Almighty Coach – โค้ชอหังการ – ตอนที่ 224

ตอนที่ 224

ตอนที่ 224 ช่วยอย่างไม่ลังเล

“เห้ย โค้ชหลี่ๆ สาวสวยตรงนั้นกําลังมองนายอยู่หน่ะ!”ูเพิ่งกระซิบกับหลีใต้ ด้วยความที่เขาเคยเป็นตํารวจหน่วยรบพิเศษทําให้หวูเพิ่งนั้นมีหูตาที่ว่องไว โดยเฉพาะกับผู้หญิงสวยทําให้เขาเห็นเฉียวหยูหนานที่กําลังมองมาทางพวกเขาอยู่ตั้งแต่ระยะไกล

“เห้ย ฉันว่าเธอมองฉันมากกว่าวะ” ตํารวจคนข้างๆยิ้ม”

“วูเคยเป็นมือสไนในหน่วยรบพิเศษ สายตาของเขาดีกว่าแกเยอะ ถ้าเขาบอกว่ามองที่หลีใต้ก็ต้องเป็นอย่างนั้นละ” ตํารวจอีกคนพูดขึ้น

หลีไต้หันไปทางที่วเพิ่งบอก แล้วเห็นเฉียวหยูหนาน แต่เพราะว่าระยะที่ไกลทําให้หลีใต้เห็นหน้าเธอไม่ชัด เธอใส่ชุดกีฬาและหมวกแก๊ป แต่ความสวยงามของเธอก็พุ่งทะลุชุดออกมาได้

และวินาทีต่อมา เขาก็เห็นหลิวเป่ากัง

นั้นมันโค้ชหลิวเป่ากังจากทีมมาราธอนใช่ไหมเนี่ย? เขามาเข้าแข่งด้วยเหรอ ฉันได้ยินมาว่าหลายวันก่อนเขาขอออกก่อนเวลาเพื่อมาเตรียมตัวเพื่อวันนี้นี่ แต่เดี๋ยวนะ ทําไมชุดฝึกของเขางดันไปคล้ายกับทีมข้างๆเลยวะ ฉันมั่นใจว่าทีมชาติไม่ได้มีส่วนเกี่ยวในการแข่งนี้แน่ๆหรือว่าเขาไปเข้ากับทีมสมัครเล่นนะ

พอคิดอย่างนั้นแล้วเขาก็หันไปพูดกับวูเฟิง “เจ้าหน้าที่วู ช่วยบอกผมทีได้ไหมว่าทีมนั้นมันคือทีมอะไร”

ด้วยความที่วเพิ่งเคยเป็นมือสไนเปอร์เก่า ทําให้เขาสายตาเฉียบคมมาก หลังจากมองแล้วเขาก็บอกมีป้ายเขียนอยู่ที่เสื้อเขียนว่า “ตั้งเทียนอสังหา”น่าจะเป็นทีมของกลุ่มผึ้งเทียนแหล่ะ”

ตั้งเทียนเหรอ นั้นมันบริษัทยักใหญ่เลยนี่หว่า โค้ชหลิวไปยุ่งกับบริษัทแบบนั้นได้ไงกันหรือว่าบางที่อาจจะเป็นการรับจ๊อปหาเงินกันนะ หลีใต้คิด

มันก็ไม่แปลกที่จะคิดอย่างนั้นหลิวเป่ากังเองก็เป็นโค้ชมาราธอนที่ต้องทํางานทั้งวันในสนามฝึกมันไม่ได้มีความจําเป็นที่จะขอออกก่อนเวลาเพื่อที่จะไปฝึกให้ทีมอื่น ถ้าเขาอยากจะฝึกนักกีฬามือชีพเขาก็ฝึกได้

หล็ได้รู้ว่าหลิวเป่ากังเป็นโค้ชระดับสูง และสอนอยู่ในทีมชาติมาหลายปีแล้ว ถึงแม้จะยังทําผลงานอะไรไม่ค่อยได้มากในระดับอินเตอร์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความสามารถของนักกีฬาที่เขาฝึกนั้นถือว่าพัฒนาไปได้ไกลมาก

มันก็คงเป็นเรื่องหมูๆสําหรับเขาที่จะฝึกให้กับคนธรรมดา เขาคงจะสามารถทําทีมที่ฝึกมาดีได้เพราะว่าขอออกก่อนเวลามาได้พักใหญ่แล้ว แต่ไม่ว่าความสามารถของเขาจะดีแค่ไหน แต่เขาก็เทียบฉันไม่ได้หรอก ลูกทีมฉันเป็นตํารวจนะ ตํารวจมันต้องเก่งกว่าประชาชนธรรมดาแน่อยู่แล้วซิ

หลี่ได้พบว่าตัวเองสบายใจมาก มากกว่าแต่ก่อนเยอะ

“เห้ย นั้นมันฮาวเปล่าวะ? หัวหน้าหน่วย1ใช่ไหมนั้น เขาไปทํางานให้กับติ้งเทียนแล้วเหรอหลังจากปลดออกไป”ตํารวจหลังหลีใต้พูดขึ้นมา

“เจอคนรู้จักหรอหวาง?”หลีใต้ถามทันที

“ใช่ครับ ตรงนั้นไง เขาเป็นสหายเก่าตอนที่ยังอยู่ในกองทัพ ตรงทีมผึ้งเทียนนั้นไง เราเข้ารับประจําการพร้อมกัน แต่ถูกส่งไปคนละหน่วย เขาคุมหน่วย1ส่วนฉันอยู่หน่วย2 โค้ช ฉันเข้าไปทักทายเขาได้ไหม?” แต่ดูเหมือนว่าคําขอนั้นมันจะเป็นการขอที่ไม่ต้องการคําตอบเขาเดินไปที่กลุ่มของตั้งเทียน

แล้วซักพัก เจ้าหน้าที่หวางก็เดินกลับมา

“ขอโทษที ช้าไปหน่อย ฉันดนไปเจอเพื่อนเก่าเพิ่มที่นั้นหน่ะ” หวางอธิบาย ” ตอนแรกฉันคิดว่ามีแต่ฮาวคนเดียวที่ไปอยู่ที่นั้น แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะยังมีเพื่อนร่วมกองร้อยของฉันอยู่ทีมนั้นด้วยเหมือนกันด้วย”

” ตรงนั้นมีทหารปลดประจําการเสออหรอ?” หลีใต้ถาม

เจ้าหน้าที่ชื่อว่าสุย มองไปทางนั้นแล้วตอบกลับมา ”เยอะพอสมควรครับ หลายคนในนั้นเคยรับใช้กองทัพแล้วก็พึ่งปลดประจําการไปเอง โดยเฉพาะ2คนนั้น ฉันเดาว่าทุกคนในนั้นเป็นทหารปลดประจําการหมดเลย”

เจ้าหน้าที่สุยนั้นเป็นตํารวจสืบอาชญากรรม เขารู้เยอะประสบการณ์เยอะและเป็นคนช่างสังเกตและวิเคราะห์เก่งมาก

ทหารปลดประจําการหมดเลยเหรอ! หลี่ได้เริ่มกังวล ตอนนี้ไฟมันเริ่มลนก้นเข้ามาแล้ว

ตอนแรกฉันเชื่อว่าทีมฉันมีสภาพร่างการที่โหดสุดละนะ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าทีมของผึ้งเทียนจะเก่งพอๆกับฉันเลย แถมยังจ้างหลิวเป่ากังมาไว้เป็นโค้ชอีก พวกเขาเป็นคู่แข่งตัวฉกาจเลยเพราะงั้นคงต้องจับตาดูไว้ดีๆหน่อย เริ่มจากตรวจสอบมันทุกคนเลยละกัน

