สองวันต่อมาในขณะที่เทียนหลางกำลังยืนทำอาหารอยู่ในครัว เสียงกริ่งหน้าบ้านของเขาก็ได้ดังขึ้น
แม่บ้านอันฉีเดินออกไปเปิดประตูก็พบกับกลุ่มชายในสูทสีดำหน้าตาบึ้งตึงยืนอยู่
เธอจึงถามออกมาด้วยสีหน้าสงสัยเล็กน้อย
“มาหาใครงั้นหรอคะ ?”
หนึ่งในชายสวมสูทได้ยินแบบนั้นก็พูดออกมาด้วยความนอบน้อมว่า
“ไม่ทราบว่าคุณชายเทียนหลางอยู่ที่นี้ใช่หรือเปล่าครับ ?”
แม่บ้านอันฉีได้ยินแบบนั้นก็คิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า จากนั้นก็พูดขึ้นว่า
“เช่นนั้นเดียวจะไปเรียนคุณชายให้นะคะ”
“รบกวนด้วยครับ”
ชายสวมสูทกล่าวก่อนจะเดินกลับไปที่รถที่จอดอยู่ไม่ไกล พร้อมกับพูดบางอย่างกับคนที่อยู่ด้านใน
แม่บ้านอันฉีมารายงานเทียนหลางว่ามีคนมาเขา
เทียนหลางได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าก่อนจะพูดว่า
“คุณน้ามาทำแทนผมทีครับ เดียวผมจะออกไปดูสักหน่อย”
“ได้ค่ะ”
เทียนหลางเดินออกมาหน้าบ้านก็พบกับกลุ่มคนใส่สูทที่กำลังยืนล้อมหญิงสาวที่หน้าตางดงามกับชายชราอยู่ เมื่อเห็นว่าเทียนหลางออกมาแล้ว ชายใส่สูทก็ได้หันไปพูดคุยกับหญิงสาวคนนั้นเล็กน้อย
เมื่อเธอพบเห็นเทียนหลาง เธอกับชายชราก็รีบเดินตรงมาทางเขาทันที ก่อนจะกล่าวทักทายด้วยรอมยิ้มว่า
“สวัสดีค่ะคุณชายเทียน”
เทียนหลางได้ยินแบบนั้นก็เอียงคอสงสัยเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าพร้อมกับมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้า จากนั้นเขาก็หันไปสนใจชายชราที่อยู่ด้านข้าง ซึ่งน่าแปลกใจนักที่ชายชรานี้เป็นถึงผู้บ่มเพาะที่อยู่ในระดับครึ่งก้าวก่อนขั้นสวรรค์
เทียนหลางมองชายชราเล็กน้อยก่อนจะเลิกให้ความสนใจ และหันไปกล่าวกับหญิงสาวตรงหน้าว่า
“ไม่ทราบว่ามาหาผมมีเรื่องอะไรงั้นเหรอ ?”
หญิงสาวได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฉันขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ฉันชื่อมู่หลงชิงเยว่”
เทียนหลางพยักหน้าเล็กน้อย หญิงสาวจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ต้องขอขอบคุณ คุณชายจริงๆที่ช่วยเหลือคนของดิฉันไว้เมื่อสองวันก่อนบนทางหลวง ไม่อย่างงั้นแล้วทางตระกูลมู่หลงของเราคงต้องสูญเสียมือดีไปหลายคน”
“ดังนั้นฉันจึงมาขอบคุณ คุณด้วยตัวเอง”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะถามกลับไปว่า
“แล้ว ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนหลาง มู่หลงชิงเยว่ก็แปลกใจเล็กน้อยก่อนจะพูดกลับพร้อมกับรอยยิ้มว่า
“ดังนั้นทางตระกูลมู่หลงจึงเหมือนติดค้างคุณอย่างหนัก หากคุณต้องการความช่วยเหลือสิ่งใด โปรดบอกแก่ฉัน ทางตระกูลมู่หลงจะให้ความช่วยเหลือคุณอย่างเต็มที่”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็เกาหัวตัวเองเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า
“เอ่อ… ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณจะซาบซึ้งกับเรื่องแค่นี้มากแค่ไหน แต่ในตอนนี้ไม่มีต้องการมากการได้รถคืนแล้วละ ซึ่งเรื่องนั้นผมก็น่าจะบอกกับหัวหน้าบอดี้การ์ดของพวกคุณไปแล้ว”
มู่หลงชิงเยว่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ฉันทราบเรื่องนั้นแล้ว ฉันจึงได้เดินทางมาที่นี้เพื่อที่จะมอบมันให้แก่คุณ เชิญคุณชายเทียนตามฉันมาดูรถได้เลยค่ะ”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะเดินตามมู่หลงชิงเยว่ไป เธอพาเขาไปดูรถซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลจากหน้าบ้านของเขามากนัก ในตอนแรกเขาคิดว่ามู่หลงชิงเยว่จะซื้อรถ Audi r8 คืนแก่เขา แต่กลับกลายเป็นว่าเธอนั้นซื้อรถยี่ห้ออื่นมาแทน
ซึ่งเทียนหลางก็เห็นได้ว่ามันเป็นยี่ห้อ Lamborghini เพราะเห็นจากตราวัวกระทิงที่ติดอยู่ตรงหน้ารถ แต่ด้วยรูปลักษณ์ของมันแล้ว เทียนหลางก็ไม่รู้เช่นกันว่ามันคือรุ่นไหน
แต่เทียนหลางก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก ขอแค่เพียงเขาได้รถมาใช้ก็เป็นพอ ถึงแม้ว่าในโรงรถของเขาจะมีรถจอดอยู่อีกเยอะก็ตาม
เมื่อมู่หลงชิงเยว่เห็นเทียนหลางจ้องรถคันใหม่อย่างไม่วางตาเธอก็ยิ้มออกมาทันทีก่อนจะกล่าวกับเขาว่า
“เป็นยังไงบ้างคะ ?”
เทียนหลางเงยหน้าขึ้นมามองเธอก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เกินกว่าที่ผมคาดไว้เสียอีก”
มู่หลงชิงเยว่ยิ้ม
“ดีใจที่คุณชอบนะคะ”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะถามเธอกลับไปว่า
“แล้วตอนนี้คุณมีธุระอะไรอยากจะพูดอีกไหมครับ ?”
มู่หลงชิงเยว่ได้ยินคำถามนั้นเธอก็ตกตะลึงเล็กน้อย เพราะเธอคิดว่าเทียนหลางจะมีปฏิกิริยามากกว่า แต่เขากลับทำท่าเรียบเฉยอยู่ตลอดเวลา
เธอจึงทำได้เพียงส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรแล้วคะ”
เทียนหลางพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าวกับเธอว่า
“เช่นนั้นก็ขอตัวนะครับ ส่วนรถนั่นจอดไว้อย่างงั้นแหละครับเดียวผมจะขับไปเก็บในโรงรถเองในภายหลัง ส่วนเรื่องกุญแจคุณสามารถฝากไว้กับแม่บ้านของผมได้ครับ”
“ถ้าหมดธุระแล้วผมขอตัวก่อน พอดีมีเรื่องที่ต้องจัดการ”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็เดินกลับเข้าบ้านไปโดยไม่สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย เมื่อเทียนหลางจากไปอย่างรวดเร็วมู่หลงชิงเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะหันมาถามกับชายชราที่อยู่ข้างๆด้วยความสับสน
“คุณปู่หยวน ฉันดูไม่มีเสน่ห์ขนาดนั้นเลยเหรอคะ ?”