ตอนที่ 291 พระอิฐพระปูนที่เดินได้
ไหลหรงรู้สึกเหนื่อยหน่าย เธอทำได้เพียงพูดแทนผู้เป็นนายออกไป “คุณชาย คุณหนูเฉิน เชิญเข้าบ้านก่อนเถอะค่ะ”
“ค่ะ”
เฉินฝานซิงว่าพลางเดินเข้าไปคว้าวีลแชร์ของหญิงชราแล้วเข็นเข้าบ้านไป
พวกเขาพูดคุยกันสักพัก ตอนนี้ในห้องครัวก็จัดเตรียมมื้อเที่ยงไว้เรียบร้อยแล้ว เฉินฝานซิงจึงออกปากจะเข้าไปช่วย หญิงชราเองก็ปล่อยให้เธอไปโดยที่ไม่ห้ามอะไร
หลังจากที่เธอปลีกตัวออกไปแล้ว หญิงชราจึงถือโอกาสนี้เข้าไปคว้าแขนป๋อจิ่งชวนเอาไว้แล้วเอ่ยถามเสียงต่ำ
“ว่าไงเจ้าทึ่ม ปลายปีนี้ฉันจะได้อุ้มเหลนไหม”
ปลายปี?
นั่นหมายถึงจะต้องท้องซะตั้งแต่ตอนนี้ไม่ใช่เหรอ
ป๋อจิ่งชวนยกแก้วชาขึ้นดื่มด้วยท่วงท่าที่สง่า ก่อนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
“ไม่ได้อุ้ม”
ท่าทางเฉยเมยนั้นทำเอาหญิงชราถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“นี่พวกแกคุมกำเนิดกันอยู่เหรอ”
ปอจิ่งชวนตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เปล่าครับ”
หญิงชรากำแก้วชาเอาไว้แน่น “หนูฝานซิงสุขภาพไม่แข็งแรง?”
“ไม่ใช่”
“หรือว่าแก…”
ป๋อจิ่งชวนปราดมองหญิงชราด้วยสายตาเยือกเย็น
หญิงชราเม้มปากคิด ไม่น่าจะใช่ ตรวจร่างกายปีละครั้งคงไม่น่าจะสูญเปล่า
แต่ดูท่าทางคนที่ออกจะอ่อนโยนและนิ่งเฉยอย่างเจ้าหลานชายก็ไม่เห็นจะเหมือนกับพวกชอบมั่วโลกีย์เลยสักนิด
คิดดังนั้นหญิงชราจึงออกปากถามอย่างระมัดระวัง
“อย่าบอกนะว่าพวกแกสองคนยังไม่ได้…”
“ของแบบนี้มันเร่งกันไม่ได้ พวกเรายังไม่แต่งงานกัน…”
“งั้นแกก็รีบๆ ขอเธอแต่งงานเข้าสิ?!”
ป๋อจิ่งชวนที่กำลังดื่มน้ำหยุดชะงัก เขาค่อยๆ เคลื่อนเปลือกตาขึ้น กดเสียงทุ้มต่ำเชิงคำถาม “แต่งงาน?”
นายหญิงสกุลป๋อกรอกตามองบน เจ้าบื้อทะมึนนี่!
“แกจีบเขา อย่าบอกนะว่าแม้แต่ของขวัญสักชิ้นก็ไม่เคยให้”
เขาเลิกคิ้วขึ้น “เหมือนจะไม่เคยนะ”
หากไม่ติดว่าทำไม่ลง ป่านนี้หญิงชราคงเขวี้ยงแก้วชาใส่เขาไปแล้ว
เจ้าพระอิฐพระปูนนี่
“นัดเดทสักครั้งก็ไม่เคย?”
ป๋อจิ่งชวนเงียบไปค่อนวันก่อนจะพยักหน้า “ไม่เคยครับ”
“แก…”
หญิงชราแทบจะหงายหลังตึง เธอชี้หน้าเจ้าหลานชายอย่างเหลืออด “ถ้าฉันเป็นฝานซิง อย่าว่าแต่จะแต่งงานกับแกเลย ฉันจะสลัดแกทิ้งเข้าให้สักวัน!”
เขานิ่งเงียบก่อนที่สีหน้าจะเริ่มแสดงถึงความไม่พอใจ แต่จะว่าไปคำพูดของหญิงชราก็ดูจะเป็นเรื่องปกติทั่วไปของคนรักกัน
แม้แต่เรื่องพื้นฐานที่สุดของคนรักกัน เขายังทำไม่ได้เลย
“ผู้หญิงคนไหนบ้างไม่ชอบเรื่องโรแมนติก แกมันไร้หัวใจ ทำอะไรไม่คิดถึงใจคนอื่น” เธอจับแก้วชาในมือกระแทกวางลงไปยังที่เดิมของมันอย่างข่มโทสะของตัวเองไว้อย่างสุดกำลัง
เขามองน้ำที่กระฉอกออกมาพลางเอนกายพิงโซฟาก่อนที่สีหน้าจะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหนักแน่น
หญิงชราทอดถอนหายใจอย่างระอา เดิมทีเมื่อดูจากรูปการณ์แล้วเธอเองก็กะจะยื่นมือเข้าไปช่วยอยู่เหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนดี
ไม่งั้นก็จะเป็นการทำให้หนูเฉินฝานซิงลำบากใจจนเกินไป
“เฮ้อ แล้วแบบนี้เมื่อไหร่ฉันจะได้อุ้มเหลนล่ะเนี่ย”
ตอนที่เฉินฝานซิงเดินออกมาจากห้องครัวเธอก็มาได้ยินเข้ากับคำตัดพ้อของหญิงชราเข้าพอดี หัวใจของเธอบีบตัวแรงขึ้นทันที
“จิ่งหางล่ะ! เจ้าทึ่มจิ่งหางนั่นล่ะ! มันออกไปเสเพลอยู่ข้างนอกนั่นมานานตั้งปานนั้น ไม่ได้ไปพลาดทำหลานเอาไว้ให้ฉันสักคนเลยจริงๆ เหรอ”
พลาดทำออกมา…
เฉินฝานซิงทอดมองไปยังเขาด้วยสายตาเห็นใจ ดูเหมือว่าคุณย่าอยากจะเป็นคุณย่าทวดจริงๆ
ถูกน้าจางไล่ออกมาจากห้องครัว เฉินฝานซิงจึงทำได้เพียงยกจานผลไม้ที่ถูกยัดใส่ในมือเดินกลับเข้ามาในห้องรับแขกอีกครั้ง
นายหญิงสกุลป๋อดึงมือเธอเอาไว้ก่อนจะมองเธอด้วยสีหน้าเอ็นดู “หนูฝานซิง ทำเอาหนูลำบากใจซะแล้ว”
เฉินฝานซิงส่ายหน้า ก่อนจะเงยหน้ามองป๋อจิ่งชวน ทำให้รู้ว่าเขาเองก็กำลังมองเธออยู่เช่นกัน ราวกับว่าในดวงตาสุดลึกล้ำคู่นั้นกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่
ดูเหมือนจิตใจเขากำลังจดจ่ออยู่แต่กับเธอ จนเธอได้ตั้งข้อสงสัยขึ้นมาว่า แม้แต่คำพูดที่คุณย่าเพิ่งพูดไปเมื่อครู่ก็คงไม่ได้เข้าหูเขาเลยสินะ
และในขณะนั้นเอง ไหลหรงก็ได้ถือโทรศัพท์เดินเข้ามา เธอยิ้มพลางพูดขึ้นว่า “นายหญิงคะ สายจากคุณชายรองค่ะ”
ตอนที่ 292 เด็กบ้าไร้หัวใจ
“เหอะ เจ้าหมอนี่ ยังพอจะระลึกได้ว่ามีย่าอยู่อีกทั้งคน!”
ไหลหรงเม้มปากยิ้มแล้วส่งโทรศัพท์ให้เจ้านาย
“นายท่านเจ้าคะ มิทราบผู้สูงส่งเช่นท่านโทรมามีธุระอะไรรึเจ้าคะ”
เสียงหัวเราะต่ำดังลอดผ่านหูโทรศัพท์ออกมา “มีแน่ครับ เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ มากๆ ด้วย”
หญิงชราเบ้ปาก “เจ้าเด็กบ้าไร้หัวใจนี่! มีเรื่องอะไร”
“ก็คิดถึงคุณย่างายค้าบ!”
หญิงชราพ่นเสียง ชิ ออกมาหนึ่งครั้ง แม้จะทำเป็นไม่ใส่ใจ แต่ทว่าใบหน้าของเธอกลับถูกประดับไปด้วยรอยยิ้มชอบใจ
“กะล่อน เอามุกที่ใช้กับสาวๆ มาใช้กับฉันเรอะ เจ้างั่งอย่างแก เคยมีความคิดจะกลับมาเยี่ยมฉันอยู่ในหัวบ้างไหมก็ไม่รู้!”
