ฮ่าวเทียนหลางและเยี่ยเอ๋อกำลังเฝ้ามองสนามรบอยู่สักพักก่อนจะเดินทางกลับมาที่โรงเตี้ยม พร้อมกับสั่งอาหารเที่ยงมาทาน
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังทานอาหารเที่ยงกันอยู่นั้นเยี่ยเอ๋อก็ได้พูดขึ้น
”ท่านอาจารย์ข้ามีเรื่องสงสัย”
”ว่าไง ?”
”ทำไมเสนาบดีฉวีถึงต้องเรียกชื่อของอาจารย์โดยมีคำว่า ‘ฮ่าว’ นำหน้าด้วยละ ? ทั้งที่ชื่อของอาจารย์ก็คือเทียนหลางเท่านั้นเอง”
”ทำไมเจ้าถึงสงสัยเรื่องนั้นละ ?”
”ก็ปกติไม่มีใครเรียกท่านว่า ฮ่าวเทียนหลาง มาก่อนเลยนี่หน่า”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเขาก็หัวเราะออกมาก่อนจะอธิบาย
”คำว่า ‘ฮ่าว’ ในภาษาโบราณนั้นถูกเขียนด้วยตัวอักษร ถัง ที่อ่านได้ถึงสองความหมายนั่นก็คือคำว่า เทพ และคำว่า สงคราม ในอดีตนั้นคำว่า ‘ฮ่าว’ จึงถูกนำมาใช้นำหน้าชื่อของผูที่แข็งแกร่ง”
เมื่อเยี่ยเอ๋อได้ยินเธอก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะถามต่อ
”แล้วท่านอาจารย์ได้คำว่า ฮ่าว นั้นมาได้ยังไงกันคะ ?”
เมื่อเทียนหลางที่ได้ยินก็ลูบคางตัวเองเบาๆก่อนจะบอกว่า
”ตัวอาจารย์เองก็จำไม่ได้เหมือนกัน มันนานมาแล้วอะนะตั้งแต่มีคนเรียกอาจารย์ด้วยชื่อนั้น”
”แล้วอาจารย์ไม่รู้สึกอะไรงั้นเหรอคะ ที่มีคนเรียกอาจารย์ด้วยชื่อที่แปลกไป ?”
เมื่อเทียนหลางได้ยินแบบนั้นเขาก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”ไม่ว่าคนอื่นจะมองเจ้า หรือเรียกเจ้ายังไง ตัวเจ้าก็ยังคงไม่เปลี่ยนไปหากคนผู้นั้นเปลี่ยนไปด้วยคำพูดของคนรอบข้างนั่นแสดงว่าเขานั้นเป็นเพียงแค่คนอ่อนแอที่โอนอ่อนตามผู้คนเท่านั้น”
เมื่อเยี่ยเอ๋อได้ยินนางก็พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปสนใจอาหารตรงหน้าต่อ
หลังจากทานอาหารกันเสร็จเทียนหลางก็ลุกขึ้นพร้อมกับเอ่ยกับเยี่ยเอ๋อ
”คงได้เวลาที่จะกลับสำนักของเรากันแล้ว”
เมื่อเยี่ยเอ๋อได้ยินแบบนั้นเธอก็ร้องดีใจออกมาทันที
”เย้ จะได้กลับไปกินอาหารฝีมือศิษย์พี่เจ็ดแล้ว”
เทียนหลางที่ได้เห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาก่อนจะพาเยี่ยเอ๋อลงไปที่ด้านล่างของโรงเตี้ยมเพื่อทำเรื่องในการคืนห้องพัก เมื่อลงมาด้านล่างทั้งคู่ก็ได้สัมผัสกับบรรยากาศครึกครืนของโรงเตี้ยมทั่วไปที่เต็มไปด้วยผู้คนเข้าออก
เทียนหลางเดินไปคุยกับเจ้าของโรงเตี้ยมเรื่องคืนห้องพักก่อนจะเดินกลับมา ในขณะนั้นสายตาของเขาก็ผ่านไปเห็นกับชายชราผมขาวคนหนึ่งที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่ที่โต๊ะ
ทันทีที่เทียนหลางจ้องมองชายชราเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีบางอย่างกำลังเข้ามาในจิตใจของเขา
เทียนหลางจ้องมองชายชราอยู่สักพักก่อนจะเดินเข้าไปและประสานมือเล็กน้อยทำความเคารพ
”ผู้น้อยกล่าวทักทายผู้อาวุโส”
เยี่ยเอ๋อที่ได้เห็นท่าทีของผู้เป็นอาจารย์เธอก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะแสดงความเคารพตาม ชายชรานั้นเงยหน้าขึ้นมามองทั้งสองคนเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อย
”ไม่คิดว่าจะได้มาเจอคนเช่นเจ้า… ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยสงครามเช่นนี้ แสดงว่าชะตาคงได้กำหนดมันเอาไว้แล้ว”
เมื่อพูดจบชายชราก็วางตะเกียบในมือลงก่อนจะจับไปที่มือของเทียนหลางพร้อมกับสัมผัสเบาๆจากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้น
”ในภายหน้าชะตาของเจ้าจะต้องเจอเรื่องราวมากมาย จำไว้นะเจ้าหนุ่ม… เมื่อใดที่ดวงดาวร่วงหล่นจากท้องฟ้า ความมืดจะกลับคืนสู่พื้นดิน”
เมื่อพูดจบชายชราก็ลุกขึ้นพร้อมกับวางเงินไว้บนโต๊ะและจากไป ทิ้งไว้เพียงคำถามที่อยู่ในใจของเทียนหลางเท่านั้น