ตอนที่ 193 เจ้าทำอะไรน่ะ!
“เข้ามา!”
ได้ยินเสียงที่ดังมาจากในห้อง เธอกัดฟันกรอด แล้วสาวก้าวเดินเข้าไป มาถึงในห้อง เห็นนายท่านเหยียนผู้นั้นกำลังกึ่งนอนอยู่บนเตียง จึงถามว่า “มีเรื่องอะไรรึ?”
นายท่านเหยียนชำเลืองมองนาง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร สักพักก็พูดว่า “ช่วยข้าเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าสะอาดที”
“ไยเมื่อครู่ถึงไม่ให้อิ่งอีช่วยท่านเปลี่ยนเล่า?”
พูดออกไปตามสัญชาตญาณ ก็สบเข้ากับสายตาเย็นเยียบนั้น เห็นเช่นนี้ เธอขลาดกลัวอย่างไม่คิดหยิ่งในศักดิ์ศรี เอ่ยถามว่า “เสื้อผ้าอยู่ไหนล่ะ?”
“ในตู้เสื้อผ้า”
สายตาเขาจับจ้องบนตัวนาง มองเธอเปิดตู้ค้นเสื้อผ้าด้านในเสียจนยุ่งเหยิง ถึงจะหยิบชุดซับในสีขาวกับเสื้อคลุมสีดำออกมาจากด้านใน
มายังข้างเตียง เฟิ่งจิ่วถลึงมองคนบนเตียง ยิ้มออกทันใด “ต้องให้ข้าช่วยท่านถอดเสื้อผ้าไหม?”
“ถอดสิ”
เขาถลึงมองนาง จากใบหน้านั้นมองไม่เห็นความเขินอายของสาวน้อยเลยสักนิด ทว่าเขาก็ผิดหวัง เพียงเห็นดวงตานางเป็นประกายขึ้นมาเพราะคำพูดนั้น พลางจ้องมองร่างกายเขาราวกับหมาป่า แววตานั้น ช่างคล้ายคลึงกับหญิงบ้าผู้ชายนัก
เห็นนางเป็นเช่นนี้ เขานึกไม่ออกจริงๆ ว่าตระกูลแบบไหนกันแน่ที่ชุบเลี้ยงสาวน้อยพิลึกพิลั่นเช่นนี้ออกมา?
มีอีกข้อหนึ่งทำให้เขารู้สึกแปลกใจยิ่งนัก สำหรับสัมผัสของนาง ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เขาเคยชิน ถึงไม่มีความรู้สึกรังเกียจเหมือนที่หญิงคนอื่นๆ แตะต้องเขา
ความรู้สึกแปลกๆ เช่นนี้เป็นข้อสรุปที่ทำให้เข้าใจผิดว่านางเป็นเด็กหนุ่มมาตลอด ดังนั้นถึงได้ยอมรับนางจากก้นบึ้งหัวใจ!
ได้ยินคำพูดเขา เฟิ่งจิ่วก็ตื่นเต้นอยู่บ้าง เธอฉีกยิ้มกว้าง นำเสื้อผ้าวางไว้หัวเตียง ยื่นมือออกไปทั้งน้ำลายสอ บอกด้วยความปลาบปลื้มเล็กน้อย “งั้น ข้าถอดแล้วนะ?”
“ช่วยข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าทำให้เจ้าตื่นเต้นได้เพียงนี้เชียวรึ? เจ้าตื่นเต้นอะไรกันแน่?” เขาถามติดตลกนิดหน่อย เพียงรู้สึกว่าความคิดนางช่างแปลกประหลาดมากเสียจริง
“แหะๆ ข้าเคยบอกแล้วไม่ใช่รึ? ว่าข้าชื่นชอบหนุ่มรูปงามเป็นที่สุด โดยเฉพาะคนอย่างนายท่านเหยียน ยากนักที่จะมีโอกาสช่วยนายท่านเหยียนเปลี่ยนเสื้อผ้า ข้าจะไม่ตื่นเต้นได้รึ?” เธอหรี่สองตาลงยิ้ม สองมือแก้เสื้อท่อนบน เสื้อคลุมเปิดออกครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นกล้ามเนื้อทรงเสน่ห์สีแทน เธอมองเสียจนน้ำลายไหล
บ้าจริง! เรือนร่างนี้ยังทำให้คนมีชีวิตได้อยู่อีกรึ?
หนุ่มรูปงามเสื้อคลุมเปิดครึ่งเอนกายอยู่บนเตียง กล้ามเนื้อสีแทนปรากฏปิดครึ่งเปิดครึ่งอยู่ตรงหน้าเธอ เพราะหน้ากากครึ่งหน้าที่สวมอยู่จึงเห็นใบหน้าไม่ชัด แต่ดวงตาลึกล้ำและลึกซึ้งคู่นั้นยังยั่วยวนใจราวปีศาจร้าย ริมฝีปากบางน่าเย้ายวนไม่รู้เพราะเรื่องอะไรถึงยกขึ้นเบาๆ ด้วยความสุขสมใจ มุมปากยกขึ้นมุมโค้งรางๆ เสน่ห์ความเป็นชายทั่วร่างทำให้เธอเห็นแล้วแทบจะพุ่งออกไปอย่างไม่อาจต้านทาน
ช่างเป็นร่างเปลือยเปล่าที่น่าดึงดูดเสียจริง! หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายพละกำลังแกร่งนัก จิ๊ๆ เธอล่ะอยากจะตะครุบเขาไว้จริงๆ!
และเวลานี้ เพราะคำพูดนั้นของนางที่ว่า ‘ชอบหนุ่มรูปงามเป็นที่สุด โดยเฉพาะคนอย่างนายท่านเหยียน’ อารมณ์เขาจึงสั่นไหว
ความรู้สึกแปลกๆ ในหัวใจ พูดได้ว่าสิ่งที่ผุดขึ้นมาครั้งแรก คือความระรื่นและสุขใจเล็กน้อย แม้แต่มุมปากยังยกมุมโค้งขึ้นโดยไม่รู้ตัวเพราะความสุข
เห็นเฟิ่งจิ่วตรงหน้าน้ำลายไหลเพราะเรือนร่างเขา ดวงตาก็เปล่งประกาย เขารู้สึกภูมิอกภูมิใจแปลกๆ นึกถึงความรู้สึกประหลาดที่ผิดปกติของตัวเอง ในดวงตาจึงฉายแววอึดอัดใจ กระแอมไอเบาๆ ทำน้ำเสียงเข้ม เอ่ยอย่างหยาบกระด้าง “อย่าชักช้า เร่งมือหน่อย!”
“ก็ได้ๆๆ”
เธอหรี่ตายิ้ม ถอดเสื้อท่อนบนเขาออกอย่างคล่องแคล่วว่องไว มือเพิ่งแตะตรงผ้าคาดเอว ก็ถูกเขาคว้าไว้
“เจ้าทำอะไรน่ะ?”
……………………………
ตอนที่ 194 ชอบผู้ชายด้วยกัน?
“ท่านไม่เปลี่ยนกางเกงรึ?” เธอเลิกคิ้วมองเขา
ได้ยินคำพูดนี้ เห็นท่าทางนางดวงตาเป็นประกาย สีหน้าก็มืดลง “เปลี่ยนแค่เสื้อก็พอ”
“โอ้” เธอตอบรับอย่างเสียดายนิดหน่อย ชำเลืองมองผ้าคาดเอว แค่เกือบ เกือบแล้วเชียว…
เห็นท่าทางบนใบหน้านาง นายท่านเหยียนก็กระตุกมุมปาก ทนมองต่อไปไม่ได้จริงๆ หลับตาลง ก่อนจะมองไปอีกทางหนึ่ง
หลังจากเปลี่ยนเสื้อที่เปื้อนเลือด นายท่านเหยียนถึงจะนอนลงพักผ่อน สั่งอีกว่า “เจ้าไปนอนนอกห้อง ถ้ามีเรื่องอะไรข้าจะเรียกเจ้าเอง”
หลังเฟิ่งจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง ก็ถามว่า “ท่านไม่ถอดหน้ากากรึ?”
เหมือนคนผู้นี้จะสวมหน้ากากไว้ตลอด แม้จะนอนก็ยังสวม คล้ายจะไม่อยากให้เธอจำเขาได้ หรือจะเป็นคนที่นางรู้จัก?
“ออกไป” นายท่านเหยียนเหลือบมองนาง น้ำเสียงเย็นชา
เห็นเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วยักไหล่ ไม่พูดอะไรมาก เดินมานอนลงบนม้านั่งตัวยาวนอกห้อง ปิดตาลงแต่ยังนอนไม่หลับ ในใจกำลังครุ่นคิด ‘จะหนีออกไปยังไงดี? ก่อนหนีควรหอบยาทิพย์จิตวิญญาณไปหน่อยหรือไม่?’
เช้าตรู่วันถัดไป นายท่านเหยียนที่ตื่นขึ้นมาเดินออกไปนอกห้อง เห็นเงาร่างนั้นคดตัวอยู่บนม้านั่งตัวยาว ยาทาสีเขียวปนดำที่ผอกไว้บนหน้าผ่านไปหนึ่งคืนก็เหมือนจะแห้งแล้ว พื้นผิวจึงแตกออกเล็กน้อย แต่คนกลับยังหลับใหลนอนกรนราวกับหมู
เขายกขาขึ้นถีบขานาง กลับเห็นนางหดขาขึ้น พลางกระซิบว่า “ไปเล่นด้านโน้นไป อย่ามารบกวนข้า”
เขาเลิกคิ้วขึ้น แววตาลึกล้ำฉายประกาย มองลึกที่นาง ก่อนจะยกเท้าเดินออกไป มาถึงนอกเรือน ก็สั่งให้หทารอารักขายกน้ำมาให้เขาล้างหน้าบ้วนปาก
รอถึงเวลาอาหารเช้า เฟิ่งจิ่วพลิกตัว กลับลืมว่าที่ตัวเองนอนอยู่เป็นม้านั่งตัวยาว พอพลิกตัว ร่างก็ตกลงไปบนพื้นดังตุบ ความดังของเสียง ทำให้นายท่านเหยียนที่กำลังทานอาหารเช้าอยู่ด้านนอกได้ยินเข้า
“ซี๊ด!”
เธอสูดหายใจน้อยๆ ลูบแขนที่ตกลงมาเจ็บแล้วลุกขึ้นยืน ร่างกายตื่นตัวขึ้นมา พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นอิ่งอียืนอยู่ตรงประตูกำลังจ้องมองเธอด้วยสีหน้าแปลกใหม่ จึงถลึงมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ทันที
“มองอะไรของเจ้า? ไม่เคยเห็นคนล้มบนพื้นรึไง?”
“หึ!”
อิ่งอีหลุดหัวเราะ พยักหน้าบอกว่า “ยังไม่เคยเห็นใครแม้แต่นอนยังตกเตียงเลยจริงๆ เจ้าหลับลึกแค่ไหนกันแน่เนี่ย?”
เฟิ่งจิ่วไม่สนใจเขา แต่คลำยาทาบนใบหน้า มันแห้งหมดแล้ว จึงพูดทันทีว่า “ข้าไปก่อนนะ” ไม่รอให้เขาพูดอะไรอีก ก็เร่งฝีเท้าเดินออกไป
เมื่อมาถึงนอกเรือน เห็นนายท่านเหยียนกำลังทานอาหารเช้า ย่างก้าวที่เดิมทีก้าวออกไปจึงหยุดชะงักลงเพราะเห็นอาหารหรูหราพวกนั้นบนโต๊ะ จึงตะโกนใส่ทหารอารักขาด้านนอก “หยิบชามกับตะเกียบมาให้ข้าสิ!”
จากนั้นค่อยไปด้านหลัง กลั้วคอเสร็จก็มานั่งลงข้างโต๊ะ
“ข้าว่าท่านคงไม่ถือสาที่ข้ากินข้าวด้วยนะ” เธอรับชามกับตะเกียบที่ทหารอารักขายื่นให้ แล้วคีบเกี๊ยวสีเขียวขึ้นมากัดคำหนึ่งอย่างไม่เกรงใจ
ดวงตาเธอเป็นประกาย พูดอย่างไม่ใส่ใจ “หืม! ห่อไส้แกงเนื้อด้วย หอมมากเลย!”
เห็นท่าทางแมวตะกละของนาง คล้ายเห็นของที่ไม่เคยกินมาหลายร้อยปี นายท่านเหยียนชะลอความเร็วในการกินลง สั่งว่า “ให้คนยกมาเพิ่มอีกชุดหนึ่ง”
น้ำเสียงเฉยเมยนั้นกลับทำให้อิ่งอีได้ยินแล้วถึงกับเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ เห็นนายท่านไม่รังเกียจที่หนุ่มน้อยแบกใบหน้าที่rอกเต็มไปด้วยยาทามานั่งกินตรงข้ามกัน ซ้ำยังให้เขายกมาอีกชุด ในใจจึงครุ่นคิดขึ้นอย่างอดไม่ได้
นายท่านรังเกียจผู้หญิงนัก กลับดูแลหนุ่มน้อยผู้นี้เป็นพิเศษ คงจะไม่ได้… ชอบผู้ชายด้วยกันจริงๆ กระมัง?
………………………………