ตอนที่ 249 แสดงอำนาจ
“เฉินฝานซิง เธอพอได้แล้ว ต้องการอะไรอีก เฉินเชียนโหรวมีใจหวังดี แต่เธอกลับเอาแต่หยิบเรื่องมือที่สามมาพูดไม่ยอมเลิกเรา เธอสนุกมากใช่ไหม”
จู่ๆ ฟลินเฟยเฟยก็พุ่งเข้ามา
“ไม่สนุกหรอก มันก็เหมือนกับที่พวกเธอเอะอะก็เอาแต่พูดถึงซูเหิงไม่หยุดนั่นแหละ”
“เธอ…” หลินเฟยเฟยโกรธจนพูดไม่ออก
เฉินฝานซิงกลับหันไปมองทางผู้จัดการร้าน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณแน่ใจเหรอว่าจะขายรักแท้เพียงหนึ่งเดียวในชีวิตนี้ให้กับเธอ ไม่ผิดความตั้งใจในการออกแบบของดีไซน์เนอร์เหรอ”
ผู้จัดการร้านเริ่มโกรธจนหน้าเขียวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ในที่สุดเธอก็มองออกอย่างแจ้มแจ่งแล้วว่า ผู้หญิงคนนี้มาเพื่อจะหาเรื่องเพียงเท่านั้น
“คุณหนูใหญ่สกุลเฉิน พวกเราทำการค้าขาย แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวของลูกค้าอยู่แล้ว ดิฉันรับผิดชอบเพียงแค่ขายสินค้าออกไปก็เท่านั้น หรือว่าเวลาที่ฉันจะขายของยังต้องถามฝั่งตรงข้ามก่อนเหรอคะว่าเป็นเมียน้อยใช่หรือเปล่า”
เฉินฝานซิงยกมุมปาก
“เธอว่าใครเป็นเมียน้อย” หลินเฟยเฟยรีบร้องลั่นออกมาทันที
ผู้จัดการร้านหน้าซีดเผือด รีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
ในใจก็เริ่มรู้สึกโกรธเกลียดเฉินฝานซิงมากขึ้นกว่าเดิม ถ้าอีกฝ่ายไม่พูดอะไรแบบนี้ เธอเองคงไม่เผลอหลุดปากพูดอะไรแบบนั้นออกไป
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ แล้วทำไมถึงต้องใช้เหตุผลผิดความตั้งใจของดีไซน์เนอร์มาปฏิเสธที่จะขายให้ฉันด้วยล่ะ”
ผู้จัดร้านโกรธจนใกล้จะบ้าตายเต็มที “ใครบอกว่ามือที่สามจะได้รับรักแท้ไม่ได้ ผู้หญิงทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้ครอบครองรักแท้เพียงหนึ่งเดียวตลอดกาล คุณหนูใหญ่สกุลเฉิน ดิฉันขอร้องคุณละ ถ้าหากไม่คิดจะซื้อของ ก็อย่ามาก่อความวุ่นวายในนี้เลย พวกเราทำมาหากินกว่าจะได้เงินมาซื้อข้าวมันไม่ง่ายเลย อย่าสร้างความลำบากให้พวกเราอีกเลยจะได้ไหม”
เฉินฝานซิงปรายตามองเธอช้าๆ ปราดหนึ่ง “ปากอย่างนี้ของเธอ เกรงว่าต่อไปคงจะไม่มีสิทธิ์ได้กินข้าวอีกแล้ว…”
ผู้จัดการร้านชะงักไปชั่วขณะ สายตาที่เธอมองมายังเฉินฝานซิงเป็นสายตาที่แสดงถึงความดูถูกเหยีดดหยามอยู่ตลอดเวลา
“คุณจะร้องเรียนฉันเหรอคะ ถ้าคุณจะทำอย่างนั้น ฉันก็หมดหนทาง ฉันเพียงแค่ทำเพื่อผลประโยชน์ของบริษัท ยิ่งไปกว่านั้น คุณเองก็หน้าหนาหน้าทนอยู่ที่นี่ไม่ยอมไปสักที อยากจะร้องเรียนก็เชิญตามสบาย แต่ว่า เชื่อฉันสิคะ ต่อให้คุณเรียกหัวหน้าเข้ามา เขาก็ไม่มีทางอยู่ข้างคุณ”
วันนี้ ภายในพริบตาเดียวเธอทำยอดขายไปแล้วถึงยี่สิบกว่าล้าน ยอดขายที่สูงขนาดนี้ ผลงานที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ หัวหน้าคงแทบรอไม่ไหวที่จะให้รางวัลกับเธอแล้ว จะมาลงโทษเธอเพื่อคนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างนั้นคนเดียวได้อย่างไร
