เทียนหลางกลับเข้ามาในบ้านและแจ้งเรื่องของกุญแจรถให้กับแม่บ้านอันฉี จากนั้นเขาก็กลับไปดูอาหารที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ ก่อนจะนำมันไปให้กับเฟิงหยวนได้ชิม
เมื่อเทียนหลางเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นเฟิงหยวนก็ถามขึ้นทันทีเลยว่า
“คนพวกนั้นเป็นใครกันเหรอ ?”
เทียนหลางวางจานลงบนโต๊ะก่อนจะตอบกลับไปว่า
“ดูเหมือนพวกนั้นจะมาใช้หนี้น่ะ”
“ใช่หนี้ ?”
เฟิงหยวนถามออกมาด้วยความสงสัยขณะกำลังใช้ส้อมจิ้มเนื้อ เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะพูดว่า
“พอดีว่าเมื่อสองวันก่อนเกิดเรื่องขึ้นบนทางด่วน แล้วผมก็เลยช่วยพวกเขาจัดการปัญหาพวกนั้นและมันทำให้รถของผมพัง พวกเขาจึงอยากจะชดใช้ให้น่ะ”
“งี้นี่เอง”
เทียนหลางยิ้มก่อนจะถามกับเฟิงหยวนว่า
“แล้วเราจะไปที่ประเทศดาราเมื่อไหร่ล่ะ ?”
“ฉันอยากจะไปที่นั่นก่อนที่งานประมูลจะเริ่มสักวันหรือสองวันนะ”
“ทำไมละ ?”
เทียนหลางถามด้วยความสงสัย เพราะเขารู้ว่าตัวของเฟิงหยวนนั้นไม่ได้สนใจเกี่ยวกับงานประมูลมากนัก เธอเพียงแค่อยากจะชมบรรยากาศของงานเพียงเท่านั้น ไม่ได้หวังจะประมูลของชิ้นไหน
แต่ถึงเฟิงหยวนอยากจะประมูลเขาก็ไม่ห้ามอยู่แล้ว เพราะยังไงในตอนนี้เขาก็มีเงินมากพอที่จะประมูลทุกอย่างในงานดังนั้นหากเฟิงหยวนอยากจะประมูลของสักชิ้นหรือสองชิ้นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
แต่ที่เทียนหลางยังคงสงสัยอยู่ก็คือ ทำไมเฟิงหยวนถึงต้องการจะเข้าร่วมงานประมูลนั่นด้วย ทั้งที่แค่ไปเที่ยวด้วยกันเฉยๆก็ได้หรือที่งานประมูลจะมีของพิเศษที่เธออยากได้กัน ?
เทียนหลางลูบคางพร้อมกับครุ่นคิดเล็กน้อย เมื่อเฟิงหยวนเห็นท่าทีของเทียนหลางเธอก็จ้องมองมายังเขาทันที เทียนหลางก็ได้แต่ยิ้มกลับเท่านั้น
—————————————
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในที่สุดก็ถึงวันเดินทาง เทียนหลางนำกระเป๋าเข้าไปในแหวนก่อนจะหันไปหาเฟิงหยวนพร้อมกับถามว่า
“เก็บของหมดแล้วใช่ไหม ?”
เฟิงหยวนได้ยินก็คิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมาว่า
“ไม่น่าจะลืมอะไรนะ แต่ว่า…”
“แต่ว่า ?”
เฟิงหยวนแสดงสีหน้าลำบากใจออกมาก่อนจะพูดว่า
“จะไม่พาซูหลิน กับหลินเสวี่ยไปด้วยงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นเขาก็เกาหัวตัวเองเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับว่า
“ก่อนหน้านี้ผมชวนทั้งสองคนแล้ว แต่ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะมีสอบที่มหาลัยเลยไม่ว่างน่ะ”
เฟิงหยวนได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าพร้อมกับถามออกมาด้วยความสงสัยว่า
“แล้วของคุณไม่มีสอบงั้นเหรอ ?”
“คณะผมค่อนข้างที่จะสบายนะ คะแนนสอบส่วนใหญ่จึงอยู่วิชาภาคปฏิบัติ”
เฟิงหยวนพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้าไปในบ้านเพื่อกล่าวลาพ่อกับแม่และคนอื่นๆ ซึ่งแม่ของเทียนหลางที่กำลังนั่งดูหนังอยู่นั้นเมื่อได้เห็นทั้งคู่เดินเข้ามาก็ยิ้มพร้อมกับบอกว่า
“ขอให้สนุกกับการไปเที่ยวนะลูก”
พ่อของเทียนหลางที่นั่งอยู่ข้างๆก็พยักหน้าก่อนจะพูดเสริมว่า
“ไม่ต้องเป็นห่วงที่บ้านละ”
“เข้าใจแล้วครับ”
เทียนหลางยิ้มก่อนจะพูดว่า
“เดียวผมจะซื้อของฝากกลับมาให้เยอะๆนะครับ”
พ่อของเทียนหลางพยักหน้า
“รีบไปเถอะลูกเดียวจะตกเครื่อง”
ทั้งคู่พยักหน้าก่อนจะเดินออกจากบ้านซึ่งมีซ่านฉินที่กำลังยืนรอพวกเขาอยู่แล้ว
“สวัสดีครับบอส บอสหญิง”
ซ่านฉินกล่าวทักทายเทียนหลาง และเฟิงหยวน เทียนหลางพยักหน้าแต่ส่วนเฟิงหยวนนั้นทำเพียงหัวเราะเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งนั่นทำให้ซ่านฉินรู้สึกทำอะไรไม่ถูก
เทียนหลางจึงเอ่ยกับซ่านฉินว่า
“ต่อไปให้เรียกเฟิงหยวนว่า นายหญิง หรือคุณผู้หญิงก็พอบอสหญิงนั้นดูจริงจังเกินไป”
ซ่านฉินได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าก่อนจะเปิดประตูรถให้กับทั้งคู่ เมื่อทั้งคู่ขึ้นรถซ่านฉินก็ได้ขับรถตรงไปยังสนามบินทันที
ระหว่างที่อยู่ในรถนั้นเทียนหลางก็ได้สั่งงานซ่านฉินเล็กน้อย เมื่อมาถึงสนามบินซ่านฉินก็พาทั้งคู่ไปยังทางเข้าพิเศษและตรงไปยังลานบินส่วนตัว ซึ่งซ่านฉินได้เช่าเอาไว้ก่อนหน้านี้
ก่อนจะจากเทียนหลางก็ย้ำบางเรื่องให้กับซ่านฉินได้จัดการ หลังจากสั่งงานทุกอย่างเสร็จทั้งเทียนหลางและเฟิงหยวนก็ได้ขึ้นเครื่อง
เครื่องบินส่วนตัวได้บินขึ้นสู่น่านฟ้าและมุ่งตรงไปยังประเทศดารา ซ่านฉินที่ยืนอยู่ที่ลานบินเมื่อเห็นว่าเครื่องบินได้ขึ้นบินอย่างปลอดภัยแล้วเขาก็หยิบโทรศัพมือถือขึ้นมาและโทรไปยังลูกน้องของเขาเพื่อจัดการสิ่งที่เทียนหลางได้สั่งการเอาไว้ก่อนหน้านี้