ตอนที่ 275 พะ…พี่ป๋อมีผู้หญิงแล้ว
“เหวย พี่ป๋อ ฮ่าๆ ผมอีกแล้ว…”
เสียงเริงร่าของอินรุ่ยเจวี๋ยดังมาจากอีกฝั่ง เขาเม้มปากเข้าหากันพร้อมกับกองเพลิงที่ถูกจุดขึ้นในอก ก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยเสียงเยือกเย็น
“ทำไม”
“ทำไมอะไรกันเล่า ก็เมื่อกี้พี่พูดเองไม่ใช่เหรอว่าไว้เจอกันครั้งถัดไป ตอนนี้พวกเราเพิ่งจะเปลี่ยนที่กัน ออกมาเหอะพี่”
ป๋อจิ่งชวนเงียบไปพักใหญ่ เขาหันไปมองเฉินฝานซิงอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ข้างๆ เธอ พลางจ้องมองเธอแล้วเอ่ยถาม “อยากออกไปเที่ยวไหม”
เฉินฝานซิงชะงักนิ่งไป สายตาเลื่อนลงไปหยุดที่โทรศัพท์ในมือของเขา “เพื่อน…คุณ?”
ป๋อจิ่งชวนพยักหน้ารับ นัยน์ตาสีดำขลับจับจ้องเธอไม่วางตา
ความเงียบเวลาสั้นๆ ทำเอาอินรุ่ยเจวี๋ยที่อยู่ในสายของป๋อจิ่งชวนเกร็งไปทั้งตัว เขากลั้นหายใจฟังทุกการเคลื่อนไหวผ่านทางโทรศัพท์
นี่เขาได้ยินอะไรไปเนี่ย
เมื่อกี้เขาได้ยินอะไรไป!
จู่ๆ เขาดันได้ยินเสียงผู้หญิง!
พี่ป๋อ…เขามีผู้หญิงแล้ว?!
เขากำโทรศัพท์ในมือเอาไว้แน่น ออกแรงแนบโทรศัพท์เครื่องนั้นให้แนบชิดเข้ากับใบหูยิ่งขึ้นแล้วกดเพิ่มเสียงจนสุด ราวกับกลัวว่าเขาจะทำลมหายใจตกหล่นไป
ความเงียบผ่านไปได้สองสามวิ จู่ๆ เขาก็รู้สึกราวกับว่าทศวรรษนี้ช่างยาวนาน
แม้แต่ป๋อจิ่งชวนในตอนนี้เองก็รู้สึกเช่นนั้น
แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ตอบอะไร โทรศัพท์ของเธอก็ได้ดังขึ้นเช่นกัน
คิ้วของป๋อจิ่งชวนกระตุกเล็กน้อย เมื่อเห็นเธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก็นึกไปว่าเธอกำลังจะกดรับสาย แต่ที่ไหนได้เธอกลับกดตัดสายไปหน้าตาเฉย เธอเงยหน้ามองป๋อจิ่งชวนจากนั้นก็ยกยิ้มพลางเอ่ยขึ้นว่า
“เอาสิคะ สุดสัปดาห์ที่หายากแบบนี้ ก็ควรออกไปเที่ยวกันหน่อย”
ป๋อจิ่งชวนยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ยถามคนในโทรศัพท์ “ที่ไหน”
“…ตี้หวงอวี๋เล่อ”
“อืม”
–
ตี้หวงอวี๋เล่อเป็นดั่งถ้ำทองคำของผิงเฉิง
มันจึงกลายเป็นแหล่งรวมตัวกันของบรรดาลูกท่านหลานเธอและพวกไฮโซทั้งหลาย
ดั่งคำกล่าวว่าชนชั้นนายทุน แค่คำว่าชนชั้นคำเดียวก็แบ่งได้หลายระดับแล้ว
ดังนั้นตี้หวงอวี๋เล่อจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะแบ่งห้องวีไอพีออกเป็นสามห้อง
อันได้แก่ ตี้หวงถิง เว่ยยางกง เฟิ่งหวงเก๋อ
ส่วนห้องที่อินรุ่ยเจวี๋ยอยู่นั้นก็ต้องเป็นตี้หวงถิงอย่างไม่ต้องสงสัย
อินรุ่ยเจวี๋ยกดตัดสาย ก่อนจะก้าวเดินกลับมายังห้องของตัวเองอย่างล่องลอย ทั้งยังหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างเชื่องช้า เขายกแก้วแอลกอฮอล์ข้างๆ ขึ้นมากระดกอึกๆ ลงไปรวดเดียว
