ปลายสาย เสียงที่ทุ้มต่ำและเยือกเย็นของป๋อจิ่งชวนดังลอดออกมา
เฉินฝานซิงเปิดประตูห้องแต่งหน้า “ฉันอยู่ที่สถานีโทรทัศน์”
“ทำงานเหรอ”
“อืม วันนี้เช้ามีอัดรายการ”
ป๋อจิ่งชวนเงียบไปครู่หนึ่ง “ตอนบ่ายล่ะ”
“ตอนบ่ายจะไปเดินช้อปปิ้งกับชิงจือ”
“เพราะอย่างนี้ นานทีๆ จะได้หยุดสุดสัปดาห์ คุณปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวงั้นเหรอ”
น้ำเสียงของป๋อจิ่งชวนแฝงไปด้วยความแข็งกร้าว นี่ทำให้เฉินฝานซิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
นี่โกรธอีกแล้วเหรอ
“ตอนเย็นฉันจะรีบกลับไปทำอาหารค่ำให้คุณ ดีไหม”
ป๋อจิ่งชวนได้ยินน้ำเสียงที่ระแวดระวังของหญิงสาวก็ยกยิ้มมุกปากออกมาด้วยความพอใจ
“ก็ได้ ให้โอกาสคุณได้ชดเชยแล้วกัน”
เฉินฝานซิง “…”
“เดี๋ยวผมจะให้อวี๋ซงเอาบัตรไปให้คุณ ผมลืมเรื่องนี้ไปเลย”
ความจริงแล้ว ยิ่งเป็นคนมีเงิน ของที่อยากได้กลับยิ่งน้อย
เพราะว่าของรุ่นลิมิเต็ด ของแบรนด์เนม รถหรู บ้านหลังใหญ่ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่พวกเขาได้มาอย่างง่ายดายเพียงแค่ดีดนิ้ว จึงไม่มีคุณค่าพอที่จะต้องไปไล่ไขว่คว้ามา
เพียงแค่ชี้นิ้วสั่งก็ได้มาแล้ว
แต่ไหนแต่ไร ป๋อจิ่งชวนไม่เคยใส่ใจเรื่องเงินพวกนี้เลย
ส่วนเฉินฝานซิงก็อยู่ตัวคนเดียวจนชินแล้ว ไม่ใช่คนที่ฟุ้งเฟ้ออะไร ขาดอะไรก็ซื้ออย่างนั้น แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตตัวเองยากจนข้นแค้น จึงเป็นอีกคนที่ไม่ได้สนใจเรื่องเงินทองอีกเช่นกัน
ดังนั้น เมื่อคนที่ไม่เคยให้ค่ากับเรื่องเงินทองสองคนมายู่ด้วยกัน เรื่องทรัพย์สินเงินทองจึงไม่ได้เป็นหัวข้อพูดคุยระหว่างพวกเขาทั้งคู่มาโดยตลอด
แต่ตอนนี้ เรื่องนี้กลายมาเป็นปัญหาแล้ว
ป๋อจิ่งชวนนั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเฉินฝานซิงจะพึ่งพาเขาได้อย่างเต็มที่
เมื่อเฉินฝานซิงได้พบเจอกับปัญหานี้ตรงหน้า ก็อึ้งไปชั่วขณะ
เงินทองของแบบนี้…
“ฉันอยากปฏิเสธ ฉันมีเงินของฉันเอง”
“อืม”
เฉินฝานซิงรู้สึกตกใจไม่น้อย นานๆ ครั้งที่ป๋องจิ่งชวนจะว่าง่ายอย่างวันนี้
“งั้นก็ดี ฉันไปทำงานต่อแล้ว สุดสัปดาห์ที่ไม่ได้มีมาบ่อยๆ แบบนี้ คุณก็จะพักผ่อนให้เต็มที่ก็ได้ หรืออาจจะออกไปดื่มกับเพื่อนสักแก้วก็ดี”
ป๋อจิ่งชวนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมาเพียงหนึ่งพยางค์สั้นๆ ปิดท้ายอีกตามเคย
…
หลังจากวางสาย เฉินฝานซิงถึงกับต้องถอนหายใจ ได้แต่คิดว่าว่าคืนนี้จะต้องเอาอกเอาใจผู้ชายคนนี้ยังไงอีกดี
แต่หลังจากที่เธอเพิ่งจะเก็บโทรศัพท์ไป ทางเดินของห้องแต่งหน้าก็มีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกสองคน
เหยียนซู่เอ๋อร์ เซเลปสาวอยู่ในชุดเดรสทรงสอบเข้ารูปปลายพลิ้วที่ซับในด้วยผิวขาวดุจหิมะของเธอเอง ผมยาวสลวยถูกม้วนเอาไว้หลวมๆ ประดับต่างหูไข่มุกที่เรียงเป็นดอกไม้แบบง่ายๆ คู่หนึ่ง การแต่งกายที่เรียบง่ายแต่ดูสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
แขนเรียวยาวขาวเนียนของเธอกำลังควงแขนของชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาดูสง่า ความเงียบไม่พูดไม่จาของชายหนุ่มทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความสุขุมนุ่มลึกแต่ก็เย็นชา
ใบหน้าของเหลียงซู่เอ๋อร์ถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจที่ดูพอเหมาะพอดี เห็นได้ชัดว่าเป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความพอใจและความสุข
เฉินฝานซิงเบะริมฝีปาก แต่ทว่าดวงตาดำทมิฬของเขากลับค่อยๆ แหงนขึ้นมาช้าๆ จวบจนสายตาของเขามาหยุดลงตรงใบหน้าของเฉินฝานซิงพอดี ทำให้เห็นท่าท่างที่กำลังเบ้ปากของเธอได้อย่างชัดเจน
สีหน้าเย็นชาแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ลึกล้ำจนยากจะเข้าใจ
เหลียงซู่เอ๋อร์ไม่คิดว่าลี่ถิงเซินจะหยุดฝีเท้า อีกทั้งยังหยุดอยู่ตรงหน้าผู้หญิงคนหนึ่งด้วย
เธอหันไปมองเฉินฝานซิงด้วยท่าทางระวังตัวปราดหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามกับลี่ถิงเซิน “มีอะไรเหรอคะ ถิงเซิน”
ลี่ถิงเซินยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แม้แต่ลึกลงในดวงตาของเขาก็ฉายประกายเจ้าเล่ห์ออกมาด้วย ก่อนจะพูดยิ้มๆ ด้วยท่าทางสนิทสนม “เจอรุ่นน้องที่โรงเรียนก็ต้องทักทายกันสักหน่อยสิ”
เพื่อนเก่าสมัยเรียนอีกแล้ว
ทำไมถึงได้รู้สึกว่า งานเลี้ยงฉลองของมหาวิทยาลัยที่กำลังจะจัดช่วงนี้ทำให้เหล่า “เพื่อนเก่า” ที่จมหายไปใต้ท้องทะเลลึกมานานถูกซัดขึ้นมาพร้อมกันในชั่วพริบตาแบบนี้ล่ะ
ตอนที่ 238 เขาพาลเกลียดแม้กระทั่งคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับเธอเพียงเล็กน้อย
ทำไมถึงได้รู้สึกว่า งานเลี้ยงฉลองของมหาวิทยาลัยที่กำลังจะจัดช่วงนี้ทำให้เหล่า “เพื่อนเก่า” ที่จมหายไปใต้ท้องทะเลลึกมานานถูกซัดขึ้นมาพร้อมกันในชั่วพริบตาแบบนี้ล่ะ
เฉินฝานซิงส่งรอยยิ้มเย็นชาไปให้เขา
“มาทำงานเหรอ” ลี่ถิงเซินถามเรียบๆ
“อืม นี่คุณผู้ชายลี่มาส่งแฟนทำงานเหรอ” น้ำเสียงของเฉินฝานซิงฟังดูแล้วมีนัยยะแฝงอย่างลึกซึ้งแบบยากที่จะสังเกตได้ คำแทนตัวที่เรียกว่า “คุณชายลี่” นั้นเป็นการดึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคนให้ดูห่างเหินกันอย่างชัดเจน
ลี่ถิงเซินชำเลืองมองเธอปราดหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น
“อืม”
เฉินฝานซิงพยักหน้า “งั้นฉันไม่รบกวนแล้ว”
เมื่อพูดจบ เธอก็เปิดประตูห้องแต่งหน้าที่อยู่ด้านหลังแล้วเดินเข้าไป
ลี่ถิงเซินทอดมองไปยังประตูที่ปิดสนิท รอยยิ้มตามมารยาทบนใบหน้าของเขาก่อนหน้านี้ค่อยๆ เลือนหายไป ลึกลงไปในดวงตาเต็มไปด้วยเมฆหมอกทึบไร้ซึ่งอุณหภูมิ
“ถิงเซิน พวกเราไปกันเถอะค่ะ”
ท่าทางเฉยเมยของเฉินฝานซิงแสดงออกมาอย่างชัดเจน แน่นอนว่าเหลียงซู่เอ๋อร์ดูออก จึงทำให้ความต่อต้านภายในใจลดลงมาบ้าง
ลี่ถิงเซินพยักหน้า จากนั้นก็พาเธอไปส่งยังห้องแต่งหน้าส่วนตัว
เฉินฝานซิงกลับเข้าไปในห้องแต่งหน้า ฉู่อี้แต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้กำกับกำลังยืนตักเตือนช่างแต่งหน้าอยู่ข้างๆ
เฉินฝานซิงเหลือบไปมองด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ปราดหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปหยุดตรงหน้าฉู่อี้ เธอยืนพิงโต๊ะแต่งหน้า หันหน้าไปทางฉู่อี้เพื่อสำรวจใบหน้าของเขาอย่างละเอียด
“ใช้ได้”
“…”
ผู้กำกับกำลังยืนวางมาดตำหนิช่างแต่งหน้าอยู่ข้างๆ ทำให้สายตาของเฉินฝานซิงที่เหลือบไปเห็นฉายประกายแห่งความหมดความอดทน
“ผู้กำกับหยิ่น เมื่อกี้ ประธานลี่พาเหลียงซู่เอ๋อร์มาแล้ว”
“ประธานลี่มาแล้วเหรอ”
เสียงตำหนิของผู้กำกับหยิ่นขาดหายไปชั่วขณะ ก่อนจะหันไปไปย้อนถามเฉินฝานซิงหนึ่งประโยคด้วยความตกใจ เฉินฝานซิงพยักหน้า ผู้กำกับหยิ่นกะพริบตาปริบๆ แล้วรีบเปิดประตูวิ่งออกไปด้วยความร้อนรน
แต่ไหนแต่ไรมาลี่ถิงเซินเป็นคนถ่อมตัวมาตลอด ชื่อเสียงของบริษัทไม่เป็นที่กล่าวถึงนักในสายตาคนนอก
แต่เพียงแค่เป็นคนที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงยิ่งนานเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งพบว่า คนที่กุมอำนาจทั้งหมดของวงการบันเทิงไว้ในมือที่แท้จริงคือใคร
รูปร่างหน้าตาสะสวย วิธีการเด็ดขาด เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว รักสนุกแต่ไม่ผูกพัน
รุ่นน้อง?
สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือการเจอหน้ากับรุ่นน้อง
โดยเฉพาะรุ่นน้องที่อยู่ปีเดียวกัน คณะเดียวกัน ห้องเดียวกันกับผู้หญิงคนนั้นอย่างเฉินฝานซิง
เธอไม่นับว่าเป็นเพื่อนเก่าคุ้นเคยในกลุ่มเพื่อนสมัยเรียนเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่เฉินเชียนโหรวย้ายเข้ามาในมหาวิทยาลัย T สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายระหว่างกลุ่มเพื่อนทั้งหมดที่เธอคบหาก่อนหน้านี้ ชีวิตในมหาวิทยาลัยของเฉินฝานซิงก็ยิ่งเละเป็นไม่ท่า
ไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับเธอ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เธอก็ไม่อาจเข้าหาใครก่อนเช่นกัน
นอกจากชิงจือ กลับมีคนอีกประเภทอยู่ด้วย
ซึ่งมักจะคอยปรากฏตัวอยู่ข้างเธอ ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสราวกับไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้น
ผู้หญิงคนนั้น ดีกับทุกคน แต่กลับไม่ยอมคบใครเป็นเพื่อน เธอมักทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่คิดอะไรมาก ยโสโอหัง เชื่อมั่นในการกระทำของตัวเอง
เย่ชิงชิว
นิสัยของเธอไม่เหมาะกับชื่อที่ฟังดู่อ่อนโยนและสง่างามชื่อนี้เลยสักนิด
แต่ก็ทำให้จดจำไปทั้งชีวิต
ลี่ถิงเซินเกลียดผู้หญิงที่ชื่อเย่ชิงชิวคนนั้น
เกลียดจนพาลเกลียดคนรอบข้างที่ปฏิสัมพันธ์กับเธอเพียงเล็กน้อยไปด้วย
เธอไม่ได้เป็นเพื่อนกับเย่ชิงชิว ไม่สนิทกัน ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าตอนนั้นเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นกันแน่ หลังจากที่พ่อเธอเสียไปไม่นานก็ถูกจับตัวเข้าคุกไป
เฉินฝานซิงส่ายหน้า เธอยืนอยู่ด้านล่างเวทีมองดูฉู่อี้ที่กำลังปั้นหน้าอัดรายารอยู่บนเวที
“คุณหนูเฉิน”
จู่ๆ ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมจากด้านหลัง เฉินฝานซิงหันกลับไป ก็ได้เจอกับอวี๋ซงที่กำลังยืนส่งยิ้มอยู่ด้านข้างตัวเองโดยที่เธอไม่คาดคิดมาก่อน
“ผู้ช่วยอวี๋ คุณ…”
เฉินฝานซิงนิ่งไป ดูเหมือนเธอจะเดาอะไรบางอย่างออก
ในระหว่างที่อวี๋ซงหยิบบัตรหนึ่งใบยื่นออกมาให้เธอ แน่นอนว่านั่นได้พิสูจน์ผลการคาดเดาของเธอแล้ว
ที่เธอปฏิเสธไปมีประโยชน์อะไรบ้างไหมเนี่ย