ก่อนที่แถวผู้เข้าแข่งขันจะยาวไปมากกว่านี้ หลี่ได้ถือโอกาสเข้าไปตรวจสอบนักกีฬาทุกคนของติ้งเทียน

แกร่ง แกร่งอย่างที่คิดไว้เลย ถ้าเปรียบเทียบดูแค่ค่าความสามารถ ทีมนั้นเกือบเท่าทีมฉันเลยนะโชคยังดีที่ฉันมีบัฟจากวงแหวนเพิ่มความอึด เพราะงั้นทีมฉันอึดกว่าพวกนั้นแน่ๆ

เจ้าหลีใต้มันรู้วิธีการฝึกมาราธอนด้วยเหรอ

หลิวเป่ากังยังคงงไม่แน่ใจ เขาคงจะมั่นใจมากกว่านี้ถ้าคู่แข่งของเขาเป็นโค้ชที่อยู่ในทีมชาติด้วยกันมาหลายปี ด้วยความที่ว่าเขาเป็นโค้ชอาวุโส ทําให้เขารู้ไส้พุงคนในทีมชาติดี

แต่กับหลีใต้เขาไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่าตอนใกล้จบเอเชี่ยนเกม หลี่ได้เป็นคนอาสาเข้าเป็นโค้ชทีมวิ่งผลัดแล้วได้แชมป์มา แล้วหลิวเป่ากังก็ดูการแข่งนั้นด้วย การทําให้คน4คนสามัคคีกันได้ในวันเดียวมันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ นั้นทําให้เขาเชื่อว่าหลีใต้คนนี้มันมีอะไรแปลกๆซ่อนอยู่

หลีใต้คนนี้มันไม่ธรรมดาอยู่แล้วละถ้าได้ถูกเลือกโดยซูหลี่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอายุน้อยแค่การชํานาญการวิ่งเร็วก็ท้าทายเขามากพอแล้ว อย่างนั้นเขาก็ไม่น่าจะเก่งในด้านการวิ่งระยะไกลด้วยละมั้งหลิวเป่ากังพูดปลอบใจตัวเอง

ในตอนนั้นเอง ที่เสียงปืนสัญญาณดังขึ้น นักวิ่งเริ่มเคลื่อนตัววิ่งไปเหมือนคลื่นในทะเล การได้เห็นคนหลายพันคนวิ่งไปในทางเดียวกันนั้น มันก็ดูน่าซึ่งอยู่แล้ว

มีคําโบราณกล่าวไว้ว่า “อย่าโดนทิ้งท้ายตั้งแต่แรก” แต่ในการแข่งฮาฟมาราธอนนั้น ไม่ได้เหมือนกับการวิ่ง100เมตรเลย นักวิ่งต้องวิ่งไปมากกว่า20กิโล คนที่นําอยู่ตอนแรกนั้นมีผลแค่นิดเดียวในการแข่งนี้

แต่หลายๆคนที่เข้าแข่งครั้งแรกก็ไม่เข้าใจแบบนั้น แล้วพยายามวิ่งให้ไวที่สุดเพื่อที่จะได้แซงตั้งแต่แรก

แล้วพวกมือสมัครเล่นหลายๆคนพอเห็นตัวเองโดนแซงแล้วก็เกิดอาการยอมไม่ได้ขึ้นมาทําให้ต้องเร่งความเร็วตัวเองเพื่อตามให้ทัน สิ่งที่พวกนั้นไม่รู้ก็คือ จริงๆแล้วการวิ่งมาราธอนนั้นแค่เข้าเส้นชัยให้ได้นั้นสําคัญที่สุด

พอเห็นแบบนี้แล้วหลิวเป่ากังก็ส่ายหัวเบาๆ

นักวิ่งที่อยู่แถวหน้าๆตอนนี้อาจจะไปล้มเลิกกลางทางได้ ถึงแม้ว่าจะมีคนแข่งเยอะก็จริงแต่เอาจริงๆแล้วคนที่สามารถเข้าเส้นชัยได้นั้น อาจจะมีไม่ถึง1ใน5ของนักวิ่งตอนนี้ก็ได้ระหว่างที่คิดอยู่นี้หลิวเป่ากังก็หิวแพคเครื่องดื่มแล้วขับจักรยานตามไป

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ที่หลีใต้ก็เก็บของแล้วขึ้นจักรยานพับไปด้วยเหมือนกัน

ถนนที่ถูกเลือกให้เป็นเส้นทางแข่งนั้นจะถูกปิดการจราจรทั้งหมด ทําให้ไม่สามารถใช้รถสัญจรได้เครื่องดื่มหรืออาหารต้องถูกส่งโดยจักรยานเท่านั้น

และในการแข่งนี้มันก็มีหลายทีมมากเกินไป ถ้าทุกๆทีมมีรถเป็นของตัวเอง ถนนคงถูกบังมิดไปด้วยรถขนของแล้วละ

และแน่นอนว่ารถพิเศษอย่างรถตํารวจกับรถฉุกเฉินนั้นได้รับการอนุญาตให้เข้ามาในการแข่งได้และเพื่อไม่ให้โดนสงสัยว่าทีมตํารวจจะโกง ทางสถานีเลยสั่งห้ามไม่ให้ทีมตํารวจใช้รุอะไรหลี่ไต้ที่เป็นโค้ชของทีมจึงต้องทําหน้าที่เป็นคนส่งของ ขนน้ําและของไปที่จุดเสบียงถัดไป

ในการแข่งมาราธอนนั้น ทางผู้จัดจะจัดเตรียมจุดเสบียงเอาไว้ หรือบางที ทางทีมที่เข้าแข่งก็จะต้องจัดตั้งจุดเสบียงเองเหมือนกัน

จุดเสบียงแรกจะอยู่ตรง5กิโลเมตรนับจากจุดเริ่มต้น มันเป็นระยะทางแรกที่จะท้าทายคนที่เข้าแข่งสําหรับคนที่คิดว่า5กิโลมันก็เหนื่อยแล้วก็ไม่น่าวิ่งต่อถึง21กิโลได้ และคงต้องไปออกกําลังกายเพิ่ม

หลีใต้เขียนข้อความบางอย่างลงไปบนขวดน้ําที่จุดเสบียงแรก วิธีนี้จะเป็นวิธีการสื่อสารระหว่างการแข่งขึ้นอยู่กับสภาพของนักวิ่ง โค้ชจะเขียนข้อความแผนการวิ่งลงไปในกระดาษบนขวดน้ําเพื่อบอกแผนให้นักวิ่งเข้าใจ มันก็คล้ายๆกับการแข่งจักรยานระยะไกลผู้เข้าแข่งก็จะใช้วิธีนี้ในการส่งข้อความ

นักวิ่งที่มาถึงจุดเสบียงเป็นคนแรกๆนั้นเป็นนักกีฬาที่ฝีมือดี ส่วนคนที่วิ่งนําไปตอนแรกๆของการแข่งนั้นน่าจะตายกลางทางหมดแล้ว

“หลีไต้! อยู่นี้ด้วยเหรอ!” หลิวเป่ากังพูดขึ้นมา

ก่อนการแข่งนั้นมันมีคนจํานวนมหาศาล อีกทั้งทั้งคู่ยังยุ่งอยู่กับการเตรียมแผนการวิ่ง ทั้งคู่เลยยังไม่ได้ทักทายกันจนมาถึงตอนนี้ และที่จุดเสบียงแรกก็ไม่ค่อยมีคนด้วย การที่จะไม่เห็นหน้ากันคงจะไม่ได้แล้ว

“โค้ชหลิวสวัสดีครับ” หลีใต้ยิ้มทันที “ผมเห็นคุณก่อนหน้านี้แล้วละครับ แต่น่าเสียดายที่ผมไม่ได้ไปทักคุณตอนนั้นหัวกําลังยุ่งๆเลยครับ”

“ทางนี้ก็เหมือนกัน” หลิวเป่ากังตอบ แล้วถาม “เออหลีใต้ คนของทีมนายทั้งหมดเป็นตํารวจหมดเลยใช่ไหม?”

“ใช่ครับ เมื่อหลายวันก่อนทางตํารวจมาจ้างพวกเรานะครับ แต่ทุกคนยุ่งหมดเลยยกเว้นผมผมเลยมานี้ไงครับ” หลีใต้ตอบ “แล้วโค้ชหลิวละครับ ทีมคุณใช่ทีมของกลุ่มผึ้งเทียนใช่ไหมครับ”

“เหะ เหะ” หลิวเป่ากังขําแห้งๆเป็นการบ่ายเบี่ยงความรู้สึกแปลกๆ เขาพยายามไม่เล่างานส่วนตัวให้ฟัง

“มากันแล้ว!” หลีไต้พูดขึ้นมา แล้วเห็นนักกีฬาเป็นชุดสีน้ําเงิน พวกเขาคือกลุ่มตํารวจ และใกล้ๆกันนั้นเอง ทีมผึ้งเทียนก็โผล่ตามมา

หลีใต้กับหลิวเป่ากังหยิบกระเป๋าแล้วเดินไปที่ข้างถนนเพื่อเตรียมส่งน้ําให้กับทีม

จุดเสบียงที่2จะอยู่ห่างจากนี้2.5กิโลเมตร และหลังจากนั้น จุดเสบียงจะจัดทุกๆ2.5กิโลเมตร

มันก็มีเหตุผลอยู่ละที่จัดจุดเสบียงไว้เยอะสําหรับการแข่งมาราธอนแบบมือสมัครเล่นแบบนี้ตอนที่คนปรกติวิ่ง10กิโล ทุกๆ2.5กิโลจะทําให้สูญเสียพลังงานไปอย่างมากทุกๆจุดเสบียงจะมีคนที่ไม่ไหวแล้วิกจากการแข่งตลอด

จํานวนของนักวิ่งที่ยังเหลืออยู่นั้นค่อยๆลดลงตั้งแต่จุดเสบียง10กิโลแรก แล้วพอนักกีฬางมาถึงหลักกิโลที่17.5 จํานวนมันก็จะลดอย่างรวดเร็ว สําหรับคนที่มาได้ไกลถึงขนาดนั้นแล้วพวกเขาก็สามารถวิ่งไปจนถึงเส้นชัยได้ในจุดเสบียงที่20กิโลเมตร มันก็เหลืออีกเพียง1กิโลเมตรสุดท้ายก่อนจะถึงเส้นชัยนักวิ่งงที่มาถึงตรงนั้นแล้วคงไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ

ที่จุดเสบียง7.5กิโลเมตร ยังคงมีนักวิ่งเหลืออยู่เยอะ แต่ระยะห่างระหว่างนักวิ่งแต่ ละคนนั้นเริ่มปรากฏชัดถึงแม้ทีมตํารวจกับทีมของตั้งเทียนจะไม่ได้มาถึงเป็นกลุ่มแรก แต่พวกเขาก็อยู่อันดับต้นๆของการแข่ง

การแข่งจริงๆจะเริ่มหลังจาก10กิโลเป็นต้นไป นักวิ่งหลายๆคนจะออกจากการแข่งในช่วง2จุดเสบียงต่อจากนี้

“หลี่ได้ ฉันต้องไปละนะ” หลิวเป่ากังโบกมือลาหลีได้ก่อนจะขับจักรยานไปที่จุดเสบียงต่อไป

หลีใต้ยิ้มอย่างจําใจ จักรยานของหลิวเป่ากังนั้นเป็นจักรยานระดับหรูตัวท็อปที่ใช้สําหรับการแข่งตั้งเทียนนี้มันรวยถึงขนาดที่ซื้อจักรยานราคาแพงขนาดนั้นแจกเลยเหรอ

ส่วนจักรยานของหลีใต้นั้นเป็นแค่จักรยานฟรีที่ยืมมาผ่านการแสกนคิวอาร์โค้ต ความเร็วมันสู้จักรยานของหลิวเป่ายังไม่ได้อยู่แล้ว

ช่างมันเถอะ ฉันแค่ต้องไปใช้เร็วกว่าทีมฉันไปถึงที่ฉันหน่อยก็โอเคแล้ว เขาขับจักรยานมุ่งไปที่จุดเสบียงถัดไป

หลี่ได้เห็นนักวิ่งมากมายโดนรั้งท้ายเอาไว้

ถึงแม้ผู้เข้าแข่งส่วนมากจะมาสนุกกัน แต่ในนั้นมันก็ยังมีแฟนเดนตายของการวิ่งมาราธอนอยู่เหมือนกัน คนพวกนั้นมักจะเป็นนักกีฬาที่ดีในระดับของมือสมัครเล่น ถึงแม้ว่าเขาจะไปแข่งนักกีฬามืออาชีพไม่ได้ แต่อย่างน้อย พวกเขาก็ไม่ได้ช้ากว่าทีมอื่นๆ แล้ววิ่งนําขึ้นมาอยู่เป็นจ่าฝูงได้เหมือนกันนักกีฬาถูกๆบางคนในนั้นอาจจะถึงขั้นชนะการแข่งในการวิ่งแบบเดี่ยวเหมือนกัน

การแข่งวิ่งฮาฟมาราธอนนั้นนับว่าเป็นกีฬาที่เติบโตได้เร็วที่สุดตลอด2ปีมานี้ มีผู้ เข้าแข่งขันสนใจเข้าร่วมมากมาย แถมยังมีระดับโปรในการแข่งระดับมือสมัครเล่นมากขึ้นเรื่อยๆและตอนนี้พวกเขาก็วิ่งไปได้ครึ่งทางแล้ว 12กิโลเมตรผ่นไปนักวิ่งที่มาได้ถึงขนาดนี้นับว่าเก่งแล้วมันยากสําหรับนักวิ่งแบบเดียวที่จะอยู่นําเป็นจ่าฝูง เพราะว่าพวกเขานั้นขาดการนําของที่มและใช้แรงของพวกเขามากเกินไปมันเป็นอะไรที่ท้าทายมาก

หลี่ได้ชื่นชมพวกเขาขณะที่ขับไปข้างๆ และทันใดนั้น ชายหนุ่มในชุดกีฬาสีขาวคนนึงก็ล้มลงไปกับพื้นหลีได้ดูดีๆแล้วเป็นชายผอมอายุ60ผมสีขาวหงอก

“ผู้จัดการเฉียว คุณไม่ต้องขับไปจนสุดทางก็ได้นี้ครับ ทางบริษัทของเราได้เตรียมรถไว้แล้วไงครับไปทางอื่นแล้วไปรอที่เส้นชัยไม่ดีกว่าหรอครับ?” ชายที่อยู่ข้างๆเฉียวหยูหนานพูดขึ้นมา

“ไม่เห็นเป็นไรเลย ฉันก็อยากออกกําลังกายด้วยเหมือนกัน อีกอย่างมันก็แค่21กิโลเองไม่ได้ไกลเท่าไรนี้”เธอตอบ แล้วแสดงท่าทางอยากอวดขึ้นมา แต่ถึงจะบอกอย่างนั้น เธอก็ไม่ได้แสดงความไม่สบายออกมา

มันเป็นเรื่องธรรมดาของพนักงานกลุ่มบริษัทติ้งเทียนที่จะมาแล้วพยายามประจบเฉียวหยูห นานด้วยตําแหน่งและหน้าตาของเธอ ตัวอย่างเช่นถ้าเธอตัดสินใจที่จะปั่นจักรยานไปจนถึงเส้นชัยในวันนี้ชายหนุ่ม7-8คนจะขับตามไปด้วยกันกับเธอ และจะมีคนนึงแบกถังน้ําแข็งไปให้เธอด้วย

