องตั้งแต่ที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตเธอในตอนนั้นต่างหาก

ร่างสูงสง่าของเขาอยู่ในตำแหน่งที่สูง ใบหน้าคมคายเป็นเอกลักษณ์ สีหน้านั้นเรียบนิ่งดั่งสายลม ราวกับกำลังควบคุมสีหน้าเอาไว้ด้วยความหนักแน่น สุภาพและสง่างาม สุขุมเยือกเย็น ความแข็งกร้าว ความเข้มงวดและจริงจัง…

ทุกๆ อารมณ์ความรู้สึกถูกเขาแสดงออกมาอย่างสุดกำลัง

ทว่าเขาในตอนนี้กำลังยื่นอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเคร่งขรึมแผ่ขยายแรงกดดันออกมาจากไขกระดูกและความหยิ่งผยองที่สามารถข่มจิตใจของคนได้

เขาพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ ไม่เร่งร้อนแต่กลับทำให้หัวใจของคนฟังนั้นยอมตกอยู่ใต้อำนาจเสียดื้อๆ

ผู้ชายแบบนี้อา…

อีกด้านหนึ่งเจียงหรงหรงกำลังมองร่างของป๋อจิ่งชวนบนเวทีด้วยใบหน้าชื่นชม

นับตั้งแต่คืนนี้คงจะต้องมีพวกเศรษฐีและผู้มีอำนาจมากมายที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลป๋อ

แต่สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าหญิงสาวที่จะได้แต่งเข้าสกุลป๋อนั้นจะเป็นคุณหนูจากสกุลไหน

ในใจของเธอรู้สึกหวิวๆ สภาพของตระกูลเฉินในตอนนี้ หากตระกูลป๋อจะแต่งงานขึ้นมาจริงๆ กลัวว่าคงไม่ตกมาถึงพวกเขา!

เมื่อนึกได้ดังนั้นเธอก็พ่นลมหายใจออกมาแต่จู่ๆ เธอก็กลับนึกถึงเฉินเชียนโหรวขึ้นมาในเวลานี้

มองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นวี่แววของเธอเลย เธอหันไปถามผู้ช่วยที่ตามเธออยู่

“เชียนโหรวล่ะ”

“ไม่แน่ใจครับ คุณชายซูเองก็ไม่อยู่…”

เจียงหรงหรงนิ่งไปวิหนึ่งราวกับกำลังเข้าใจบางอย่าง สีหน้าเองก็ขรึมไปด้วยความกังวล

“นอกคอก!”

“…”

การบรรยายของป๋อจิ่งช่วนได้สิ้นสุดลง ท่ามกลางเสียงปรบมือ เฉินฝานซิงสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงไป

ป๋อจิ่งชวนเลื่อนสายตาขึ้นมาก็พบกับแผ่นหลังของร่างโปร่งที่แทรกตัวผ่านฝูงชนไปอย่างว่องไวเข้าอย่างพอดิบพอดี

สายตาของเขานิ่งไปก่อนจะก้าวลงจากเวที

อินรุ่ยเจวี๋ยเองก็ปรี่เข้ามาต้อนรับเข้าแล้วส่งไวน์ให้เขาหนึ่งแก้ว

“ยินดีด้วย พี่ป๋อ”

ป๋อจิ่งชวนรับแก้วไวน์นั้นเข้ามาก่อนนะหันหน้าไป “อวี๋ซง!”

ทันใดนั้นอวี๋ซงก็โผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้ราวกับเป็นผีสาง

สายตาของป๋อจิ่งชวนทอดมองไปยังหน้าประตูหนึ่งครั้ง

“ดูๆ หน่อย เธอดื่มไปหนัก”

อวี๋ซงเข้าใจได้ในทันที “ครับ”

อินรุ่ยเจวี๋ยถึงกับฉงนจนต้องหันไปมองทางเข้าของห้องจัดเลี้ยง แต่ร่างของเฉินฝานซิงก็ได้หายลับไปจากจุดนั้นแล้ว

“ใคร ใครดื่มหนัก”

ป๋อจิ่งชวนเพียงแต่มองเขาอย่างเรียบๆ ไม่พูดจา

เหลียงซวี่เอ๋อร์ในชุดเดรสเกาะอกสีแชมเปญผมยาวรวบขึ้นอย่างง่ายๆ แต่งเติมใบหน้าอย่างพิถีพิถันแต่ก็ไม่ได้ดูจัดจ้าน

ถึงอย่างนั้นขณะที่ก้าวเข้ามาในงานก็ดึงดูดความสนใจไปได้ไม่น้อย

ลี่ถิงเซินเจ้าของร่างอันสูงสง่า แม้ใบหน้ารูปงามนั้นจะฉาบไปด้วยรอยยิ้มแค่เพียงบางๆ แต่ประกายในตานั้นก็มองออกถึงความเยือกเย็นและความเคร่งขรึมของเขาได้ไม่ยาก

เหลียงซวี่เอ๋อร์คล้องแขนเขาเบาๆ ก่อนจะยกยิ้มขึ้นจางๆ

“ประธานป๋อ ยินดีด้วยที่ได้รับตำแหน่งนะคะ”

ป๋อจิ่งชวนหันไปมองเธอด้วยท่าทางสง่าและใจกว้าง ทว่าท่าทางระหว่างคิ้วสวยกลับมีเงาของหญิงสาวอีกคน

สายตาเยือกเย็นค่อยๆ กวาดมองชายหนุ่มที่เหลียงซวี่เอ๋อร์ควงอยู่อย่างธรรมชาติมากที่สุด

เขาละสายตากลับมาแล้วยกแก้วทักทาย

คืนนี้ใครบางคนก็จำเป็นต้องเข้าสังคม…

ที่ลานจอดรถหลังโรงแรม เฉินฝานซิงนั่งอยู่ตรงแปลงดอกไม้อย่างเงียบเชียบ

“คุณหนูเฉิน ผมให้คนไปส่งก่อนดีไหมครับ”

เธอส่ายก่อนจะตอบว่า “ไม่ เขาบอกว่าจะให้ฉันรอ”

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

Status: Ongoing

หลังจากแม่ของเธอจากไป เฉินฝานซิง ก็ถูกพ่อและย่าแท้ๆ ของตัวเองขับไสไล่ส่งไปตายเอาดาบหน้าในประเทศต่างแดนอันแสนทุรกันดาร ทว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงเคี้ยวง่ายอย่างที่คิด ด้วยสมองและสองมือ ในที่สุดเฉินฝานซิงก็หนีกลับมาจากนรกขุมนั้นได้

เธอตัดสินใจแยกตัวออกมาจากครอบครัวสารพัดพิษและใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง คอยทุ่มเทพัฒนาบริษัทของคู่หมั้นที่เกือบจะต้องปิดตัวลงและบริษัทเล็กๆ ที่แม่ของเธอทิ้งไว้ กระนั้นความสัมพันธ์รักแปดปีกลับได้มาแค่ความเชื่อใจที่แสนเปราะบาง เพราะคู่หมั้นกลับไปหลงเชื่อคำโกหกของน้องสาวต่างแม่ที่ชอบตีสองหน้าของเธอเสียได้

ในขณะที่แผลใจจากคนรักเก่ายังไม่ทันหายดี ศรัทธาที่มีในชีวิตคู่ก็เริ่มถดถอย เธอเลือกหันหลังให้กับความรักโดยการขดตัวเป็นตัวเม่นและใช้หนามแหลมๆ นั้นปฏิเสธทุกคนที่เข้าหา ทว่าอยู่มาวันหนึ่ง ป๋อจิ่งชวน ผู้ชายจอมเผด็จการคนนั้นก็ก้าวเข้ามาพร้อมหยิบยื่นความรักครั้งใหม่ให้กับเธอโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ปฏิเสธมันเลยสักนิด!

“การตัดสินใจจีบคุณคือเรื่องของผม สุดท้ายแล้วคุณจะปฏิเสธหรือไม่นั่นก็เรื่องของคุณ แต่ผมจะปฏิเสธคำปฏิเสธของคุณ!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท