ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย – ตอนที่ 153 อยากให้เป็นแบบนั้นไหม / ตอนที่ 154 รู้สึกเหมือนถูกเสี่ยเลี้ยง

ตอนที่ 153 อยากให้เป็นแบบนั้นไหม / ตอนที่ 154 รู้สึกเหมือนถูกเสี่ยเลี้ยง

ตอนที่ 153 อยากให้เป็นแบบนั้นไหม

แม้เธอจะหลับปุ๋ยไปแล้วแต่เมื่อป๋อจิ่งชวนอุ้มเธอขึ้นมาเธอกลับลืมตาตื่นขึ้น

ในสมองส่งสัญญาณเตือน ทว่าเมื่อเห็นว่าเป็นเขาเธอก็รู้สึกผ่อนคลายลง

“คุณหายยุ่งแล้ว?”

“อืม”

เขาตอบรับเงียบๆ ก้มลงมองใบหน้าขาวที่กำลังงัวเงียของอีกฝ่าย แพขนตายาวกระพือเบาๆ ท่าทีของเธอตั้งแต่ตื่นตัวจนถึงปล่อยวางทำเอาใจของเขาสั่นไหว

อดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลงไปฉกชิงริมฝีปากของเธอ

“หลับต่อเถอะ”

“…อืม”

เธอส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ แล้วยกแขนขึ้นเป็นฝ่ายกอดคอเขาเอง จากนั้นเอียงหน้าซุกลงกลางอกของเขา

ลมหายใจที่อุ่นร้อนนั้นราวกับขนนกที่ลากผ่านผิวของเขา กลิ่นหอมจาง ท่าทีบอบบางของผู้หญิง ปอจิ่งชวนรู้สึกพอใจกับความอ่อนโยนในอ้อมกอดนี้มาก

รถของอวี๋ซงมาจอดรอที่ใต้ตึก เขามองคุณผู้ชายของตัวเองที่ตรงออกมาจากตึกใหญ่โดยที่มีหญิงสาวอยู่ในอ้อมกอด เขาเองก็รู้สึกแปลกใจนิดๆ

ในที่สุดคุณหนูเฉินก็ทนความต้องการของเขาไม่ไหว มาหาคุณผู้ชายที่บริษัท

คุณผู้ชายก็ดันอุ้มเธอออกมาอย่างอล่างฉ่างซะขนาดนั้น

แต่ถึงกระนั้นภายในเวลาเพียงอึดใจเดียว อวี๋ซงยังคงเปิดประตูรถออกได้อย่างรวดเร็ว แล้วรีบเชิญชายหนุ่มที่อุ้มหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนขึ้นรถไป

ไม่ต้องออกคำสั่ง อวี๋ซงก็ออกรถมุ่งตรงไปยังตี้หาวฮวาถิงในทันที

ป๋อจิ่งชวนนำเฉินฝานซิงขึ้นไปยังชั้นสิบหกอย่างชำนาญเส้นทาง เขากรอกรหัสเปิดประตูแล้วตรงไปยังห้องนอน!

เฉินฝานซิงพลิกตัวอยู่บนเตียง เมื่อรู้สึกว่ามันไม่ใช่อกแกร่งของอีกคนเธอจึงลืมตาตื่นขึ้น

ป๋อจิ่งชวนกำลังนั่งอยู่ที่ข้างเตียง สายตาที่จ้องมองเธออยู่นั้นฉาบไปด้วยความอบอุ่น

เธอพลิกตัวมานอนมองเขาเช่นเดียวกัน

เนิ่นนานกว่าที่เธอจะเอ่ยปากถาม “คุณเข้ามาได้ยังไง”

เขากระตุกยิ้มมุมปาก “รหัสผ่าน”

“…”

เธอหรี่ตาลง ระบบล็อกแบบอีเล็กโทรนิกส์นี่สะดวกจริงๆ แม้แต่กุญแจสำรองก็ไม่ต้อง

“เพราะงั้นคุณ…คุณคงไม่ได้จะอยู่ที่นี่หรอกใช่ไหม”

“จะเอาไหมล่ะ”

เฉินฝานซิงส่ายหน้า

ต้องขอโทษด้วยที่เธอไม่รีบถึงขั้นแค่รู้จักกันไม่กี่วันก็อยู่ร่วมฝาบ้านเดียวกันแล้ว

เธอยังไม่ได้เตรียมใจเลย!

เขาเองก็ไม่ขัดอะไรราวกับว่าทุกอย่างเขาได้เดาไว้ก่อนหน้าแล้ว

“ไหนๆ ตื่นแล้วก็ไปแช่น้ำก่อนแล้วค่อยนอน ผมขอตัวก่อน”

เธอมองหว่างคิ้วที่ดูอ่อนระโหยโรยแรงจนเห็นได้ชัด จนแอบเห็นใจ

เธอลังเลอยู่ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“ดึกป่านนี้แล้ว ถ้าเกิด…”

“ช่างมัน”

เขารีบพูดตัดบท ทำเอาเธอแปลกใจอยู่ไม่น้อย

“อย่ารั้งผมไว้ แม้ผมจะอยากอยู่ต่อ แต่ผมรู้ดีว่าหากอยู่ต่ออาจมีเรื่องที่แม้แต่ผมก็ไม่อาจคาดเดาได้เกิดขึ้น”

เฉินฝานซิงกัดปาก เธอประทับใจกับการเอาใจใส่ของเขาเป็นอย่างมาก

เขาก้มลงประทับริมฝีปากบนหน้าผากเธอหนึ่งครั้ง แล้วจ้องเธอไม่ละสายตา น้ำเสียงทุ้มต่ำเปี่ยมเสน่ห์เอ่ยขึ้น

“ราตรีสวัสดิ์”

นัยน์ตาคู่นั้นค่อยๆ ทอประกาย เธอตอบกลับเสียงอ่อนด้วยความรู้สึกสับสน

“ราตรีสวัสดิ์”

เขายกยิ้มแล้วเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมของเธอก่อนจะลุกออกจากเตียง

เขายืดกายขึ้นเต็มความสูง ทว่าในขณะที่เขากำลังหันไปเฉินฝานซิงกลับคว้ามือเขาเอาไว้

ป๋อจิ่งชวนหันมองเธอ ภายในตาสีนิลนั้นเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู

“เปียโน…ฉันชอบมากเลย ไว้ถ้ามีโอกาสจะเล่นให้ฟัง”

“ครับ”

เธอยิ้มขึ้นก่อนจะปล่อยมือเขา แล้วมองเขาเดินจากไป

จนกระทั้งได้ยินเสียงประตูปิดสนิท เธอนิ่งเงียบไป หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่งเธอก็ตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำไป

เธอเปิดตู้เสื้อผ้าในห้องนอนออกดูก็พบว่าด้านในนั้นมีชุดนอนอยู่

แทบไม่ต้องคิดให้เหนื่อย คงเป็นเขาที่จัดการทุกอย่างไว้อย่างละเอียด

ตอนที่ 154 รู้สึกเหมือนถูกเสี่ยเลี้ยง

เช้าตรู่ของวันถัดมา ขณะที่เฉินฝานซิงกำลังล้างหน้าแปรงฟันในชุดนอน กริ่งหน้าประตูก็ได้ดังขึ้น

เธอรีบวิ่งไปยังชั้นล่างอย่างร้อนรน จากนั้นเธอก็พบกับร่างอันสูงสง่าของใครบางคนที่ยืนอยู่หน้าประตู

เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินตัวหรู สูทสีทึบที่รับกับส่วนโค้งของไหล่ เมื่อได้เห็นร่างของเขา รอยยิ้มก็ได้ผุดขึ้นบนดวงหน้างดงาม

“อรุณสวัสดิ์”

เขาทักทายเธอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เธอนิ่งไม่ตอบโต้ไปพักใหญ่

“…ทำไมถึงมาเช้านักล่ะ”

เธอหันไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาว่าตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงกว่า หากเขามาจากคฤหาสน์เซิ่งจิ่งล่ะก็…นั่นก็แสดงว่าเขาตื่นตั้งแต่หกโมง?

เมื่อวานกลับไปดึงขนาดนั้นแท้ๆ

“สบายมาก”

เขาเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะขยับเนกไทในมือแล้วตรงเข้ามาหาเธอ

เธอรีบเบี่ยงกายให้เขาเดินเข้ามา แล้วเขย่งปลายเท้าพร้อมยกมือขึ้นผูกเนกไทในมือของเขา

“ตื่นตั้งแต่ไก่โห่ขนาดนี้เพื่อจะมาให้ฉันผูกเนกไทให้?”

“อื้ม”

“งั้นก่อนหน้านี้ใครเป็นคนผูกเนกไทให้คุณ”

สายตาของเขามองเธอไม่ลดละ แสงละมุนยามรุ่งอรุณต้องกระทบบนใบหน้าของเธอ แสงสลัวๆ ไรผมที่กระจายอยู่ทั่วกรอบหน้า

ความสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ

“ผมผูกเอง แต่ตอนนี้ผมมีแฟนแล้ว” เขาว่าไปพร้อมกับสายตาที่ยังไม่ละจากเธอ

การกระทำในมือเธอหยุดชะงักไปก่อนที่เธอจะแหงนหน้ามองเขา

“คุณนี่เพิ่มบทให้คนเป็นแฟนได้เก่งจริงๆ”

“ถ้าคุณไม่เต็มใจ งั้นครั้งหน้าผมจะไม่มาหาคุณแล้ว”

“แล้วคุณจะไปหาใคร” เธอเอ่ยถามทันควัน

เขากระตุกมุมปากขึ้นแล้วโอบเอวเธอเข้ามาหา “จางมา”

“ฮึ…”

เธออดไม่ได้หลุดขำออกมา เนกไทที่ผูกเสร็จแล้วถูกวางบนเสื้อเชิ้ตก่อนจะจัดให้เป็นระเบียบอีกครั้ง

“หนาวจัง”

นึกไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะเล่นมุกฝืดๆ กับเขาเป็นด้วย

เหมือนเขาจะไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ หลังจากฟังจบเขาก็กวาดสายตามองไปยังชุดนอนตัวบางบนร่างของเธอก่อนจะลากเธอขึ้นชั้นบนไป

เฉินฝานซิงสงสัย “คุณทำอะไร”

เธอถูกพามายังห้องสุดกว้างขวาง หลังจากที่เขาเข้ามาในห้องก็คว้ารีโมตขึ้นมาแล้วกดมัน

ตามมาด้วยเสียง เวิงเวิง ดังขึ้นเบาๆ เธอหันไปมองด้วยความฉงน ก่อนที่ความประหลาดใจจะฉาบไปทั่วนัยน์ตา

แสงไฟสีนวลส่องออกมาพร้อมกับประตูที่เปิดออก ภายในห้องแต่งตัว เต็มไปด้วยเสื้อผ้าหลากหลาย ทั้งชุดใส่เล่น เดรส ชุดทำงาน ชุดราตรี ล้วนแต่เป็นชุดที่เข้ากับฤดูกาลในตอนนี้ ไหนจะกระเป๋า หมวก แว่นกันแดด ผ้าพันคอ ทุกรูปแบบทุกสไตล์ล้วนแล้วแต่หามาตามความชอบของเฉินฝานซิงทั้งนั้น

เรียบแต่หรูไม่โอ้อวด

“ถ้าหนาวก็ใส่ให้หนาๆ หน่อย ห้ามป่วย” เขากำชับ

หลังจากที่ตกตะลึงแล้วเธอก็หันกลับมามองป๋อจิ่งชวนอีกครั้งพร้อมข่มความตื่นเต้น

“ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังเดตกันเลยนะ”

“หืม?”

“ฉันรู้สึกเหมือนถูกเสี่ยเลี้ยง”

ห้องเขาเป็นคนหา เสื้อผ้าเขาก็เป็นคนซื้อ ยิ่งพวกรองเท้าเอย เครื่องประดับเอยยิ่งไม่ต้องพูดถึง มีแน่ๆ

แม้กระทั่งชุดนอนและชุดชั้นในเขาก็เป็นคนเตรียมไว้ให้ มีอะไรบ้างที่เขาทำไม่ได้

แต่ดูเหมือนป๋อจิ่งชวนจะไม่ค่อยชอบคำพูดของเธอสักเท่าไหร่ เขาหมวดคิ้วเขาหากันเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเย็น

“ผมไม่เคยเลี้ยงใคร”

“ฉันก็แค่เปรียบเทียบ อีกอย่าง ถ้าพูดถึงบางมุมของเด็กเสี่ยที่ได้ดั่งใจไปซะทุกอย่างก็ดีใช่ย่อย”

เขามองเธอแล้วเงียบไปสักพัก ราวกำลังครุ่นคิดบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่สลักสำคัญ

เนิ่นนานกว่าที่เสียงทุ้มของเขาจะดังขึ้น

“งั้นผมเลี้ยงคุณ แค่คุณคนเดียว”

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

Status: Ongoing

หลังจากแม่ของเธอจากไป เฉินฝานซิง ก็ถูกพ่อและย่าแท้ๆ ของตัวเองขับไสไล่ส่งไปตายเอาดาบหน้าในประเทศต่างแดนอันแสนทุรกันดาร ทว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงเคี้ยวง่ายอย่างที่คิด ด้วยสมองและสองมือ ในที่สุดเฉินฝานซิงก็หนีกลับมาจากนรกขุมนั้นได้

เธอตัดสินใจแยกตัวออกมาจากครอบครัวสารพัดพิษและใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง คอยทุ่มเทพัฒนาบริษัทของคู่หมั้นที่เกือบจะต้องปิดตัวลงและบริษัทเล็กๆ ที่แม่ของเธอทิ้งไว้ กระนั้นความสัมพันธ์รักแปดปีกลับได้มาแค่ความเชื่อใจที่แสนเปราะบาง เพราะคู่หมั้นกลับไปหลงเชื่อคำโกหกของน้องสาวต่างแม่ที่ชอบตีสองหน้าของเธอเสียได้

ในขณะที่แผลใจจากคนรักเก่ายังไม่ทันหายดี ศรัทธาที่มีในชีวิตคู่ก็เริ่มถดถอย เธอเลือกหันหลังให้กับความรักโดยการขดตัวเป็นตัวเม่นและใช้หนามแหลมๆ นั้นปฏิเสธทุกคนที่เข้าหา ทว่าอยู่มาวันหนึ่ง ป๋อจิ่งชวน ผู้ชายจอมเผด็จการคนนั้นก็ก้าวเข้ามาพร้อมหยิบยื่นความรักครั้งใหม่ให้กับเธอโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ปฏิเสธมันเลยสักนิด!

“การตัดสินใจจีบคุณคือเรื่องของผม สุดท้ายแล้วคุณจะปฏิเสธหรือไม่นั่นก็เรื่องของคุณ แต่ผมจะปฏิเสธคำปฏิเสธของคุณ!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท