ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย – ตอนที่ 253 ทุกอย่างพังหมดแล้ว / ตอนที่ 254 ฉันก็เต็มใจ!

ตอนที่ 253 ทุกอย่างพังหมดแล้ว / ตอนที่ 254 ฉันก็เต็มใจ!

ตอนที่ 253 ทุกอย่างพังหมดแล้ว

“อย่าลืมคำพูดเมื่อกี้นี้เด็ดขาด ก่อนที่เฉินเชียนโหรวจะซื้อฉันก็บอกไปแล้วว่าฉันจะซื้อของทุกอย่างในร้าน เพราะงั้น ของกี่ชิ้นที่ขายให้คุณเฉินเชียนโหรวไปเมื่อกี้ ก็เป็นของฉันด้วย ยี่สิบสี่ล้านสามแสนแปดหมื่น กรุณาคืนให้ฉันแบบไม่ขาดแม้แต่สตางค์เดียว”

“แต่ถ้ามองจากมุมนี้ ฉันต้องขอบคุณคุณนะ ที่ช่วยให้ฉันหาเงินเพิ่มได้เยอะขนาดนี้”

เวลานี้ ผู้จัดการร้านรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น ใบหน้าซีดเซียวราวกับหิมะ

เธอไม่เพียงแต่ไม่ได้ช่วยให้บริษัททำเงินได้ แต่กลับทำให้บริษัทต้องขาดทุนถึงยี่สิบสี่ล้านสามแสนแปดหมื่นอย่างปฏิเสธไม่ได้…

โบนัสอะไรกัน เลื่อนตำแหน่งเพิ่มเงินเดือนอะไรกัน

เกรงว่าตอนนี้เธอเองแม้แต่งานก็จะไม่เหลือให้ทำแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น…

‘ปากอย่างนี้ของคุณ เกรงว่าต่อไปคงจะไม่มีสิทธิ์ได้กินข้าวอีกแล้ว…’

จู่ๆ คำพูดก่อนหน้านี้ของเฉินฝานซิงก็แว้บเข้ามาในหัวของเธอ ทำให้เธอรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วกระดูก

“ไม่นะคะ คุณหนูใหญ่สกุลเฉิน ก่อนหน้านี้คุณยังไม่ได้จ่ายเงิน ของพวกนี้ไม่ใช่…ไม่ใช่ของคุณ คุณหนูรองสกุลเฉินซื้อไปแล้ว…”

เฉินฝานซิงถอนสายตานิ่งเฉยออกจากเธอ ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจคำพูดของผู้จัดการร้านโดยสิ้นเชิง

“คุณหนูใหญ่สกุลเฉิน ขอร้องคุณอย่า…”

“อยู่ให้ห่างจากฉันหน่อย”

ในขณะที่ผู้จัดการร้านกำลังจะพุ่งเข้าไป เฉินฝานซิงก็ตะคอกออกมากะทันหัน

ผู้จัดการร้านถึงกับชะงักงัน ภาพที่อยู่ตรงหน้าก็คือกางเกงสูทขากว้างสีขาวสะอาดตัวนั้นของเฉินฝานซิง

เธอกางแขนทั้งสองข้างออก แต่กลับไม่กล้ายื่นไปแตะผ้าพื้นขาวสะอาดที่อยู่ตรงหน้าผืนนั้น

เฉินฝานซิงขมวดคิ้วมุ่น ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว เพื่อถอยห่างจากการเข้าใกล้ของผู้จัดการร้าน

ภาพสีขาวส่องประกายสว่างวาบ พลิ้วไหวอยู่กลางอากาศ กลิ่นหอมอ่อนๆ ให้ความรู้สึกหนาวเย็น

ตั้งแต่ต้นจนจบ ต่อให้โมโหโกรธเกรี้ยว ก็ไม่เคยเห็นการแสดงออกทางอารมณ์บนสีหน้าของเธอเท่าไหร่

รังสีความเย่อหยิ่งเย็นชาของเธอ ดูเหมือนกับท่าทางความเคร่งครัดที่แผ่นซ่านออกมาจากตัวของเธอ ดูสูงส่งและมีความเป็นผู้นำ

หลินเฟยเฟยร้อนใจจนทนไม่ไหว เตะเข้าที่ขาของผู้จัดการร้านด้วยความโมโห “เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ผู้จัดการร้านใบหน้าซีดขาว ริมฝีปากที่ไร้ซึ่งเลือดฝากของเธอสั่นระรัวอยู่นาน กว่าจะเปล่งเสียงที่แหบเครือออกมาได้

“บัตรที่อยู่ในมือของคุณหนูใหญ่สกุลเฉินใบนั้น เป็นบัตรผ่านทางสีเขียวของห้างนี้ค่ะ”

“มันคืออะไร” หลินเฟยเฟยเลิกคิ้ว ของบ้าอะไรกัน บัตรผ่านทาง?

แต่ผู้จัดการร้านกลับไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะพูดออกมาอีกแล้ว

แคชเชียร์ที่อยู่ข้างๆ จึงอธิบายต่อจากคำพูดของเธอ

“บัตรผ่านทางสีเขียวของห้าง เป็นบัตรสำหรับลูกค้าพิเศษที่ได้รับสิทธิพิเศษสูงสุดในการใช้จ่ายทุกอย่างในห้างแห่งนี้ ยังมีอีกประเภท…ก็คือบัตรวีไอพีที่ได้รับสิทธิ์ยกเว้นค่าใช้จ่ายสินค้าทุกอย่างในห้างนี้ ส่วนบัตรที่คุณหนูใหญ่สกุลเฉินมีอยู่ก็คือบัตรผ่านทางสีเขียว แบบที่ได้รับสิทธิ์ยกเว้นค่าใช้จ่ายค่ะ ซึ่งก็หมายความว่า ถ้าคุณหนูใหญ่สกุลเฉินคิดจะเหมาของทั้งห้างนี้ ก็ย่อมทำได้…”

พนักงงานแคชเชียร์พูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลงเรื่อยๆ เมื่อหันไปมองทางเฉินฝานซิงที่มีท่าทางดุดัน ในใจก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากกว่าเดิม

ผู้อำนวยการเหลียงเมื่อได้ยินคำว่าบัตรผ่านทางสีเขียวก็ขาอ่อนไร้เรี่ยวแรงจนเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้น

วันนี้พวกเขาไปล่วงเกินใครไว้กันแน่

“เธอ…เธอว่าไงนะ”

หลินเฟยเฟยแผดเสียงแหลมเล็กกว่าปกติออกมา เมื่อพูดจบ ใบหน้าก็ซีดขาวไปชั่วขณะ

เหมาของทั้งห้างนี้ได้อย่างนั้นเหรอ

บ้าไปแล้วหรือไง

ส่วนเฉินฝานซิงในเวลานี้กลับค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาช้าๆ สายตาที่เยือกเย็นคู่นั้นค่อยๆ ไปหยุดอยู่บนตัวของหลินเฟยเฟย

ตอนที่ 254 ฉันก็เต็มใจ!

หลินเฟยเฟยถูกทำให้ตกใจด้วยสายตาคู่นั้นจนต้องรีบกระโดดไปหลบอยู่ด้านหลังของเฉินเชียนโหรวที่มองดูสถานการณ์อยู่ข้างหน้า พร้อมกับมองมายังเธออย่างหวาดระแวง

“เธอ…เธอคิดจะทำอะไร!”

เฉินฝานซิงมองไปยังพื้นกระเบื้องก่อนจะเหลือบมองเธอแล้วพูดว่า “คุกเข่า”

หลินเฟยเฟยถึงกับเลือดขึ้นหน้าในทันที

เฉินเชียนโหรวซึ่งเป็นที่กำบังให้เธออยู่ข้างหน้าบดกรามแน่นจนแทบแหลก

“พี่คะ พี่พูดมาตลอดว่าเป็นคนเปิดเผยและยึดมั่นคุณธรรม แต่วันนี้พี่ทำแบบนี้กับเรามาสองครั้งแล้วนะ!”

จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่าควรจะตอบโต้เธอกลับไปอย่างไร นี่เธอคงโง่จนรักษาไม่หายไปแล้วจริงๆ!

