ตอนที่ 285 ขโมยไก่ไม่ได้แล้วยังต้องเสียข้าวสารไปอีกหนึ่งกำมือ
กู้เจ๋อเหยียนรู้สึกปวดร้าวไปทั้งอก แต่ก็ยังคงพยักหน้ารับ แถมยังรีบเซ็นเช็คเงินหนึ่งล้านบาทส่งให้เฉียนหมี่ไป
เฉียนหมี่ยื่นมือออกมารับ แม้ว่าเธอจะพยายามข่มความตื่นเต้นในใจไว้อย่างสุดกำลัง ทว่าฝ่ามือของเธอก็ยังคงเย็นเป็นน้ำแข็ง
เฉินฝานซิงพยักหน้าให้กับกู้เจ๋อเหยียน สายตาของเธอเคลื่อนไปหยุดลงที่เผยเหยาฉือที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความหมายลึกซึ้งและยากเกินจะคาดเดา ก่อนจะคว้าเฉียนหมี่แล้วเดินจากไป
นัยน์ตาคู่ที่อัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายของกู้เจ๋อเหยียนทอดมองตามไปยังแผ่นหลังของเฉินฝานซิง
ขโมยไก่ไม่ได้แล้วยังต้องเสียข้าวสารไปอีกหนึ่งกำมือ
จะไม่ให้เขาโมโหได้อย่างไร!
คิ้วของเผยเหยาฉือเองก็ตีขมวดเข้าอย่างไม่เข้าใจ
สายตาเมื่อครู่ของเฉินฝานซิงที่ทิ้งไว้ก่อนจะเดินจากไป
เหมือนกับตอนที่เจอกันที่สถานีโทรทัศน์ไม่มีผิด
เธอคิดจะทำอะไรกันแน่
“รีบพาประธานฉินไปส่งโรงพยาบาล”
กู้เจ๋อเหยียนสั่งขึ้นกับผู้ช่วยอีกสองคนที่อยู่ข้างหลังเขา
“ไป” เขาเอ่ยขึ้นกับเผยเหยาฉืออย่างไม่สบอารมณ์เพราะความคุกรุ่นในใจ
ยามที่เผยเหยาฉืออ้าปากขึ้นเพื่อจะพูดบางสิ่ง กู้เจ๋อเหยียนก็ได้หมุนตัวเดินจากไปแล้ว
–
“พะ…พี่ป๋อ ออกมาทำไมเหรอ”
ประตูห้องวีไอพีเปิดออก เมื่ออินรุ่ยเจวี๋ยเห็นว่าเจ้าของร่างที่เดินออกมาเป็นใครเขาก็ตกใจเอายกใหญ่
กลิ่นฉุนของกระเทียมต่อให้อยู่ไกลเป็นไมล์ก็ยังคงได้กลิ่น
ป๋อจิ่งชวนย่นคิ้วเข้าหากันก่อนจะถ่อยห่างออกไปสองเก้าอย่างเรียบเฉย
“เธอล่ะ”
เธอ?
แน่นอนว่าอินรุ่ยเจวี๋ยรู้ว่าหมายถึงใคร!
“พี่สะใภ้เพิ่งจะเดินไปทางประตู”
–
ตรงประตูของปี้หวงอวี๋เล่อ เฉินฝานซิงเดินออกมาส่งเฉียนหมี่เพื่อรอขึ้นรถ
“ประธานเฉิน วันนี้ต้องขอบคุณ คุณจริงๆ หากไม่ได้คุณไว้ วันนี้ฉันคง…”
“เป็นความผิดของฉันเอง”
เฉียนหมี่เอ่ยขอโทษด้วยอาการประหม่า ทว่ากลับถูกตัดบทด้วยเสียงเย็นของเฉินฝานซิง
“เอ๊ะ?”
เฉินฝานซิงพ่นลมหายใจออกมา ดวงตาสุกสกาวคู่นั้นดูเคร่งขรึมไป
“ขอโทษ”
เฉินฝานซิงดีกับเธอเกินไปจนเธออดแปลกใจไม่ได้ “ประธานเฉิน…”
“เรื่องที่เธอถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทั้งหมดวันนี้ เป็นเพราะฉันที่ทำร้ายเธอทางอ้อม ยังดีที่…”
แม้ว่าเฉินฝานซิงยังคงเอ่ยขึ้นอย่างเย็นเยียบ ทว่าเฉียนหมี่ก็ยังคงรับรู้ได้ถึงความสั่นเครือในน้ำเสียง
เฉินฝานซิงมีส่วนสูงที่สูงกว่าเฉียนหมี่ ยามที่เฉียนหมี่มองมายังเธอจึงจำเป็นต้องเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย
สูทที่ขาวทั้งตัว นับเป็นการแต่งตัวที่ดูมีระดับสำหรับพนักงานธรรมดา ผิวหน้าสวยเกลี้ยงเกลาที่น้อยครั้งจะถูกปรุงแต่งด้วยอารมณ์ความรู้สึก บุคลิกงามสง่าสุขุมรอบรู้และโดดเด่น
แต่ที่เฉินฝานซิงช่วยกู้หน้าเธอเอาไว้และจัดการกับฉินปินอย่างไร้ปรานีไปเมื่อครู่ กลับทำให้เธอเปรียบดั่งนักรบหญิง ท่าทางน่านับถือ รังสีความเหี้ยมโหดสะพรั่งไปทั่วร่าง สร้างความอุ่นใจให้เธอได้ไม่น้อย
นึกไปถึงภาพที่เฉินฝานซิงปกป้องเธอเอาไว้ในอ้อมกอด กลิ่นหอมเย็นจางๆ จากร่างของเธอ ท่วงท่าเยือกเย็นและมั่นใจ ความอบอุ่นใจนั้นยังคงเด่นชัดในความทรงจำราวกับมันเพิ่งจะผ่านไป
ใบหน้าเล็กเผยสีแดงระเรื่องออกมาอย่างไม่รู้ตัว
หน้าตาดี บุคคลิกโดดเด่น สูงศักดิ์เย็นชา หากเธอไม่ใช่ผู้หญิง คงมีสาวๆ มาชอบเธอเยอะแยะ
“ปะ…เปล่าสักหน่อย ประธานเฉิน ฉันเข้าใจค่ะ การทำงานก็เป็นแบบนี้ ฉันควรตระหนักถึงตรงนี้”
เฉียนหมี่เผลอปรับเสียงให้อ่อนลง จู่ๆ เธออยากกลายเป็นผู้หญิงอบอุ่นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ท่าทางของผู้หญิงร่างเล็กนั้นชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัย
อินรุ่ยเจวี๋ยแทบจะหยุดหายใจ
เครื่องสูบอากาศข้างๆ นี่แทบจะสูบเอาอากาศหายใจของเขาไปจนเหือดแห้ง
นี่ก็โหดเกินไปปะ!
ไม่ใช่จะหึงแค่กับผู้ชายนะ แม้แต่กับผู้หญิงก็ยังจะไม่เว้น?
ผู้หญิงนะเฮ้ย นั้นมันผู้หญิง!
จะว่าไปแม่คนนั้นก็เหมือนกัน ไร้เดียงสาอะไรขนาดนั้น จู่ๆ ก็เขินอะไรขึ้นมาฟะ!
“การทำงาน…”
เฉินฝานซิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนได้สร้างศัตรูหัวใจตัวน้อยให้กับป๋อจิ่งชวนไปเสียแล้ว ในตอนนั้นเธอได้พึมพำออกมาสามคำด้วยท่าทางครุ่นคิด…
ตอนที่ 286 หะ…หัก?!
เฉียนหมี่ไม่รู้ว่าเฉินฝานซิงกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ ลังเลอยู่เพียงครู่เธอก็เอ่ยถามออกไปอย่างอดไม่อยู่
“ประธานเฉิน เงินนี่…”
ในมือของเธอยังคงกำเช็คที่กู้เจ๋อเหยียนเพิ่งยื่นให้เธอเอาไว้
จู่ๆ ก็มีเงินก้อนโตขนาดนี้มาหล่นทับเธอ เธอไม่รู้เลยจริงๆ ว่าควรจะทำยังไงกับมัน
“อืม เธอเก็บไว้เถอะ”
เฉียนหมี่เลียริมฝีปากด้วยความประหม่า “…ประธานเฉิน เรื่องประธานกู้น่ะ จะไม่เป็นอะไรแน่หรอคะ ไหนจะประธานฉินอีก เขา…”
เมื่อนึกไปถึงสภาพล่าสุดของฉินปิน เธอก็พลันนึกกลัวขึ้นว่าการที่ประธานเฉินเข้ามาช่วยเธอไว้ จะเป็นการหาเหามาใส่หัวให้เธอโดยใช่เหตุ
“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องนี้แค่จ่ายเงินให้เธออย่างเดียวก็ดูจะหยามเกียรติเธอเกินไปด้วยซ้ำ แต่หากเรื่องนี้เกิดแพร่สะพัดออกไป มันก็จะเสื่อมเสียถึงชื่อเสียงของเธอเปล่าๆ ต่อจากนี้ก็ปล่อยให้สุนัขสองตัวมันกัดกันเองไปก็แล้วกัน กล่องดวงใจของฉินปินหักยับเยินขนาดนั้น เขาคงไม่ปล่อยกู้เจ๋อเหยียนไปง่ายๆ แน่”
เฉียนหมี่อ้าปากหวอ จ้องเฉินฝานซิงตาค้างเติ่ง “หะ…หัก?!”
นั่นน่าจะเป็นสิ่งที่ผู้ชาย…คะ…โคตรจะ…
เฉินฝานซิงเอ่ยขึ้นอย่างไร้อารมณ์ “ถ้าหากมันใหญ่พออะนะ”
ครั้งหนึ่งที่เธอต้องเจรจาการลงทุนให้กับสกุลซู เธอเองก็เกือบถูกฉินปินลากเข้าโรงแรมแล้วเหมือนกัน หากไม่ใช่เพราะซูเหิงมาตามเธอล่ะก็ กลัวว่าวันนี้ก็คงไม่มีโอกาสได้กลับมาเป็นผู้เป็นคน
ทั้งหนี้เก่าหนี้ใหม่ ถือซะว่าได้ชำระสะสางกันไปแล้วในวันนี้
น้ำเสียงที่เปล่งออกมาอย่างไม่ทุกข์ร้อนทำเอาอินรุ่ยเจวี๋ยเผลอรวบสองขาเข้าหากันอย่างลืมตัว
เขาลอบกลืนน้ำลายหนืดลงคอ อีกทั้งยังอดยื่นมือออกไปลูบๆ คลำๆ ตรงส่วนหน้าของตัวเองไม่ได้
หะ…หัก?!
ขอบคุณสวรรค์ที่เขายังฟิตปั๋งอยู่!
คิ้วของป๋อจิ่งชวนตีขมวดกันแน่น แม้ว่าเขาจะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ทว่าก็ยังฟังออกอยู่ดีว่าพวกเธอกำลังคุยกันเรื่องอะไร!
ในตอนนั้นรถคันหนึ่งก็แล่นมาจอดลงตรงหน้าประตู
เฉียนหมี่รีบเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรนว่า “ประธานเฉินคะ รถมาแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ!”
“อื้ม เดินทางปลอดภัยนะ”
–
หลังจากที่เฉียนหมี่นั่งรถออกไป เฉินฝานซิงก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น เธอทอดมองไปยังลานกว้างที่ถูกสร้างขึ้นอย่างดูดีมีระดับ เธอยืนอยู่เงียบๆ สักพักก่อนที่ลมหนาวยามค่ำคืนจะพัดผ่านเข้ามา พาให้เสื้อตัวโคร่งสะบัดไปอีกทาง ร่างบางชวนมองปรากฏออกมาให้เห็นวับๆ แวมๆ
ร่างเพรียวที่เยือกเย็นและสูงส่ง อีกทั้งความสวยที่เพียบพร้อมไปด้วยความเฉลียวฉลาดทำเอาอินรุ่ยเจวี๋ยต้องกระซิบออกมา
“สมัยเรียนผมไม่ยักกะสังเกต มาตอนนี้พอดูๆ ไปแล้ว พี่สะใภ้ก็ดูเสน่ห์แรงใช่ย่อย”
ป๋อจิ่งชวนก้มต่ำลงปลายตามองเขาวูบหนึ่ง อินรุ่ยเจวี๋ยหัวเราะ แหะๆ ออกมาสองครั้ง “พี่ป๋อตาถึงจริงๆ”
ในตอนนั้นเฉินฝานซิงหมุนตัวเตรียมจะกลับไปที่ห้อง ทว่าเมื่อหันกลับไปก็เจอเข้ากับป๋อจิ่งชวนและอินรุ่ยเจวี๋ยที่กำลังก้าวเข้ามาหาเธอ
“พวกคุณออกมาทำไม”
“คุณเข้าห้องน้ำนานเกินไป”
“…”
เฉินฝานซิงอึดอัดอยู่นานก่อนจะพูดออกไปว่า “พอดีเจอปัญหานิดหน่อยน่ะ เลยช้าไปนิดหนึ่ง”
“ไม่เป็นไรใช่ไหม” ป๋อจิ่งชวนเอ่ยเสียงเรียบ สายตาเงียบงันกวาดมองไปทั่วร่างของเธอ
“ไม่เป็นอะไรค่ะ”
ป๋อจิ่งชวนยกนาฬิกาขึ้นมองแล้วเอ่ยถามว่า “สี่ทุ่มกว่าแล้ว คุณจะอยู่ต่อไหม”
“พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า ควรจะกลับได้แล้ว” เธอตอบกลับ
“อื้ม ผมจะไปเอารถ คุณรอผมที่ประตูนะ”
“ค่ะ”
อินรุ่ยเจวี๋ยเบ้ปากถาม “นี่จะกลับกันแล้วเหรอ”
“อืม พรุ่งนี้ยังมีธุระน่ะค่ะ เชิญพวกคุณสนุกกันต่อเลย อ้อ…จริงด้วยสิ ฉันต้องไปเอากระเป๋าที่ห้อง…”
–
หลังจากที่บอกลากับคนในห้องนั้นเสร็จสรรพ เธอก็เกรงว่าอีกฝ่ายจะรอนานจึงรีบเดินดุ่มๆ ออกมา
ปรากฏว่ารถของป๋อจิ่งชวนยังมาไม่ถึง
เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเครื่อง เพราะกลัวว่าเขาจะโทรเข้ามา ข้อความจากซูเหิงหลายต่อหลายข้อความโชว์หราขึ้นมาบนโทรศัพท์ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย
และในขณะที่เธอกำลังก้มหน้าสาละวนอยู่กับโทรศัพท์ของตัวเองอยู่นั้น เสียงคำรามอย่างเหลืออดก็ดังขึ้นจากที่ที่ไม่ไกลกันนัก…