ในขณะที่งานประมูลกำลังดำเนินไปด้วยความครื้นเครงแต่สำหรับเทียนหลางแล้วค่อนข้างจะน่าเบื่อ ตามที่หลี่ไห่บอกมาว่าจะมีผู้บ่มเพาะมาเข้าร่วมงานประมูลด้วยซึ่งเทียนหลางก็เห็นบ้างเป็นบางคนแต่คนพวกนั้นอยู่ระดับต่ำสะจนทำให้เทียนหลางไม่อยากจะสนใจ และสิ่งของที่ถูกนำมาประมูลก็ค่อนข้างทั่วไป แม้จะมีบ้างที่ดูน่าสนใจแต่มันก็ไม่มากพอที่จะทำให้เทียนหลางต้องถึงกับสิ้นเปลืองเงินของตัวเอง
เฟิงหยวนถอนหายใจออกมาขณะจิบไวน์ในแก้ว
”งานประมูลของโลกมนุษย์ค่อนข้างน่าเบื่อนะ”
เทียนหลางที่ได้ยินก็หัวเราะออกมา
”ทำยังไงได้ของพวกนี้สำหรับพวกเราแล้วไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นของที่ดูน่าสนใจเลยไม่ค่อยจะมีให้เห็นมากนัก”
เฟิงหยวนพยักหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ในขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งเบื่อกันอยู่นั้นก็มีของชิ้นหนึ่งที่สะดุดตาของเขา มันเป็นท่อนไม้สีฟ้าครามขนาดประมาณสองเมตร เมื่อมันสะท้อนกับแสงไฟทำให้มันส่องประกายระยิบระยับออกมา
เทียนหลางมองมันเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา
”ไม่น่าเชื่อว่าจะเจอ ไม้หยกแสงจันทร์ที่นี้”
”เป็นของหายากน่าดู คุณต้องการมันงั้นเหรอ ? แต่ว่ามันไม่มีประโยชน์กับคุณเลยนะ”
เทียนหลางยิ้มก่อนจะตอบกลับ
”มันเหมาะกับการมาทำเป็นที่รองแขนเวลาผมอ่านหนังสือนะ”
เฟิงหยวนที่ได้ยินก็หัวเราะออกมาเบาๆ
”เป็นผู้ชายที่ฟุ่มเฟือยเสียจริง”
”หากคุณยายรู้ว่าเรามางานประมูลโดยไม่ใช้เงินสักเหรียญก็คงจะแย่”
เฟิงหยวนยิ้มและไม่ตอบอะไรเพียงแค่มองไปที่เวทีขณะที่พิธีกรกำลังกล่าวรายละเอียดของไม้หยกแสงจันทร์
”ท่อนไม้ถูกพบในป่าลึกของทวีปยุโรป ผิวและเนื้อของมันนั้นเหมือนกับหยกแต่เมื่อถูกตรวจสอบอย่างละเอียดและพบว่าส่วนประกอบของมันส่วนใหญ่คล้ายคลึงกับไม้ แต่คุณสมบัติของมันนั้นยังเป็นปริศนาดังนั้นราคาของมันจึงเริ่มต้นอยู่ที่ สามแสนเหรียญเท่านั้นและทุกท่านสามารถบิดได้ทีละหนึ่งหมื่นเหรียญขึ้นไป เริ่มการประมูล ณ บัดนี้ !”
”320,000 !!”
”340,000 !!”
”350,000 !!”
”360,000 !!”
ราคาของไม้หยกแสงจันทร์ยังคงพุ่งขึ้นต่อไปจนถึงหกแสนเหรียญ เมื่อมันถึงเริ่มหกแสนผู้เข้าร่วมประมูลก็เริ่มน้อยลงเทียนหลางคิดว่าคงถึงเวลาที่เขาจะเข้าร่วมแล้วไม่งั้นราคาคงจะเกินไปถึงหนึ่งล้านแน่ๆ และเขาคงไม่อยากจะเสียเงินโดยใช้เหตุ
เทียนหลางจึงกดปุ่มเพิ่มราคาทันที
”ห้องพิเศษที่ 1 ให้ราคามา 700,000 เหรียญจะมีผู้ใดสู้ต่อหรือไม่ ?”
ทั้งห้องเงียบกริบและมองมาที่ห้องที่เทียนหลางอยู่ทันทีด้วยความตกใจเพราะคงไม่มีใครคิดว่าจะมีคนกล้าประมูลราคาท่านไม้ในราคาเจ็ดแสนแน่ๆ แม้มันจะสวยก็ตามที แต่ก็ยังมีสายตาจำนวนหนึ่งที่มองมาที่ห้องของเทียนหลางด้วยความเย็นชา
เทียนหลางเฝ้ามองจากด้านบนก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะเขารู้ว่าสายตาพวกนั้นมาจากเหล่าผู้บ่มเพาะของโลกใบนี้ แม้ไม้หยกแสงจันทร์จะไม่ได้มีค่ามากมายนักสำหรับเทียนหลางกับเฟิงหยวนแต่สำหรับผู้บ่มเพาะของโลกนี้ที่อ่อนแอและขาดแคลนทรัพยากรแล้วละก็ไม้หยกแสงจันทร์นี้เหมือนกับสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว
และมันกำลังถูกเทียนหลางแย่งไปทำให้พวกเขานั้นทนไม่ได้จึงมองไปที่เทียนหลางด้วยดวงตาเย็นชาก่อนจะเพิ่มราคาขึ้นไปอีก
”800,000 เหรียญ !!”
”830,000 เหรียญ !!”
”860,000 เหรียญ !!”
เทียนหลางถอนหายใจก่อนจะกดราคาไปที่หนึ่งล้าน
”ห้องพิเศษที่ 1 ให้ราคามา 1 ล้านเหรียญจะมีผู้ใดสู้ต่อหรือไม่ ?”
”ห้องพิเศษที่ 7 ให้ราคามา 1.7 ล้านเหรียญจะมีผู้ใดสู้ต่อหรือไม่ ?”
เทียนหลางตกใจเล็กน้อยที่มีคนยอมให้ราคาถึง 1.5 ล้านเพราะเจ้าไม้หยกแสงจันทร์นั้นไม่ได้มีค่าขนาดนั้น แต่ถึงอย่างงั้นเทียนหลางคาดว่าคนที่อยู่ในห้องพิเศษที่ 7 คงเป็นพวกรวยมากแน่ๆ ไม่งั้นเขาคงไม่เทเงินลงมาขนาดนี้
ราคาของไม้หยกแสงจันทร์ยังคงพุ่งขึ้นต่อไปแม้จะไม่มีเทียนหลางเข้าร่วมตอนนี้ราคามันสูงถึง 3.9 ล้านเหรียญแล้ว เทียนหลางถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะบ่นออกมาเบาๆ
”ดูเหมือนฉันจะต้องโบกมือลาที่รองแขนแล้วสินะ”
เฟิงหยวนที่ได้ยินก็หัวเราะคิกคักออกมาก่อนจะพูดขึ้น
”ถ้างั้นคุณจะใช้ฉันเป็นที่รองแขนก็ได้นะ”
เทียนหลางที่ได้ยินก็ถอนหายใจออกมากับความขี้เล่นของเธอเพราะนับตั้งแต่ที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เฟิงหยวนมักจะหยอกล้อเขาเป็นประจำซึ่งบ่อยกว่าตอนที่อยู่ด้วยกันบนสวรรค์เสียอีก
ทั้งคู่มองการประมูลซึ่งจบลงไปด้วยราคา 4.7 ล้านซึ่งมากกว่าที่เทียนหลางคิดเอาไว้เยอะเลย ซึ่งหลังจากไม้หยกแสงจันทร์แล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจสำหรับเทียนหลางอีกเขาจึงเฝ้าดูการประมูลยาทิพย์ของเขาซึ่งจะออกเป็นสิ้นค้าชิ้นทัดไป
เทียนหลางนำยาทิพย์ไปประมูลทั้งหมด 3 ขวดซึ่งมันจะถูกประมูลพร้อมกันทีละขวด เทียนหลางมองไปที่พิธีกรที่กำลังอธิบายสรรพคุณของยาทิพย์อยู่ทันทีที่พิธีกรพูดจบเสียงของผู้คนในห้องประมูลก็ฮือฮากันทันที ทุกคนต่างจ้องมองมันตาเป็นมันเพราะยาวิเศษแบบนี้ไม่ค่อยจะโผล่ออกมาให้เห็นมากนักแม้ราคามันจะแพงแต่ก็ยังมีหลายคนในนี้ที่ยอมจ่าย
”ราคาจะเริ่มต้นที่ 1พันล้านเหรียญ และทุกท่านสามารถบิดได้ทีละ 10ล้านขึ้นไปขอเริ่มการประมูล ณ บัดนี้ !!”
ทันทีที่พิธีกรพูดจบราคาของยาทิพย์ก็พุ่งพรวดอย่างรวดเร็วจนแตะ 1.5พันล้านแล้วในตอนนี้แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังไม่มีคนที่จะยอมปล่อยมันไปดังนั้นราคาจึงถูกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ห้องพิเศษแต่ละห้องต่างเร่งกันลงเงินประมูลกันเต็มที่เพื่อขัดขวางคู่แข่ง
ในไม่ช้าราคาของยาทิพย์ก็พุ่งไปถึง 2พันล้าน เมื่อราคามันพุ่งถึง 2พันล้านก็มีสิ่งหนึ่งปรากฏขึ้นทำเอาเทียนหลางยิ้มเล็กน้อยเพราะคนในห้องพิเศษหมายเลข 6 ได้ตะโกนออกมา
”2.1 พันล้านใครกล้าให้ราคามากกว่านี้จะต้องเจอดีกับตระกูลหาน”
”2.3 พันล้านจากห้องพิเศษที่ 4 จะมีผู้ใดสู้ต่อหรือไม่ ?”
ทันใดนั้นก็ได้มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นจากห้องพิเศษที่ 4
”ฮ่าๆ ตระกูลหานงั้นเหรอ ? นายเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงกล้าพูดแบบนี้ทั้งๆ ที่ตอนนี้ตระกูลหานกำลังตกต่ำ”
”แก”
การปะทะฝีปากเล็กน้อยจากทั้งสองคนสร้างความตื่นตาให้กับเทียนหลางไม่น้อยก่อนที่จะมีเสียงประกาศขึ้นอีกครั้ง
”3 พันล้านจากห้องพิเศษที่ 2 จะมีผู้ใดสู้ต่อหรือไม่ ?”
เทียนหลางตกใจเล็กน้อยกับการขึ้นราคาครั้งเดียวถึง 3พันล้านเทียนหลางอยากจะรู้นักว่าใครกันที่อยู่ในห้องพิเศษที่ 2 ถึงได้ร่ำรวยขนาดนี้น่าเสียดายที่ทั้งสองห้องนั้นติดกันจึงไม่สามารถที่จะเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้
แต่ความสงสัยของเทียนหลางก็ได้หายไปทันทีเมื่อห้องพิเศษที่ 2 นั้นได้ทำการกดไมค์และพูดขึ้นซึ่งเสียงนั้นเป็นเพียงหวานไพเราะของผู้หญิงคนหนึ่ง
”เพื่อเห็นแก่หน้าตระกูลตงเสวียหวังว่าทุกท่านคงไม่คิดจะเพิ่มเงินอีกต่อไป”
ในที่สุดเทียนหลางก็ได้รับรู้แล้วว่าผู้ที่อยู่ในห้องประมูลที่ 2 ก็คือคุณหญิงจากตระกูลตงเสวียนั่นเอง เทียนหลางตกใจเล็กน้อยกับความร่ำรวยของเธอและดูเหมือนหลายคนในที่นี้จะมีความยำเกรงต่อตระกูลตงเสวียไม่น้อยเสียด้วยจึงไม่มีใครกล้าเพิ่มเงินขึ้นไปอีก และราคาของยาทิพย์ขวดแรกก็จบลงที่ 3พันล้านเหรียญ