เทียนหลางขับรถไปยังเขตน่านชิงพร้อมกับคิดถึงเรื่องของแก๊งมังกรเขียว การที่เขานั้นจะถล่มแก๊งมังกรเขียวด้วยตัวคนเดียวนั้นไม่ใช่เรื่องยากที่เรื่องที่จะตามมาทีหลังนี่สิอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตประจำวันของเขายุ่งยากมากขึ้น
ถ้าหากจะทำลายก็ต้องขุดรากและถอนโคนออกมาไม่ให้เหลือแม้แต่เศษดินนี่คือสิ่งที่คนที่เป็นศัตรูกับเขาจะต้องเจอ เทียนหลางเป็นพวกโหดร้ายกับฝ่ายตรงข้ามและยิ้มแย้มกับมิตรอยู่เสมอ
ไม่นานนักเทียนหลางก็เข้าสู่เขตน่านชิง เขตจิงไห่กับเขตน่านชิงนั้นอยู่ไม่ห่างกันมากนักทำให้การเดินทางเป็นไปด้วยความรวดเร็ว
(เขตจิงไห่เป็นเขตหลักของเมืองจิงไห่นะครับ ใครงงนะครับหากเทียบเขตจิงไห่ก็เหมือนอนุสาวรี น่านชิงก็เหมือนกับรังสิต อะไรแบบนี้)
ระหว่างทางเทียนหลางก็ถามทางไปยังคลับทุยห่ายกับชาวบ้านแถวนั้นซึ่งน่าแปลกใจที่ผู้คนในเขตน่านชิงนั้นรู้จักคลับทุยห่ายและดูเหมือนแก๊งมังกรเขียวจะไม่ได้ปิดบังสถานที่กบดานของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
จากที่เทียนหลางถามคนแถวนั้นก็พบว่าเขตน่านชิงนั้นเป็นพื้นที่ที่แก๊งมังกรเขียวนั้นครอบครองอยู่ดังนั้นเขตน่านชิงก็เปรียบเสมือนบ้านของพวกแก๊งมังกรเขียวนั่นเองจึงทำให้พวกมันไม่จำเป็นจะต้องปิดบังสถานที่กบดานแม้แต่น้อย
เพราะแม้แต่ตำรวจในเขตน่านชิงก็ยังเกรงกลัวและไม่กล้ายุ่งกับพวกแก๊งมังกรเขียว มิหนำซ้ำตำรวจเหล่านั้นยังรับสินบนจากแก๊งมังกรเขียวเพื่อช่วยกลบเกลื่อนเรื่องผิดกฏของพวกนั้นอีกด้วย เทียนหลางถอนหายใจออกมาก่อนจะบ่นพึมพำ
”ดูเหมือนตำรวจผู้ตงฉินอย่างผู้หมวดสาวคนนั้นคงหาได้ยากในยุคสมัยแบบนี้”
เทียนหลางได้แต่บ่นพึมพำและไม่สามารถทำอะไรได้เพราะแม้แต่เขาในอดีตก็ยังเคยรับสินบนในการช่วยเหลือคนคนหนึ่งจากการตามล่าของสิบสองพรรคปฐพี ดังนั้นเขาจึงไม่มีหน้าที่จะไปว่าคนเหล่านี้เพราะถ้าหากสิ่งล่อลวงมากพอก็ยากที่จะหลุดพ้น
ระหว่างทางเทียนหลางก็แวะร้านเสื้อสูทเพื่อซื้อสูทถูก ๆ สักชุดเพราะถ้าหากเขาเข้าไปในรังของแก๊งมังกรเขียวด้วยชุดนักเรียนคงจะเป็นเรื่องแปลก ๆ
ไม่นานนักเทียนหลางก็ขับรถมาถึงคลับทุยห่าย เทียนหลางจอดรถที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามเพื่อสำรวจรอบ ๆ สถานที่และพบว่าคลับทุยห่ายนั้นเป็นคลับที่ใหญ่ไม่แพ้กับคลับดัง ๆ ของเขตจิงไห่เลย
เทียนหลางสังเกตุว่าด้านหน้ามีคนเฝ้าอยู่สองสามคนซึ่งดูแล้วพวกนี้เหมือนจะมีอาวุธอยู่ด้วย
เทียนหลางยิ้มก่อนจะเดินออกจากร้านและตรงไปคลับทุยห่าย เมื่อมาถึงเทียนหลางก็ถูกห้ามไว้โดยพวกที่เฝ้าอยู่ด้านหน้า
”หยุด ! ตอนนี้คลับยังไม่เปิด แกมีธุระอะไร ?”
”ใจเย็นพี่ชาย ผมแค่มีธุระกับคนที่คุมที่นี้นิดหน่อย”
”มีธุระกับพี่ซ่านงั้นเหรอ ?”
”ครับ พอดีว่าผมเป็นนายหน้าของเขตจิงไห่และดูเหมือนว่าพี่ซ่านของพี่ชายจะสนใจพื้นที่บางที่ในเขตจิงไห่ หัวหน้าของผมเลยให้ผมมาเจรจาซื้อขายหน่ะครับ”
เมื่อพวกเขาได้ยินคำโกหกคำโตของเทียนหลาง พวกนั้นก็หันหน้าไปพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่คนหนึ่งจะหยิบโทรศัพขึ้นมาและโทรไปยังเบอร์หนึ่ง หลังจากพูดคุยกันอยู่สักพักชายคนที่พูดคุยกับเทียนหลางก่อนหน้านี้ก็พูดขึ้น
”ดูเหมือนน้องชายจะเป็นนายหน้าขายที่จริง ๆ เอาหล่ะตามพี่ชายมา พี่ชายจะพาไปหาพี่ซ่าน”
เทียนหลางเดินตามชายคนนั้นเข้าไปในคลับ เมื่อเข้ามาเทียนหลางก็พยักหน้าพึ่งพอใจเล็กน้อยกับการตกแต่งของที่นี้ มันดูดีมีระดับมากเลยทีเดียวผมแล้วที่เป็นแหล่งมั่วสุมของแก๊งมังกรเขียวที่เป็นหนึ่งในสามแก๊งใหญ่ของเมืองจิงไห่
”ที่นี้ดูหรูหรามากกว่าคลับธรรมดามากเลยนะครับ”
เทียนหลางอดที่จะชมออกมาไม่ได้ เมื่อได้ยินคำชมชายที่นำหน้าเทียนหลางอยู่ก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้น
”แน่นอนอยู่แล้วน้องชาย คลับทุยห่ายของพวกเรานั้นเป็นหนึ่งในคลับที่ดีที่สุดของเมืองจิงไห่เลยนะ ทุกๆ วันจะมีพวกคนมีเงินนำเงินมาลงกับพวกเราหลายสิบคนเลยหล่ะ และแน่นอนว่าคลับของพวกเราการันตีเรื่องความปลอดภัยด้วยไม่มีการทะเลาะวิวาทกันภายในคลับอย่างแน่นอน”
เทียนหลางพยักหน้าพร้อมกับเดินตามชายคนนั้นไปยังชั้นสามของคลับซึ่งเป็นที่อยู่ของพี่ซ่านที่ชายคนนั้นพูดถึง
”ผมพานายหน้ามาแล้วครับพี่ซ่าน”
เมื่อเข้ามาชายคนนั้นก็แนะนำตัวเทียนหลางทันทีก่อนจะออกไป เทียนหลางมองรอบ ๆ ห้องก็พบว่าในห้องนั้นมีผู้คนอยู่ไม่น้อยและบางคนก็กำลังนัวเนียกับเด็กสาวอยู่ด้วยจากที่ดู ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะเป็นแกนหลัง หรือหัวหอกของแก๊งมังกรเขียว
และศูนย์กลางของห้องก็มีชายผมทองที่มีรอยสักมังกรสีเขียวที่อกกำลังดื่มเหล้าอยู่ เขามองเทียนหลางเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”นั่งสิ”
เขากล่าวออกมาง่าย ๆ เทียนหลางพยักหน้าพร้อมกับมองหาเก้าอี้ที่ว่างอยู่เพื่อนั่งลง เมื่อเทียนหลางนั่งลงชายคนนั้นก็พูดขึ้นอีกครั้ง
”ฉันคือซ่านฉิน หัวหน้าแก๊งมังกรเขียว หลายๆคนเรียกฉันว่าพี่ซ่าน ได้ยินว่านายเป็นนายหน้าขายที่ในเขตจิงไห่ที่ฉันเคยติดต่อไปเมื่อครั้งก่อนสินะ”
”ใช่ครับ”
เทียนหลางพยักหน้า ซ่านฉินได้รับคำยินยันของเทียนหลางเขากพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าเล็กน้อย
”ฉันก็ดีใจนะที่นายมาแต่น่าเสียดายที่นายมาช้าไป พวกลูกน้องของฉันนั้นได้จัดการเรื่องนี้ไปแล้วและดูเหมือนว่าไม่ช้าเจ้าของที่นั้นก็จะขายที่ให้ฉันแล้ว และดูเหมือนว่าฉันไม่จำเป็นต้องใช้บริการของสำนักงานนายหน้าของพวกนายแล้ว”
เทียนหลางได้ยินก็นึกถึงเรื่องของถังหยาน เทียนหลางยิ้มก่อนจะพูดขึ้น
”แย่หน่อยนะครับ เพราะเขตจิงไห่ของเรานั้นก็มีกฏของเราเช่นเดียวกัน ในเมื่องลูกน้องของคุณได้ไปจัดการแล้วดังนั้นเรื่องค่าเสียหายและค่าทำขวัญคุณก็คงจะเป็นต้องรับผิดชอบในฐานะที่คุณเป็นหัวหน้าของคนเหล่านั้น”
เมื่อซ่านฉินได้ยินคำพูดของเทียนหลาง เขาก็ทำหน้าบูดบึ้งทันทีพร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
”รับผิดชอบ ? นี่แกจะพูดอะไร ?”
เทียนหลางลุกขึ้นพร้อมกับขยับเนคไทเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยพร้อมกับนับนิ้วมือ
”ก็ค่ารักษาพยาบาลของคนที่ลูกน้องคุณไปทำร้าย ค่าเสียหายของสถานที่ที่ยังสร้างไม่เสร็จ ค่าอุปกรณ์ที่ชำรุด ค่าทำขวัญ และก็เงินปลอบใจ”
เทียนหลางร่ายรายการที่ต้องการให้ซ่ายฉินออกมายาวเหยียด เมื่อซ่านฉินได้ยินก็หัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับพูดขึ้น
”และแกจะให้ฉันจ่ายเท่าไหร่หล่ะ ?”
”ดีจริง ๆ ที่คุณซ่านฉินเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย จำนวนที่คุณจะต้องจ่ายก็คือเท่านี้ครับ”
เทียนหลางพูดจบก็ชูนิ้วขึ้นมาห้านิ้ว ซ่านฉินเห็นก็พูดขึ้น
”ห้าแสนงั้นเหรอ ? จะไม่มากไปหน่อยเหรอ ?”
เทียนหลางที่ได้ยินก็ส่ายหน้าพร้อมกับหัวเราะ
”ผิดแล้วครับ ห้าล้านต่างหาก นั่นคือทั้งหมดที่คุณต้องจ่ายครับคุณซ่านฉิน”
เมื่อซ่านฉินได้ยินเส้นเลือดบนหน้าผากของเขาก็ผุดขึ้นมาทันทีพร้อมกับใบหน้าที่กำลังเต็มเปี่ยมไปด้วยเสียงหัวเราะเมื่อกี้ กลายเป็นแดงก่ำด้วยความโกรธแม้แก๊งมังกรเขียวจะเป็นหนึ่งในสามแก๊งใหญ่ของเมืองจิงไห่และมีรายได้ต่อปีมากกว่าร้อยล้านแต่การที่อยู่ ๆ จะมีคนนึงเดินเข้ามาในบ้านของเขาและมาขอเงินเขาดื้อ ๆ ห้าล้านนี่ไม่เป็นการตบหน้าและดูถูกเหยียดหยามเขาอย่างงั้นเหรอ ?
ซ่านฉินมองเทียนหลางด้วยตาแดงก่ำก่อนจะหยิบโทรศัพขึ้นมาและโทรไปยังเบอร์หนึ่ง ไม่นานนักเทียนหลางก็ได้ยินเสียงผู้คนมากมายเดินเข้ามาในคลับพร้อมกับอาวุธครบมือ เทียนหลางมองเหตุการณ์ข้างนอกพร้อมกับพูดขึ้น
”ดูเหมือนคุณซ่านฉินจะไม่เต็มใจที่จะจ่ายค่าเสียหายสินะครับ”
”และฉันดูเหมือนพวกชอบจ่ายค่าเสียหายรึไง ?”
ซ่านฉินพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะ เทียนหลางถอนหายใจพร้อมกับพูดขึ้น
”เช่นนั้นผมคงต้องบังคับให้คุณให้จ่าย”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็หายไปจากสายตาของซ่านฉินทันที ซ่านฉินตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างมากแต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้หายตกใจเขาก็รู้สึกมาว่าบางคนมาจับแขนของเขา เมื่อเขามองดูดี ๆ ก็พบว่าเทียนหลางนั้นกำลังจับแขนของเขาอยู่
เทียนหลางยิ้มพร้อมกับเหวี่ยงซ่านฉินใส่กระจก
เพล๊ง !!
กระจกของห้องแตกออกพร้อมกับร่างของซ่านฉินร่วงลงสู่ชั้นหนึ่ง
พลั๊ก !
ร่างของซ่านฉินร่วงลงกระแทกพื้นท่ามกลางลูกน้องนับร้อยพร้อมเสียงของซ่านฉินอวดครวญอยู่บนพื้นของชั้นหนึ่งเทียนหลางเฝ้ามองซ่านฉินจากชั้นสามก่อนจะพูดขึ้น
”คุณซ่านฉินเต็มใจที่จะจ่ายค่าเสียหายรึยังครับ ?”
ซ่านฉินลุกขึ้นด้วยท่าทียากลำบากก่อนจะตะโกนเสียดัง
”ฆ่ามัน !”
เมื่อพูดจบเหล่าลูกสมุนของแก๊งมังกรเขียวก็กรูกันขึ้นมาที่ชั้นสาม เทียนหลางที่ได้ยินก็ถอนหายใจ
”ดูเหมือนคุณซ่านฉินจะยังไม่ยินยอม เช่นนั้นผมจะไปบีบมาจากคุณเอง”
เทียนหลางพูดจบก็หันกลับเข้าไปในห้องพร้อมกับเตะเข้าที่ซี่โครงของชายคนหนึ่งที่อยู่ในห้อง ก่อนจะหันไปเตะก้านคออีกคนจนกระเด็นติดพนังต่อมาก็ตามดูเสียงกรีดร้องของเด็กสาว แต่เทียนหลางหาได้สนใจเขายังคงเดินหน้าเตะลูกน้องของซ่านฉินต่อไป
เปรี้ยง เปรี้ยง
เสียงหน้าแข้งกระทบกับเนื้อหนังดังไปทั่วห้องพร้อมกับร่างที่ลอยละลิ่วของลูกน้องของซ่านฉิน
ปัง !
ไม่นานนักเสียงของประตูห้องก็ถูกเปิดขึ้นพร้อมกับลูกน้องของซ่านฉินที่วิ่งกันเข้ามาพร้อมกับอาวุธครบมือ เทียนหลางหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะวิ่งเข้าใส่พร้อมกับเตะคนหน้าสุดออกไป
เทียนหลางจัดการลูกน้องของซ่านฉินที่ดาหน้าเข้ามาทีละคน ๆ จนมาถึงชั้นสองแต่ก็ดูเหมือนว่าลูกน้องของซ่านฉินจะไม่น้อยลงเลย เทียนหลางถอนหายใจพร้อมกับบ่นในขณะที่กำลังเตะเอวคนข้างหน้าอยู่
”ก็สมกับเป็นหนึ่งในสามแก๊งใหญ่อะนะ ลูกน้องเยอะจริง ๆ”
เทียนหลางขบคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย
”แต่จากที่เล่าจิงบอกเห็นว่ามีลูกน้องนับพันไม่ใช่เหรอ ? แต่ทำไมดูมีแค่ไม่กี่ร้อยเอง”
เทียนหลางเลิกคิดถึงเรื่องจำนวนคนเขาค่อย ๆ จัดการไปทีละคนสองคนอย่างใจเย็น ในขณะนั้นโทรศัพของเทียนหลางก็ดังขึ้นเทียนหลางรับอย่างใจเย็นในขณะที่กำลังเตะขาของชายคนหนึ่งจนหัก
”ฮัลโหล ?”
”นายอยู่ที่ไหนเทียนหลาง ?”
เสียงหนึ่งถามขึ้นและเอ่ยถามถึงที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้แต่ด้วยที่นี้นั้นเสียงดังทำให้เทียนหลางได้ยินไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
”ผมอยู่ที่เขตน่านชิง เธอมีอะไรกับผมงั้นเหรอหลินเสวี่ย ?”
”ฉันจะถามนายว่าวันเสาร์ว่างรึเปล่า”
”วันเสาร์ ? ผมไม่มีธุระอะไรหรอกนะ มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ ?”
”มีบางอย่างที่ฉันอยากให้นายช่วย”
”โอเค เข้าใจแล้ว”
เทียนหลางตอบกลับพร้อมกับหักแขนคนตรงหน้าด้วยมือข้างเดียว
อ๊ากกกกก
”เสียงอะไรหน่ะ ?”
เสียงร้องของชายที่ถูกหักแขนดังจนทำให้หลินเสวี่ยได้ยินและเอ่ยถามออกมา
”ไม่มีอะไรหรอก ตอนนี้ฉันติดธุระอยู่เดียวค่อยคุยกันนะ”
เทียนหลางวางสายในขณะที่อีกมือกำลังบิดแขนของชายอีกคนหนึ่งอยู่ หลังจากที่เทียนหลางเก็บโทรศัพกลับใส่กระเป๋าเขาก็หันมาพูดด้วยรอยยิ้ม
”เอาหล่ะมาต่อกันดีกว่า”
แกร๊ก ! อ๊ากกกก !
เทียนหลางบิดแขนชายคนนั้นจนหัก และเริ่มเข้าไปชกหน้าอกชายอีกคนหนึ่งต่อทันทีการต่อสู้ค่อย ๆ รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับลูกน้องของซ่านฉินที่เข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเช่นกัน
ซ่านฉินมองฉากที่ลูกน้องของตัวเองกำลังลอยไปติดกำแพง ฝาผนังทีคน ๆ อย่างขมขื่นก่อนจะชักปืนออกมาจากกางเกงและเล็งใส่เทียนหลาง
”อย่าขยับนะเว่ย ไอ้หนูถ้าแกไม่อยากตาย”
เทียนหลางมองซ่านฉินเล็กน้อยก่อนจะเลิกสนใจและหันไปหักแขนชายตรงหน้าต่อ เสียงร้องโหยหวนดังระงมไปทั่วคลับทุยห่าย ซ่านฉินเมื่อเห็นว่าเทียนหลางไม่สนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียวเขาก็รู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาก่อนจะลั่นไกใส่เทียนหลาง
ปัง !!
ตูม !!
เสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับเสียงระเบิดอะไรบางอย่าง ในนานนักลูกน้องจำนวนมากของซ่านฉินก็ถูกแรงบางอย่างกระแทกจนปลิว เทียนหลางหายไปจากจุดที่เขาเคยยืนและมาโผล่ตรงหน้าของซ่านฉินก่อนจะพูดขึ้น
”ฉันพยายามจะไม่เอาจริง แต่ดูเหมือนว่าจำนวนคนและการที่แกมีปืนจะช่วยให้เรื่องจบลงเร็วขึ้น”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็หายไปพร้อมกับลูกน้องของซ่านฉินที่ค่อย ๆ ล้มลงทีละคน ๆ ซ่านฉินตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นอย่างมาก เหตุการณ์ที่เขาไม่คิดว่าเขาจะได้เห็นมัน ภาพของลูกน้องของตนที่กำลังลอยเคว้งคว้างไปทั่วคลับจากแรงกระแทกบางอย่าง
เวลาผ่านไปไม่นานลูกน้องนับร้อยของซ่านฉินก็ถูกจัดการจนหมด เทียนหลางเดินเข้ามาหาซ่านฉินที่กำลังนอนหมอบอยู่บนพื้นพร้อมกับจัดแจงเสื้อผ้าเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้น
”เอาหล่ะทีนี้คุณซ่านฉิน คุณพร้อมที่จะจ่ายค่าเสียหายหรือยัง ?”
”นะ… แน่นอนครับ”
ซ่านฉินตอบกลับอย่างรวดเร็วเพราะความกลัวตลอดเวลาที่ต่อสู้กันซ่านฉินเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด ลูกน้องนับร้อยของเขาไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะแตะตัวของเทียนหลางได้เลย และด้วยพลังของเทียนหลาง ซ่านฉินก็ได้รู้ว่าแม้เขาจะยกกันมาทั้งแก๊งมังกรเขียวพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรเทียนหลางได้เพราะพวกเขากับเทียนหลางอยู่กันคนละโลก ความห่างชั้นของพวกเขาทั้งคู่ต่างกันเกินไปนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้ซ่านฉินยอมจำนวนต่อเทียนหลางแต่โดยดี
ไม่กี่วินาทีต่อมาก็ได้มีเสียงข้อความว่าเงินถูกโอนเข้าบัญชีเรียบร้อยแล้ว เทียนหลางลุกขึ้นก่อนจะพูดกับซ่านฉิน
”ผมหวังว่าคุณจะไม่เข้าไปยุ่งกับเขตจิงไห่อีกนะครับคุณซ่านฉิน”
”ขะ… เข้าใจแล้วครับ”
”เช่นนั้นก็ดีครับ”
ในขณะที่เทียนหลางกำลังจะจากไปซ่านฉินก็พูดขึ้น
”คุณมาจากโลกคุนหลุนใช่ไหม ?”