หลินเฟยเฟยที่คอยเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ทนไม่ไหวแล้ว เธอถลึงตาใส่เฉินฝานซิง “สรุปว่าเธอจะซื้อหรือไม่ซื้อ ไม่มีปัญญาซื้อก็รีบคุกเข่าลงต่อหน้าพวกฉันซะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟยเฟยที่ร้องจะให้เข้าสู่บทลงโทษเร็วๆ สีหน้าของเฉินฝานซิงนิ่งขรึม พลันหรี่ตาลง สายตาเฉียบคมราวกับด้ามมีดน้ำแข็งจ้องไปบนตัวหลินเฟยเฟย ความเยือกเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวของเธอทำให้คนทั้งร้ายรับรู้ได้อย่างชัดเจน
“ฉันบอกไปตั้งนานแล้ว ว่าของทั้งร้านนี้ ฉันเหมาหมดเลย”
เฉินฝานซิงแววตาหนักแน่น ร่างเพรียวบางกระจายรังสีอำมหิตและเย็นชาออกมา ทำให้บรรยากาศภายในร้านหนาวเหน็บลงไปถนัดตา
ไม่มีใครกล้าสงสัยในคำพูดของเธอ ทั้งยังไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะเธอเหมือนในตอนที่เธอพูดครั้งแรกอีก
“เธอ…เธอจะล้อเล่นอะไรอีก” ผ่านไปครู่ใหญ่ หลินเฟยเฟยค่อยๆ เอ่ยปากพูดด้วยท่าทางตะกุกตะกัก ลึกๆ รู้สึกขัดใจกับตัวเองที่ช็อกไปกับท่าทางของคนแพศยาอย่างเฉินฝานซิงได้
แต่ว่า หลังจากที่เธอพูดออกมา ทุกคนก็ค่อยๆ ดึงสติกลับมาได้อีกครั้ง พลันขยับริมฝีปากด้วยอาการที่อยากจะยิ้มแต่กลับยิ้มไม่ออก
สายตาของเธอค่อยๆ เลื่อนไปหยุดบนตัวผู้จัดการร้านด้วยท่าทางนิ่งเรียงแต่กลับเย็นยะเยือก
เธอไม่พูดอะไร ผู้จัดการร้านกลับยังคงเชิดหน้าชูคอพูดออกมาด้วยท่าทางเย่อเหยิ่ง “ถ้าจะเหมา ยังไงดิฉันก็ขอยืนยันคำเดิม เชิญคุณกรุณาจ่ายเงินก่อนด้วยค่ะ”
ตอนที่ 250 โอกาสหกครั้ง ล่วงเกินสิบแปดครั้ง
เฉินฝานซิงหรี่ตาลง พลันจ้องไปที่เธออีกครั้ง ด้วยท่าทางแข็งกร้าวและแววตาดื้อดึง
“คุณได้ยินข่าวลือมาหนาหู แต่กลับไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นแค่ไหน วันนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ฉันให้โอกาสคุณไปหกครั้งแล้ว ส่วนคุณพูดจาแดกดัน ท่าทางเฉยเมยใส่ฉันทั้งหมดสิบแปดครั้ง”
“ในฐานะผู้จัดการสาขาของแบรนด์ต่างประเทศในประเทศจีนคนหนึ่ง พฤติกรรมของคุณที่ปฏิบัติต่อลูกค้าคือมีท่าทีไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ประจบสอพลอ เลือกปฏิบัติ หน้าไหว้หลังหลอก เลียแข้งเลียขาอย่างออกนอกหน้า ฉันทนคุณมาถึงตอนนี้ คุณก็ยังคงไม่ยอมพิจารณาตัวเองอีกเหมือนเดิม ร้องเรียนคุณ แน่นอนว่าฉันต้องทำอยู่แล้ว”
ระหว่างที่พูด เฉินฝานซิงก็พยายามควานหาโทรศัพท์ ปรากฏว่าสวี่ชิงจือที่ยืนอยู่หน้าประตูมาโดยตลอด จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ฝานซิง ไม่ต้องลำบากหรอก ฉันช่วยเธอร้องเรียนไปเรียบร้อยแล้ว”
เธอพูดพลางยกโทรศัพท์ขึ้นมาโบกไปมา
อีกทั้งยังข้ามขั้นไปร้องเรียนหัวหน้าระดับสูงสุดโดยตรงเลยอีกด้วย
เฉินฝานซิงมองเธอปราดหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ
ผู้จัดการร้านที่อยู่ข้างๆ หน้าเสียถึงขีดสุด
เธอตะลึงไปกับรังสีที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเฉินฝานซิงจริงๆ
ตั้งแต่เมื่อกี้ ผู้หญิงคนนี้ก็เงียบมาโดยตลอด เธอคิดว่าหล่อนกำลังคิดว่าตัวเองทำให้เรื่องบานปลายใหญ่โตเกินไป คิดว่าตัวเองหาทางไปต่อไม่ได้แล้วจึงรู้สึกกังวลใจและเครียดจนพูดอะไรไม่ออก ไม่คิดเลยว่าหล่อนกำลังจดจำทุกถ้อยคำทุกการกระทำของตัวเองไว้ในหมดแล้ว
โอกาสหกครั้ง ล่วงเกินสิบแปดครั้ง!
จำได้แม่นขนาดนี้ เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นจริงๆ ด้วย
ในหัวของเธออดคิดถึงตอนที่เธอเดินไปหยิบอัญมณีออกมาแล้วเฉินฝานซิงหันมาส่งสายตาเย็นชาให้ไม่ได้
ตอนนี้ พอกลับมาคิดอีกที ก็ทำให้เธอสั่นผวาขึ้นมาทันที
ส่วนคำพูดของเฉินฝานซิงทุกประโยค ทุกคำ ราวกับหินแหลมทิ่มแทงลงมาบนตัวของเธอ
เวลานี้เธอไม่อาจขยับตัวได้เลย แม้แต่แรงจะพูดก็ไม่เหลือแล้ว
เธอพยายามเงยหน้าขึ้นมามองเฉินฝานซิงอย่างยากลำบาก
แต่กลับเห็นใบหน้าหยิ่งผยองและเฉยชาของเธอ ไม่เพียงแต่ไม่มีท่าทีถ่อมตน แต่กลับมีท่าทีราวกับราชินีผู้สงส่งที่ไม่อาจมีผู้ใดล่วงเกินได้ ราวกับถูกปกคลุมไปด้วยแผ่นน้ำแข็งที่หนาเป็นชั้น ท่าทางเด็ดเดี่ยวจนทำให้คนแทบจะหยุดหายใจ
“…ฉัน…” เธอพยายามเค้นเสียงพูดออกมาคำหนึ่งด้วยริมฝีปากที่สั่นระริก แต่กลับโดนเฉินฝานซิงตัดบทเสียก่อน
“คุณควรเงียบปากไปได้แล้ว ตอนที่ให้คุณพูด คุณก็ไม่ยอมพูด ตอนนี้ ฉันไม่อยากจะได้ยินคุณพูดแม้แต่คำเดียว ต้องรอให้ฉันจ่ายเงินก่อนถึงจะห่อมันให้ฉันได้อย่างนั้นใช่ไหม ได้ งั้นฉันจะไปจ่ายเงินเดี๋ยวนี้เลย”
เสียงของเฉินฝานซิงราวกับแท่งน้ำแข็งในถ้ำอันหนาวเหน็บที่ร่วงลงสู่พื้น ทั้งเย็นชาและหนักแน่น จากนั้น เธอก็เดินย่างสามขุมไปยังแคชเชียร์ ท่ามกลางสายตาผู้คนที่มามุงดูมากมาย
เธอหยิบบัตรใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วโยนมันไปให้แคชเชียร์
ทว่าพนักงานคนนั้น เมื่อได้เห็นบัตรใบนั้นที่เฉินฝานซิงโยนมาให้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปถนัดตา
เธอเงยหน้าขึ้นมามองเฉินฝานซิงอย่างทันควันปราดหนึ่ง จากนั้นก็ส่งสายตาไปทางผู้จัดการร้านที่ยืนห่างออกไปค่อนข้างไกล
นั่นเป็นแววตาซับซ้อบที่ทำให้หลายคนยากจะเข้าใจ
มือที่กำกระเป๋าถือไว้หลวมๆ ของเฉินเชียนโหรวกระชับขึ้นในฉับพลัน ด้านใจรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง
“เชอะ ทำเป็นอวดดีไป จะซื้อของทั้งร้านนี้อย่างนั้นเหรอ ฉันก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าเธอมีเงินเท่าไหร่กันแน่ ที่ถึงกับขนาดจะเหมาร้านนี้ให้ได้น่ะ”
หลินเฟยเฟยพูดพลางยกมือขึ้นกอดอก ก่อนจะบิดเอวบางๆ ย่างเท้าเดินไปทางแคชเชียร์
และก็เป็นเพราะประโยคนี้ของหลินเฟยเฟยที่ทำให้ทุกคนค่อยๆ ดึงสติกลับมาได้อีกครั้ง
เมื่อเห็นผู้จัดการร้านสีหน้าไม่สู้ดีนัก จึงพากันเดินเข้าไปปลอบใจ
“วางใจเถอะ ผู้จัดการ ปล่อยให้เธอร้องเรียนไป คุณทำยอดขายให้บริษัทสูงขนาดนี้ บริษัทจะลงโทษคุณได้ยังไง”