เมื่อนึกถึงเงินที่สั่งสมไว้ด้วยความยากลำบาก แล้วจู่ๆ มันกลับถูกหลอกเข้าไปอยู่ในกระเป๋าคนอื่น เธอโกรธจนแทบรู้สึกปวดฟัน

เฉินฝานซิงหันไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่อีกด้านหนึ่งก่อนจะมองพวกเธออย่างขำขัน

“ผู้หญิงทุกคนก็กะล่อนทั้งนั้น จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าการเล่นไม่ซื่อก็น่าสนุกดีเหมือนกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าครั้งไหนบ้างที่เธอไม่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน พาตัวเองมาทรมานถึงที่ ถ้าไม่ทรมานพวกเธอ ฉันจะไม่รู้สึกผิดกับพวกเธอแย่เหรอ!”

“เฉินฝานซิง ในเมื่อเธอถือไพ่ใบสุดท้ายไว้แล้วทำไมไม่ยอมเปิดมันตั้งแต่แรก!”

“เหอะ” เฉินฝานซิงขำเสียงเย็น “พูดไปแล้วเธอจะเชื่อเหรอ คนที่เปิดเกมก่อนไม่ใช่เธอรึไง สรรหาทุกหนทางเพื่อจะประกาศศักดาให้ฉันได้เห็น คิดจะเหยียบฉันให้จมดินเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกสมศักดิ์ศรีคนชั้นสูงอย่างพวกเธอ เธอมีความสุขกับการที่ได้ทำแบบนี้ ฉันก็ช่วยให้พวกเธอสมปรารถนาอยู่นี่ไง!”

“เธออย่ามาแสร้งเป็นคนดีที่นี่ แกมันหลอกลวง นังคนชั่ว!”

“ฉันไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว ที่ฉันไม่เคยพูดมาก่อนหน้านั้น ก็เพื่อให้พวกเธอได้เสแสร้งกันต่อไป และฉันก็เห็นว่าเธอให้ความร่วมมือดี อุตส่าห์ขุดหลุมให้ตัวเองตกลงไป! ฉันก็เต็มใจ! ในเมื่อมีแหล่งทรัพยากรพอที่จะให้พวกเธอได้จ่ายค่าตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ ได้แล้ว ทำไมฉันจะไม่ใช้ล่ะ”

เฉินเชียนโหรวสีหน้าเปลี่ยน “พี่คะ ฉันนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าพี่จะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ต่อให้ก่อนหน้านี้พี่จะเย็นชา แต่ก็ยังนึกได้บ้างว่าเราคือครอบครัวเดียวกัน ตอนนั้นพี่ก็ออกจะแสนดี…”

“พอแล้ว!” เฉินฝานซิงขัดขึ้นเสียงกร้าว เธอเคลื่อนสายตาไปมองเฉินเชียนโหรวด้วยสีหน้าจิกกัด “แสนดี? เฉินเชียนโหรว คำพวกนี้พอออกมาจากปากเธอแล้วฟังดูชวนคลื่นไส้ชะมัด! เลิกเสียเวลาสักที ในเมื่อแพ้แล้วก็รีบๆ คุกเข่าให้ฉันซะ!”

เมื่อถ้อยคำอันหนักแน่นของเฉินฝานซิงนั้นสิ้นสุดลง รอบด้านก็ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบในชั่วพริบตา

ทุกคนกลั้นหายใจมองฉากตรงหน้าอย่างเงียบงัน เดาไม่ออกว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป

เฉินเชียนโหรวหน้าถอดสีทันที เธอยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร “พี่คะ เมื่อกี้เฟยเฟยแค่ล้อเล่น…”

เฉินฝานซิงเงยหน้าขึ้น เธอขี้เกียจจะเปลืองน้ำลายกับอีกฝ่ายต่อไป ดวงตาคู่สวยหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม “จะคุกเข่าไหม”

เฉินเชียนโหรวก้าวถอยไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นว่า “พี่…ต้องจริงจังถึงขั้นนี้เลยเหรอ?”