ภายในห้องมีทั้งคนที่สนิทสนมกับอินลุ่ยเจวี๋ยอยู่หลายคน ทั้งยังมีบรรดาคุณชายในตระกูลที่มั่งมีจากต่างเมืองอีกหลายคน
ภายในห้องนั้นได้เรียกหญิงสาวหน้าตาสะสวยสะอาดเกลี้ยงเกลาแต่งตัวเข้าตามาอยู่เป็นเพื่อน
ชายหญิงคู่หนึ่งยืนร้องเพลงรัก จังหวะช้าๆ ด้วยกันอยู่ตรงกลางห้อง
เมื่ออินรุ่ยเจวี๋ยกลับมาถึง หญิงสาวสองคนก็รีบกรูกันเข้ามาปรนิบัติเขาอย่างเอาอกเอาใจ
ลี่ถิงเซินนั่งอยู่อีกฝั่ง ขายาวไขว้เข้าด้วยกัน ชุดสูทราคาสูงลิบลิ่วนั้นยังคงไม่ห่างกาย เพียงแต่ชุดสูทตัวใหญ่นั้นก็วางพาดไว้บนโซฟา เผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตสีทึบปลดกระดุมเล็กน้อย เป็นความสง่าและเคร่งขรึมเช่นคุณชายผู้สูงส่งที่ล้มทุกสรรพสิ่งลงได้ ทั้งโดดเด่นสูงค่าและมีสง่าราศี
หญิงสาวจำนวนไม่น้อยพากันหันมองมาทางเขาเป็นระยะๆ ด้วยใบหน้าแดงเถือกและหัวใจที่พองโต พวกเธออยากจะโร่เข้าไปหาแต่ใจไม่กล้าพอ
เหลียงซู่เอ๋อร์ที่นั่งอยู่ข้างกายของลี่ถิงเซินยิ้มขึ้นอย่างอ่อนหวานแล้วทอดมองไปยังอินรุ่ยเจวี๋ย “คุณชายอิน นี่ยังเชิญเขามาไม่ได้อีกเหรอคะ”
อินรุ่ยเจวี๋ยกระดกแอลกอฮอล์ในแก้วนั้นลงไปจนหมด ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วเอ่ยขึ้นเสียงดัง “ฉันเชิญมาได้อยู่แล้ว! เดี๋ยวพี่ป๋อก็มา!”
สิ้นคำนั้นทั้งห้องก็เหลือเพียงแค่เสียงจังหวะของดนตรี
คนที่ร้องเพลงก็ไม่ร้องต่อแล้ว คนที่เล่นลูกเต๋าก็เลิกเล่นหมดแล้ว ทุกคนต่างวางมือจากสิ่งที่กำลังทำ แล้วทอดมองไปยังอินรุ่ยเจวี๋ยอย่างไม่วางตา
ปะ…ป๋อจิ่งชวนจะมา?
ตอนที่ 276 ให้มันรู้ไปว่าฉันจะไว้ชีวิตแก
“เหวอไปเลยรึไง พี่ป๋อกำลังมา แถมยังไม่ได้มาคนเดียวด้วย!”
ทุกคนพากันฉงน “มีใครอีก”
คนที่อยู่กับป๋อจิ่งชวนได้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ
พูดถึงตอนนี้ลำคอยืดยาวอย่างเย่อหยิ่งเมื่อครู่ก็หดกลับเข้าที่
“ฉันรู้ซะที่ไหนเล่า แต่ฉันมั่นใจว่าต้องเป็นผู้หญิง!”
“ผู้หญิง?”
“ผู้หญิง?”
“ไม่ม้าง…”
“ต่อให้ฉันไม่เคยเห็นคุณชายป๋อคนนี้ แต่ก็ได้ยินมาเหมือนกันนะว่าเขาไม่ได้มีชื่อเสียงด้านเสือผู้หญิง จะไปหิ้วสาวมาด้วยได้ยังไง”
อินรุ่ยเจวี๋ยปัดมือไปมา “ไม่เชื่อก็ช่างหัวแก เดี๋ยวมาแล้วก็ได้เห็นกันเอง”
“ไม่พนันแล้ว?” เสียงหนึ่งแซวขึ้น
สีหน้าของอินรุ่ยเจวี๋ย ‘ถอด’ สีลงไปถนัดตา นึกไปถึงครั้งก่อนที่เรียกลี่ถิงเซินว่า ‘ปะป๊า’ เล่นเอาเขาโกรธจนหลับไม่สนิทไปเป็นสัปดาห์!
ตอนนี้ยังจะให้เขาเดิมพันกับพี่ป๋อ?
แม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าเมื่อกี้ได้ยินเสียงผู้หญิง แต่ว่าคำพูดของป๋อจิ่งชวน เขาไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก
ครั้งที่แล้วเขาพูดออกมาอย่างเชื่อปักใจ สุดท้ายดันไปหลงเชื่อคำพูดของคนสับปลับ!
ทำให้เขาถูกไอ้ลี่ถิงเซินเล่นงานเอาฟรีๆ
เกมจะพลิกขึ้นมาตอนไหนใครจะไปรู้
เขาเหลือบมองลี่ถิงเซินวูบหนึ่งแล้วเอ่ยถาม “นายจะพนันไหมล่ะ”
เรียวนิ้วที่เห็นข้อต่อเด่นชัดกำลังคีบบุหรี่มวนหนึ่งอยู่ เปลวไฟสีฟ้าจางๆ ถูดจุดขึ้นมา แล้วจรดลงไปบนก้านบุหรี่
ควันสีขาวขมุกขมัวถูกพ่นออกมาทางจมูกและปากของเขา ก่อนจะค่อยๆ จางหายไปต่อหน้า
ท่ามกลางความงามสง่าแบบผู้ใหญ่ แฝงไปด้วยความเนิบนาบอย่างไม่ใส่ใจ
นัยน์ตาสีรัตติกาลค่อยๆ เคลื่อนไปหยุดที่หางตา เขาปลายตามองอินรุ่ยเจวี๋ยวูบหนึ่ง กลีบปากบางโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มจางๆ “นายแน่ใจแล้ว?”
อินรุ่ยเจวี๋ยเห็นท่าทีที่แยกไม่ออกว่าดีหรือร้ายของอีกฝ่ายจนเคยชิน เขามักจ้องมองคนอื่นด้วยสายตาเย็นชาไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ รอยยิ้มสามส่วนล้วนเป็นสิ่งเลวทรามลวงโลกและเชื่อไม่ได้!
ถูกเขาถามเช่นนี้ อินรุ่ยเจวี๋ยจึงกลอกตาไปมาอย่างผิดปกติก่อนจะปัดมือไปมา “ช่างเถอะๆ ไม่พนงพนันอะไรทั้งนั้นแหละ ไร้สาระ”
ลี่ถิงเซินขำเสียงต่ำ “งั้นเหรอ แล้วอย่านึกเสียใจทีหลังก็แล้วกัน”
–
ระหว่างทางไปตี้หวงอวี๋เล่อ เฉินฝานซิงตัดสายโทรศัพท์หลายสายไปอย่างติดๆ
“ซูเหิง?”
เฉินฝานซิงมองเขาก่อนจะพยักหน้ารับ “อืม”
นาทีต่อมาโทรศัพท์ของเฉินฝานซิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้เป็นข้อความ
ซูเหิง [ฝานซิง เธออยู่ไหน ฉันรอเธอใต้คอนโดนานแล้วนะ ทำไมไม่เห็นเธอกลับเข้ามาเลยล่ะ]
ซูเหิง [ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่กลับอีก ฉันเป็นห่วงเธอมากนะ]
ซูเหิง [ฝานซิง รับโทรศัพท์ได้ไหม ฉันอยากคุยกับเธอ]
วันนี้เฉินฝานซิงกินอาหารทะเลเข้าไปก็ไม่ใช่น้อยๆ สายของซูเหิงหลายสายไหนจะข้อความพวกนั้น ทำให้ท้องไส้ที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วเริ่มปั่นป่วน
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะปิดเครื่องแล้วยัดใส่กระเป๋าโทรศัพท์ไป
“เป็นอะไรไป”
“เปล่าหรอกค่ะ ดูเหมือนว่าหลายวันมานี้ฉันจะเล่นงานแฟนเขาหนักไปหน่อย เขาคงกระวนกระวายอยากจะมาคิดบัญชีกับฉันล่ะมั้ง”
“คิดบัญชี?”
เสียงของป๋อจิ่งชวนแข็งกร้าวขึ้นทันตา สีหน้าเยือกเย็นจนไม่น่าเข้าใกล้
“ก็ให้เขามาสิ”
เฉินฝานซิงหันมองเขาที่กำลังทำท่าทางประหนึ่งว่า ‘ถ้ากล้าก็เข้ามา ให้มันรู้ไปว่าฉันจะไว้ชีวิตแก’ ทำให้เธอหลุดเสียงหัวเราะออกมา
“ขำอะไร”
สีหน้าของเขาไม่ได้ดูดีขึ้นสักเท่าไหร่
หมาห้าวนั่นคิดจะมาเอาคืนแฟนของเขา?
“หมอนั่นยังไม่คู่ควรให้คุณลงไปเล่นด้วยหรอก”
“ใครหน้าไหนที่มันกล้ารังแกคุณ มันก็คู่ควรมากที่สุดแล้ว”