เสียงหัวเราะทุ้มๆ ของป๋อจิ่งหางดังขึ้นอีกครั้ง “คุณย่าก็อย่าใจร้อนนักสิ รอผมจัดการทางนี้ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วผมจะกลับไปเยี่ยม ถึงตอนนั้นผมมีเซอร์ไพรส์ชุดใหญ่ให้คุณย่าด้วยน้า”
หญิงชราได้ฟังดังนั้น ก็ทึกทักเอาว่าไม่แน่สิ่งที่ตนคิดไว้เมื่อกี้อาจจะเป็นจริงแล้ว ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะเป็นประกาย “เรื่องเซอร์ไพรส์อะไร คงไม่ใช่ว่าฉันกำลังจะมีเหลนหรอกนะ”
คนปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง “…เรื่องนั้นยังไม่มีหรอกครับ”
ได้ยินดังนั้นความฝันของหญิงชราก็สลายไปในพริบตา ป๋อจิ่งหางรับรู้ได้ถึงความผิดปกติเขาจึงรีบเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน
“คุณย่าครับ เรื่องอุ้มหลานน่ะ คุณย่าก็ต้องไปคะยั้นคะยอเอากับพี่ชายผมก่อนซี่…หมอนั่นยังไม่มีลูกเลยนี่ ไอ้ผมจะมีก่อนก็ยังไงอยู่ ถูกปะ!”
“ตรรกะปัญญาอ่อนอะไรของแก พี่ยังไม่มีทำไมแกถึงมีไม่ได้! พวกแกสองตัวพี่น้องไม่ได้น่าปวดหัวน้อยไปกว่ากันเลย ทำให้ฉันอยากจะคลั่งตายทั้งคู่…”
“งั้น…อีกสองสามวันผมค่อยเข้าไปเยี่ยมคุณย่าเนอะ วางใจได้ ถึงตอนนั้นผมจะช่วยจัดการให้พี่ชายเขายอมมีเหลนให้คุณย่าให้ได้…ผมยังมีธุระต้องไปทำนะครับ ยุ่งจริงๆ วางล่ะ เจอกันครับคุณย่า…”
“หลานหนึ่งคน…มีเรื่องอะไร…แกจะช่วยยังไง…นี่ ไอ้เจ้าบื้อนี่!”
ป๋อจิ่งหางพูดออกมาอย่างน้ำไหลไฟดับ เล่นเอาผู้เป็นย่าตอบโต้ไม่ทันก่อนจะตัดสายหนีไป
หญิงชราที่กำลังโมโหสะบัดโทรศัพท์ใส่ไหลหรง แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่โทรมาซะยังดีกว่า! รู้อยู่ว่าจะทำให้ฉันโมโห!”
ไหลหรงรับโทรศัพท์นั้นเอาไว้ได้ เธอยิ้มอย่างละเหี่ยใจก่อนจะเอ่ยขึ้น “นายหญิงคะ ทุกครั้งที่คุณชายรองโทรมา คุณก็เอาแต่พูดถึงเรื่องนี้ ฉันว่าแกคงกลัวไปแล้วละค่ะ…”
“กลัวเกออะไร กลัวก็รีบๆ มีหลานให้ฉันก็สิ้นเรื่อง…” หญิงชราเพียงแต่พึมพำออกมาแต่ก็ไม่ได้โมโหอย่างเช่นเมื่อครู่
เฉินฝานซิงนั่งอยู่อีกฝั่ง กลับรู้สึกอยู่ไม่สุข
คุณย่าอยากมีเหลนมาแค่ไหน เธอรู้ดีแก่ใจตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันแล้ว
แล้วอย่างนี้ ในสายตาของคุณย่า ระดับความสัมพันธ์ของเธอและป๋อจิ่งชวนจะดูชักช้าเกินไปรึเปล่า
เพราะจู่ๆ โทรศัพท์ของป๋อจิ่งชวนก็ดังขึ้น เขาจึงลุกเดินไปยังหน้าประตูเพื่อคุยโทรศัพท์
หญิงชรามองเฉินฝานซิงแล้วทอดถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนจะมองเธออีกครั้งแล้วเอ่ยถาม
“ฝานซิงลูก หนูคิดว่าป๋อจิ่งชวนเป็นยังไงบ้างจ๊ะ”
เฉินฝานซิงยืดแผ่นหลังขึ้นตั้งตรงเล็กน้อย “เขาดีมากค่ะ คุณย่า”
หญิงชราพยักหน้า “ย่ามองออกว่าเขาชอบหนูมาก ที่ผ่านมาเขาไม่เคยชอบให้ใครมายุ่งเรื่องของเขาเลย แต่เรื่องบางเรื่อง ก็ไม่อาจปล่อยให้เขาตัดสินใจด้วยตัวคนเดียวได้…”
“หนูก็น่าจะรู้ว่าตระกูลใหญ่อย่างตระกูลป๋อมีเรื่องอะไรให้คิดมากมาย ในฐานะลูกชายคนโตเขาจึงถูกเลี้ยงดูมาในฐานะผู้สืบทอด แต่เขาก็ไม่เคยทำให้เราผิดหวังแม้แต่ครั้งเดียว จนกะทั่งกลายมาเป็นเขาในทุกวันนี้ หนักแน่นและมั่นคง เคร่งขรึมและนิ่งเฉย ตอนเด็กเขาต้องพบเจอกับอะไรมาบ้าง ย่าเห็นอยู่กับตา แต่รสชาติของมันคงจะมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้…”