“หากวันนี้คนที่แพ้คือฉัน พวกเธอจะปล่อยฉันไปง่ายๆ เหรอ ไม่มีทาง! เพราะมันเป็นหลุมที่เธอตั้งใจขุดไว้ฝังฉันตั้งแต่แรก! แค่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นตัวเองที่ตกลงไป! เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว! คุกเข่าให้ฉันกันได้แล้ว!”

หลินเฟยเฟยถูกบีบคั้นให้เดือดจนเลือดขึ้นหน้า “เหอะ ใครจะไปคุกเข่าให้แก! นังชั่ว!”

ดวงตาของเฉินฝานซิงเย็นเฉียบขึ้นทันควัน ก่อนที่เธอจะลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้

เธอก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วลากเอาข้อมือของหลินเฟยเฟยออกมาจากข้างหลังของเฉินเชียนโหรวท่ามกลางความตื่นตะลึงของฝูงชน

“นี่ ยัยบ้า แกจะทำอะไรห๊ะ!”

“เฟยเฟย!”

เฉินเชียนโหรวร้องเสียงแหลม เธอก้าวมาคว้าเธอเอาไว้ ทว่าข้อมือของเธอเองก็ถูกเฉินฝานซิงจับเอาไว้ได้เช่นกัน คนหนึ่งเบี่ยงตัวลอดผ่านช่องว่างระหว่างสองคนนั้นเข้ายืนอยู่หลังของพวกเธอเพียงชั่วพริบตา

ตามมาด้วยการยกเท้าขึ้นเตะลงบนข้อพับของทั้งคู่อย่างจัง

พวกเธอร้องขึ้นเสียงแหลมตามมาด้วยเสียงดัง ผัวะ…

หลินเฟยเฟยและเฉินเชียนโหรวทรุดลงไปกับพื้นอย่างหมดหนทาง!

การกระทำที่ต่อเนื่องกันนี้เป็นไปอย่างคล่องแคล่วและสมบูรณ์แบบ ดูเหมือนว่าความสมบูรณ์แบบนี้จะทำเอาคนที่กำลังดูอยู่ตกตะลึง

รวมไปถึงป๋อจิ่งชวนที่อยู่บนหน้าจอของสวี่ชิงจือด้วย!

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

Status: Ongoing

หลังจากแม่ของเธอจากไป เฉินฝานซิง ก็ถูกพ่อและย่าแท้ๆ ของตัวเองขับไสไล่ส่งไปตายเอาดาบหน้าในประเทศต่างแดนอันแสนทุรกันดาร ทว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงเคี้ยวง่ายอย่างที่คิด ด้วยสมองและสองมือ ในที่สุดเฉินฝานซิงก็หนีกลับมาจากนรกขุมนั้นได้

เธอตัดสินใจแยกตัวออกมาจากครอบครัวสารพัดพิษและใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง คอยทุ่มเทพัฒนาบริษัทของคู่หมั้นที่เกือบจะต้องปิดตัวลงและบริษัทเล็กๆ ที่แม่ของเธอทิ้งไว้ กระนั้นความสัมพันธ์รักแปดปีกลับได้มาแค่ความเชื่อใจที่แสนเปราะบาง เพราะคู่หมั้นกลับไปหลงเชื่อคำโกหกของน้องสาวต่างแม่ที่ชอบตีสองหน้าของเธอเสียได้

ในขณะที่แผลใจจากคนรักเก่ายังไม่ทันหายดี ศรัทธาที่มีในชีวิตคู่ก็เริ่มถดถอย เธอเลือกหันหลังให้กับความรักโดยการขดตัวเป็นตัวเม่นและใช้หนามแหลมๆ นั้นปฏิเสธทุกคนที่เข้าหา ทว่าอยู่มาวันหนึ่ง ป๋อจิ่งชวน ผู้ชายจอมเผด็จการคนนั้นก็ก้าวเข้ามาพร้อมหยิบยื่นความรักครั้งใหม่ให้กับเธอโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ปฏิเสธมันเลยสักนิด!

“การตัดสินใจจีบคุณคือเรื่องของผม สุดท้ายแล้วคุณจะปฏิเสธหรือไม่นั่นก็เรื่องของคุณ แต่ผมจะปฏิเสธคำปฏิเสธของคุณ!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท