เทียนหลางไม่ตอบกลับแอนเดียเขาเพียงได้แต่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงและตรวจสอบศพของผู้บุกรุก
“อืม… เสื้อเกราะอย่างดี อาวุธสุดล้ำสมัย…”
เทียนหลางลูบคางตัวเองเล็กน้อยก่อนจะหันไปกวักมือเรียกแอนเดีย แอนเดียซึ่งกำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่นั้นเมื่อเห็นเทียนหลางเรียกเธอเธอก็รีบวิ่งมาทันที
“ลองดูหน่อยซิ ว่าพวกนี้เป็นใครมาจากไหน ?”
แอนเดียพยักหน้าก่อนจะพลิกนู้นจับนี่ค้นเสื้อผ้าของผู้บุกรุกอย่างรวดเร็วหลังจากผ่านไปสักพักแอนเดียก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
“คนเหล่านี้ไม่มีอะไรบ่งบอกถึงหน่วยงาน หรือสังกัดของพวกเขาเลย”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ลูบคางตัวเองพร้อมกับอดไม่ได้ที่จะพึมพำบางอย่างออกมา
“หรือมันจะเป็นพวกเดียวกับที่บุกศูนย์วิจัยที่ขั้วโลกเหนือ ?”
แอนเดียที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยสนับสนุนความคิดของเทียนหลาง
“อาจจะเป็นไปได้นะ เพราะพวกที่กล้าทำแบบนี้มีอยู่ไม่มากนักแถมดูจากเสื้อผ้าและอุปกรณ์ของคนเหล่านี้แล้วดูเหมือนจะเป็นพวกองค์กรอิสระที่มีเงินทุนมหาศาลเลยทีเดียวล่ะค่ะ”
”งั้นเหรอ…”
เทียนหลางลูบคางก่อนจะหยิบมีดสั้นที่ปักอยู่ตรงอกของผู้บุกรุกคนหนึ่งขึ้นมาและเอ่ยกับแอนเดียว่า
“เดียวค่อยไปถามพวกนั้นเอาแล้วกัน เอาเป็นว่าคุณนำทางผมไปยังที่เก็บอำพันปีศาจหน่อยสิ”
แอนเดียที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าแปลกใจออกมาพร้อมกับถามเทียนหลางว่า
“เวลาแบบนี้คุณยังจะไปหาอำพันปีศาจอีกงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางพยักหน้าพร้อมกับบอกกลับไปว่า
“แน่นอนสิ ถ้าหากเจ้าโง่พวกนี้เป็นพวกเดียวกับที่บุกศูนย์วิจัยที่ขั้วโลกเหนือจริงล่ะก็ พวกมันอาจจะเล็งอำพันปีศาจไว้ก็ได้”
แอนเดียที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมาทันที
“เล็งอำพันปีศาจไว้เนี่ยนะ ?”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะอธิบายต่อว่า
“คุณก็น่าจะเห็นแล้วว่าคนที่ใกล้ชิดกับอำพันปีศาจเป็นเวลานานนั้นมีสภาพเป็นยังไง หากพวกมันสามารถเอาอำพันปีศาจไปได้แล้วละก็…”
แอนเดียที่ฟังเทียนหลางอธิบายอยู่นั้นก็แสดงสีหน้าตกใจออกมาทันที
“กองทัพปีศาจ”
เทียนหลางยิ้มก่อนจะพูดกับแอนเดียไปว่า
“กองทัพปีศาจนะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นแหละ หลังจากนั้นน่ะสิ…”
เทียนหลางพูดจบก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะให้แอนเดียนำทางเขาไปยังห้องที่เก็บรักษาอำพันปีศาจเอาไว้แน่นอนว่าระหว่างทางเทียนหลางย่อมฆ่าเหล่าผู้บุกรุกไปด้วย
แต่เทียนหลางและแอนเดียก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเหตุใดถึงมีผู้บุกรุกมากมายขนาดนี้เพราะเพียงระยะทางสั้นๆไม่กี่ร้อยเมตรเทียนหลางกับแอนเดียก็ฆ่าผู้บุกรุกไปกว่ายี่สิบคนแล้ว ทำเอาทั้งคู่อดสงสัยไม่ได้ว่าจำนวนที่แท้จริงของฝ่ายตรงข้ามมีเท่าไหร่กันแน่
“ทำไมถึงมีผู้บุกรุกเยอะขนาดนี้กันนะ ?”
แอนเดียเอ่ยพร้อมกับสงสัย เทียนหลางก็ยิ้มพร้อมกับถามกลับไปว่า
“ดูเหมือนพวกมันจะมีกันเยอะหน่วยป้องกันของพวกคุณจะรับมือกันได้งั้นเหรอ ?”
แอนเดียที่ได้ยินคำถามของเทียนหลางเธอก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับคำถามของเขา
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ไม่ห่างจากที่นี่มากนักมีศูนย์บัญชาการลับของเราอีกแห่งหนึ่งหากที่นี้ถูกโจมตี ไม่เกินยี่สิบนาทีกองกำลังเสริมจากที่นั่นจะแห่กันมาที่นี้ทันที”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย
“เข้าได้แต่ออกไม่ได้สินะ”
“ใช่แล้วค่ะ”
ทั้งคู่รีบเดินทางไปยังห้องที่เก็บรักษาอำพันปีศาจไว้แอนเดียพาเทียนหลางเดินมายังประตูด้านหลัง เมื่อเปิดออกเทียนหลางก็ต้องงุนงงเล็กน้อยเพราะมันมีแต่บันไดวนทอดยาวลงไปยังชั้นใต้ดิน
เทียนหลางที่เห็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา
“ไม่มีลิฟท์งั้นเหรอ ?”
แอนเดียที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะอธิบายกับเทียนหลางว่า
“ในสภาวะฉุกเฉินระบบลิฟท์ส่วนใหญ่จะถูกปิดเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บุกรุกนำไปใช้ประโยชน์ได้น่ะ”
”งั้นเหรอ… แต่ผมขี้เกียจเดินแหะ”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็เดินไปอุ้มแอนเดียในท่าเจ้าหญิงทันทีแอนเดียตกใจเล็กน้อยกับการกระทำของเทียนหลางแต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้ทำได้เพียงแค่ถามเท่านั้น
“คุณจะทำอะไร ?”
“พอดีผมขี้เกียจเดินลงบันไดน่ะ ก็เลยจะไปโดยวิธีอื่น”
เมื่อพูดจบร่างกายของเทียนหลางก็ลอยขึ้นเหนือพื้นก่อนจะกระโดดลงไปที่ช่องว่างตรงกลางของบันไดวน ร่างของทั้งคู่ร่วงลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว
เพียงไม่กี่วินาทีทั้งคู่ก็มาถึงชั้นใต้ดิน เทียนหลางปล่อยแอนเดียลงก่อนจะเอ่ยกับเธอว่า
“แบบนี้เร็วกว่าใช่ไหมล่ะ ?”
แอนเดียพยักหน้าด้วยความตกใจก่อนจะกลับมามีท่าทีปกติเช่นเดิม และนำทางเทียนหลางไปยังห้องที่เก็บรักษาอำพันปีศาจ
ทั้งคู่เดินตามทางมาไม่นานก็มาถึงห้องที่เก็บอำพันปีศาจเอาไว้ แต่สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือด้านหน้าห้องนั้นมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังพยายามเปิดประตูนิรภัยอยู่
แอนเดียที่เห็นแบบนั้นก็ชักปืนขู่ทันที
“หยุดนะ !!”
คนกลุ่มนั้นหันมามองแอนเดียกับเทียนหลางเล็กน้อยก่อนจะหยุดการกระทำทุกอย่างของพวกเขาลงพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ดูเหมือนจะมีคนหลุดมาแหะ”
“นั่นสิ”
หลังจากพูดคุยกันเล็กน้อยกลุ่มคนเหล่านั้นก็พุ้งเป้ามาที่เทียนหลางและแอนเดียก่อนจะพุ้งเข้ามาโจมตีอย่างรวดเร็ว เทียนหลางมองฝ่ายตรงข้ามเล็กน้อยก่อนจะขมวดคิ้วออกมาและขยับมือเบาๆ
ฉัวะ !!
ทันทีที่เทียนหลางขยับมือร่างกายของคนที่พุ้งเข้ามาก็ถูกบางอย่างฟันจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ฝ่ายตรงข้ามเมื่อเห็นว่าเพื่อนของตัวเองจู่ๆก็กลายเป็นเศษเนื้อ พวกมันก็เริ่มจ้องมองเทียนหลางและแอนเดียอย่างจริงจัง
ทางด้านเทียนหลางก็ยิ้มออกมาก่อนจะพูดกับฝ่ายตรงข้ามว่า
“แม้จะปิดบังใบหน้าแค่ไหนแต่มันไม่สามารถเล็ดรอดสายตาข้าไปได้หรอกนะ ถอดผ้าคลุมออกเถอะข้ารู้นะว่าพวกเจ้าเป็นตัวอะไร”
เมื่อแอนเดียและฝ่ายตรงข้ามได้ยินคำพูดของเทียนหลางก็แสดงท่าทีตกใจออกมาทันที ก่อนที่แอนเดียจะหันไปถามกับเทียนหลางว่า
“คุณรู้งั้นเหรอว่าพวกมันเป็นใคร ?”
เทียนหลางพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า
“ออร่าของพวกมันบ่งบอกอย่างชัดเจนเลยว่าพวกมันไม่ใช่มนุษย์…”
“ไม่ใช่มนุษย์ ?!”
แอนเดียแสดงท่าทีไม่อยากจะเชื่อออกมา เทียนหลางยิ้มพร้อมกับหันไปคุยกับอีกฝั่ง
“ใช่ไหมล่ะ เจ้าพวกปีศาจ”