เห้อ สุดท้ายฉันก็ไม่มีอิสรภาพอะไรเลย! เฉียวหยูหนานถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

และในตอนนั้นเอง ที่เธอเห็นใครคนนึงล้มลงไปกับพื้น

มีคนล้มเหรอ! ดูเหมือนคนแก่ด้วย เธอคิด แล้วทําท่าจะขับจักรยานพุ่งไปช่วยทันที

“ผู้จัดการเฉียว รอก่อนครับ!” ชายด้านหลังเธอพูด “ดูให้แน่ใจก่อนครับ อย่าพึ่งไปแตะต้องเขา”

“ทําไมละ?”เฉียวหยูหนานถามแบบไม่เข้าใจสุดๆ

“คุณอยู่อเมริกามานาน บางทีคุณอาจจะยังไม่เข้าใจ ตอนที่เจอเรื่องแบบนี้ คุณควรจะเรียกตํารวจหรือโรงพยาบาล ถ้าคุณยังยืนยันที่จะช่วยเขา ก็โปรดช่วยเขาพร้อมๆกับถ่ายวีดีโอไปด้วยเพื่อเป็นหลักฐานว่าเขาไม่ได้โดนคุณชนแล้วก็เรียกร้องอะไรจากคุณไม่ได้” ชายคนนั้นตอบ

เฉียวหยูหนานเปิดปาก แต่พูดอะไรไม่ออก เธอคิดถึงกรณีตัวอย่างจากคดีดังๆ ที่เป็นเรื่องของคนๆนึงช่วยหญิงแก่ที่ล้มอยู่ด้วยความเป็นห่วง แต่กลับกลายเป็นว่าเขาต้องขายรถไปจ่ายค่าทําขวัญให้เธอในตอนสุดท้าย

“อะไรกันเนี่…”เฉียวหยูหนานพูดกับตัวเอง

“ผู้จัดการเฉียวครับ โลกสมัยนี้มันอยู่ยากขึ้นทุกวัน คุณเป็นคนมีฐานะ การโดนแบล็กเมลอาจจะส่งผลต่อชื่อเสียงของคุณรวมถึงบริษัทได้นะครับ” จากนั้นผู้ชายคนนั้นก็สั่งคนข้างหลัง “ฉางกับหลี่ นายไปช่วยชายแก่คนนั้น ฮาวกับหยู พวกนายถ่ายวีดีโอไว้ ถึงแม้จะเป็นการช่วยเหลือคน อื่น เราก็ไม่ควรจะโดนต้มกันทีหลัง”

ในขณะที่พวกเขากําลังคุยกันอยู่นั้น หลีใต้ก็เข้ามาจากข้างหลัง แล้วจอดจักรยานลงด้านหน้าของชายแก่

“เป็นอะไรไหมครับคุณ? ให้ผมช่วยนะครับ!” เขาพูดอย่างไม่ลังเล

Almighty Coach – โค้ชอหังการ

Almighty Coach – โค้ชอหังการ

ทำยังไงเด็กจบใหม่ที่ไม่มีทั้งเส้นสายเเละประวัติถึงจะประสบความสำเร็จได้ละ ด้วยการโกงเหรอ ด้วยการอัพเวลเหรอ

นี้ไม่ใช่วีดีโอเกม เรากำลังพูดถึงชีวิตจริงอยู่! เส้นทางสู่การเป็นโค้ชผู้ยิ่งใหญ่ของไต้หลี่

เด็กหนุ่มพึ่งจบมหาลัยมาโดยไม่มีเส้นสาย ไม่ได้ร่ำรวยอะไรที่ได้มาพบกับระบบโค้ช

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท