ตอนที่ 137 คุณหนูเฉินฝานซิงดื่มหนักแล้ว (1)
เฉินฝานซิงไม่สามารถข่มอารมณ์โกรธและความรู้สึกเดียวดายในใจลงไปได้
เธอไม่ได้โง่นะที่วันนี้เธอจะดูท่าทีที่ชัดเจนแบบนั้นของเจียงหรงหรงไม่ออก อย่างงั้นเธอก็คงจะอยู่ไม่รอดจนถึงทุกวันนี้!
ที่แท้การที่ให้เธอมาที่นี่เพียงเพื่อเป็นเครื่องมือปิดบังความอัปยศให้ซูเหิงและเฉินเชียนโหรว รวมถึงแก้ไขปัญหากับนักข่าวพวกนั้น แค่เรื่องง่ายๆ เท่านี้เอง
หลายปีมาแล้วที่ย่าไม่เคยคิดจะให้เธอออกงานใดๆ ในนามของสกุลเฉิน นึกไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้จู่ๆ ก็อยากให้เธอมารวมงานเลี้ยงเพราะจุดประสงค์นี้!
จะให้แกร่วมงานสักงาน จะต้องให้ฉันคุกเข่าอ้อนวอนกันเลยใช่ไหม!
คำพูดวันนั้นของเจียงหรงหรงผุดขึ้นมาในหัวของเธอ
พอมาคิดๆ ดูแล้วตอนนี้ที่แท้ที่ยอมคุกเข่าก็เพราะมีเหตุผล
“เฉินฝานซิง ขอพูดหน่อยเถอะ บ้านตระกูลเฉินของพวกเธอนี่พิลึกกันแบบไม่มีใครยอมใครกันเลย ฉันล่ะสงสัยจริงๆ ว่าตกลงเธอมีสายเลือดตระกูลเฉินจริงๆ รึเปล่า”
เฉินฝานซิงฝืนยิ้มอย่างขื่นขม เธอยกแก้วไวน์ขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะเดินไปนั่งลงตรงโซนอาหาร
“ก็จริง บางครั้งฉันก็อยากรู้เหมือนกัน แต่ว่า ยังไงฉันก็เป็นจริงๆ …”
“งั้นเธอก็คงเป็นตัวประหลาดที่สุดในสายตาของคนบ้านสกุลเฉินแล้วล่ะ” สวี่ชิงจือเอ่ยขึ้นด้วยความเหน็ดหน่ายปนสงสาร
ทำไมเธอถึงต้องมาเกิดในรังโจรแบบนี้นะ
เฉินฝานซิงไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาอีก เพียงแค่นั่งอยู่ตรงนั้นแล้วเหม่อมองออกไปยังตึกสูงนอกหน้าต่างที่ส่องแสงระยับในยามค่ำคืนผ่านบานกระจกหนาขนาดใหญ่ ความสับสนวุ่นวายบนโลกใบนี้ค่อยๆ ประทับลงในดวงตาของเธอ
ทั้งตัวของเธอเต็มไปด้วยความอ้างว้างและอัดอั้น
เธอทำได้เพียงแค่ดื่มแอลกอฮอล์ลงไปแก้วแล้วแก้วเล่า
สวี่ชิงจือรู้สึกเห็นใจเธอจึงนั่งดื่มเป็นเพื่อนอย่างเงียบๆ
ในฐานะเพื่อนสนิท สวี่ชิงจือและเฉินฝานซิงมีสัญญาณลับต่อกันที่ไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ย
ปลอบใจกันตอนนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับโรยเกลือบนบาดแผล
เพราะการปลอบโยนในช่วงเวลาที่เปราะบางที่สุด อาจทำให้หัวใจอีกฝ่ายแหลกสลายลงในพริบตา
มันหนักเกินไปสำหรับคนที่หยิ่งผยอง…
ใครจะไปกล้าทำร้ายจิตใจของเธอซ้ำอีก!
เสียงจอแจในห้องจัดเลี้ยงเมื่อสักครู่นี้ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเสียงปรบมือชื่นชม
เฉินฝานซิงประคองสติ แล้วรีบเงยหน้ามองไปยังทิศทางที่สว่างไสวมากที่สุด
ผู้ที่กำลังกล่าวอยู่บนเวทีคือชายวัยกลางคนที่บุคลิกดูองอาจผ่าเผย ต่างจากคนรุ่นราวคราวเดียวกันที่มีพุงยื่นออกมา ทรงผมของเขาถูกจัดแต่งอย่างเรียบร้อย รูปร่างดูงามสง่า ใบหน้าหล่อเหลา ท่าทางสุขุมหนักแน่น จนสามารถเดาออกว่าสมัยหนุ่มๆ เขาคงเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ผู้หญิงต่างพากันกรูเข้าหา แม้แต่ในตอนนี้เองก็เกรงว่าจะยังคงเป็นเช่นนั้น
เพียงแต่ในความคลับคล้ายคลับคลาโครงหน้าของเขาก็ได้ค่อยๆ ไปซ้อนทับกับใบหน้าของใครบางคน
“ขอขอบคุณแขกทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่านี้มาร่วมพิธีรับช่วงต่อของสมาคมสกุลป๋อเล็กๆ นี่! สมาคมสกุลป๋อก้าวมาได้ถึงวันนี้…”
ที่แท้ก็เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ คนที่กำลังพูดอยู่บนเวทีในขณะนี้คือคุณพ่อของป๋อจิ่งชวน
“เอ๊ะ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าผู้ชายบนเวทีคนนั้นหน้าตาคุ้นๆ นะ”
แม้แต่สวี่ชิงจือยังดูออก
ชายวัยกลางคนไม่ได้กล่าวสิ่งใดมากมาย ก่อนจะนำปรบมือเพื่อเชิญประธานคนใหม่ที่กำลังจะมารับช่วงต่อสมาคมสกุลป๋ออันยิ่งใหญ่นี้
นาทีที่ป๋อจิ่งชวนค่อยๆ ก้าวออกมากล่าวสุนทรพจน์ตรงกลางเวที ภายในห้องจัดเลี้ยงก็เกิดเสียงซุบซิบเบาๆ
“ที่แท้เขาก็คือคนที่จะมารับตำแหน่งผู้นำสมาคมสกุลป๋อคนใหม่”
“แค่แรกเริ่มก็รู้สึกได้แล้วว่าคนคนนี้ไม่ธรรมดา ถามใครหลายคนก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาคือใคร ที่แท้เขาก็คือพระเอกของคืนนี้นั้นเอง…”
“ยังหนุ่มยังแน่นกลับมีวิสัยทัศน์และฝีมือขนาดนี้น่ายินดีด้วยจริงๆ”
“ฉันก็นึกว่าเขาจะพุงพลุ้ยซะอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะหนุ่มขนาดนี้…”
สวี่ชิงจือเองก็ประหลาดใจจนออกนอกหน้า ที่แท้ชายคนนี้ก็คือประธานป๋อ ผู้บริหารสูงสุดทั่วโลกสมาคมสกุลคนใหม่?!
ในตอนนั้นเฉินฝานซิงเองก็พยุงตัวลุกขึ้นจากโต๊ะ ใต้ฝ่าเท้ารู้สึกไม่ค่อยมั่นคง ร่างสูงโปร่งโงนเงนเล็กน้อย
แต่เธอก็ยังข่มความรู้สึกไม่สบายที่เกิดจากการปวดตุบๆ ตรงขมับเพื่อเดินออกไปข้างหน้า
ตอนที่ 138 คุณหนูเฉินฝานซิงดื่มหนักแล้ว (2)
เธอเคยพูดเอาไว้แล้วว่าจะเป็นสักขีพยานในนาทีที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
ท่ามกลางผู้คนมากมาย เฉินฝานซิงยืนมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ในมุมที่สว่างที่สุดนิ่งๆ
การปรากฏตัวของเขาในค่ำคืนนี้ราวกับการจุติลงมาของเทพสวรรค์เพื่อปลดปล่อยเธออกมาจากหุบเหวที่หนาวเหน็บ
เธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งนะ
ถูกหยิบยื่นความช่วยเหลือมาแบบนี้ใครบ้างจะไม่ใจสั่น
ไม่ ไม่ใช่แค่คืนนี้
ต้องตั้งแต่ที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตเธอในตอนนั้นต่างหาก
ร่างสูงสง่าของเขาอยู่ในตำแหน่งที่สูง ใบหน้าคมคายเป็นเอกลักษณ์ สีหน้านั้นเรียบนิ่งดั่งสายลม ราวกับกำลังควบคุมสีหน้าเอาไว้ด้วยความหนักแน่น สุภาพและสง่างาม สุขุมเยือกเย็น ความแข็งกร้าว ความเข้มงวดและจริงจัง…
ทุกๆ อารมณ์ความรู้สึกถูกเขาแสดงออกมาอย่างสุดกำลัง
ทว่าเขาในตอนนี้กำลังยื่นอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเคร่งขรึมแผ่ขยายแรงกดดันออกมาจากไขกระดูกและความหยิ่งผยองที่สามารถข่มจิตใจของคนได้
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ ไม่เร่งร้อนแต่กลับทำให้หัวใจของคนฟังนั้นยอมตกอยู่ใต้อำนาจเสียดื้อๆ
ผู้ชายแบบนี้อา…
อีกด้านหนึ่งเจียงหรงหรงกำลังมองร่างของป๋อจิ่งชวนบนเวทีด้วยใบหน้าชื่นชม
นับตั้งแต่คืนนี้คงจะต้องมีพวกเศรษฐีและผู้มีอำนาจมากมายที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลป๋อ
แต่สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าหญิงสาวที่จะได้แต่งเข้าสกุลป๋อนั้นจะเป็นคุณหนูจากสกุลไหน
ในใจของเธอรู้สึกหวิวๆ สภาพของตระกูลเฉินในตอนนี้ หากตระกูลป๋อจะแต่งงานขึ้นมาจริงๆ กลัวว่าคงไม่ตกมาถึงพวกเขา!
เมื่อนึกได้ดังนั้นเธอก็พ่นลมหายใจออกมาแต่จู่ๆ เธอก็กลับนึกถึงเฉินเชียนโหรวขึ้นมาในเวลานี้
มองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นวี่แววของเธอเลย เธอหันไปถามผู้ช่วยที่ตามเธออยู่
“เชียนโหรวล่ะ”
“ไม่แน่ใจครับ คุณชายซูเองก็ไม่อยู่…”
เจียงหรงหรงนิ่งไปวิหนึ่งราวกับกำลังเข้าใจบางอย่าง สีหน้าเองก็ขรึมไปด้วยความกังวล
“นอกคอก!”
“…”
การบรรยายของป๋อจิ่งช่วนได้สิ้นสุดลง ท่ามกลางเสียงปรบมือ เฉินฝานซิงสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงไป
ป๋อจิ่งชวนเลื่อนสายตาขึ้นมาก็พบกับแผ่นหลังของร่างโปร่งที่แทรกตัวผ่านฝูงชนไปอย่างว่องไวเข้าอย่างพอดิบพอดี
สายตาของเขานิ่งไปก่อนจะก้าวลงจากเวที
อินรุ่ยเจวี๋ยเองก็ปรี่เข้ามาต้อนรับเข้าแล้วส่งไวน์ให้เขาหนึ่งแก้ว
“ยินดีด้วย พี่ป๋อ”
ป๋อจิ่งชวนรับแก้วไวน์นั้นเข้ามาก่อนนะหันหน้าไป “อวี๋ซง!”
ทันใดนั้นอวี๋ซงก็โผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้ราวกับเป็นผีสาง
สายตาของป๋อจิ่งชวนทอดมองไปยังหน้าประตูหนึ่งครั้ง
“ดูๆ หน่อย เธอดื่มไปหนัก”
อวี๋ซงเข้าใจได้ในทันที “ครับ”
อินรุ่ยเจวี๋ยถึงกับฉงนจนต้องหันไปมองทางเข้าของห้องจัดเลี้ยง แต่ร่างของเฉินฝานซิงก็ได้หายลับไปจากจุดนั้นแล้ว
“ใคร ใครดื่มหนัก”
ป๋อจิ่งชวนเพียงแต่มองเขาอย่างเรียบๆ ไม่พูดจา
เหลียงซวี่เอ๋อร์ในชุดเดรสเกาะอกสีแชมเปญผมยาวรวบขึ้นอย่างง่ายๆ แต่งเติมใบหน้าอย่างพิถีพิถันแต่ก็ไม่ได้ดูจัดจ้าน
ถึงอย่างนั้นขณะที่ก้าวเข้ามาในงานก็ดึงดูดความสนใจไปได้ไม่น้อย
ลี่ถิงเซินเจ้าของร่างอันสูงสง่า แม้ใบหน้ารูปงามนั้นจะฉาบไปด้วยรอยยิ้มแค่เพียงบางๆ แต่ประกายในตานั้นก็มองออกถึงความเยือกเย็นและความเคร่งขรึมของเขาได้ไม่ยาก
เหลียงซวี่เอ๋อร์คล้องแขนเขาเบาๆ ก่อนจะยกยิ้มขึ้นจางๆ
“ประธานป๋อ ยินดีด้วยที่ได้รับตำแหน่งนะคะ”
ป๋อจิ่งชวนหันไปมองเธอด้วยท่าทางสง่าและใจกว้าง ทว่าท่าทางระหว่างคิ้วสวยกลับมีเงาของหญิงสาวอีกคน
สายตาเยือกเย็นค่อยๆ กวาดมองชายหนุ่มที่เหลียงซวี่เอ๋อร์ควงอยู่อย่างธรรมชาติมากที่สุด
เขาละสายตากลับมาแล้วยกแก้วทักทาย
คืนนี้ใครบางคนก็จำเป็นต้องเข้าสังคม…
ที่ลานจอดรถหลังโรงแรม เฉินฝานซิงนั่งอยู่ตรงแปลงดอกไม้อย่างเงียบเชียบ
“คุณหนูเฉิน ผมให้คนไปส่งก่อนดีไหมครับ”
เธอส่ายก่อนจะตอบว่า “ไม่ เขาบอกว่าจะให้ฉันรอ”