เทียนหลางกําลังนั่งทานผลไม้ที่เพิ่งหยวนเป็นคนปลอกให้อยู่ในห้องพร้อมกับดูทีวีไปด้วยในขณะนั้นเองมือถือของเขาก็มีสายเรียกเข้า
เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเบอร์แปลกๆ
“ฮัลโหสิครับ ?”
เทียนหลางรับสายด้วยความงุนงงเล็กน้อยเพราะปกติแล้วเบอร์นี้ไม่ค่อยจะมีคนรู้จักนอกเสียจากคนสนิทหรือเพื่อนเท่านั้น แต่วันนี้กลับมีเบอร์แปลกโทรมา
[ ขอโทษนะคะ นั่นใช่เบอร์ของคุณเทียนหลางหรือเปล่าคะ ?]
เสียงของผู้หญิงที่ไม่คุ้นเคยดังออกมาจากปลายสายทําเอาเทียนหลางสับสนเล็กน้อย แต่เขาก็ตอบใช่กลับไป
“ใช่ครับ ว่าแต่นั่นใคร ?”
[ ดิฉันชื่อ จูหยินค่ะ เป็นครูของหลินเสี่ยวเอ๋อพอดีว่าหลินเสี่ยวเอ๋อเธอมีปัญหาที่โรงเรียนนิดหน่อย ตอนแรกดิฉันจะโทรหาคุณแม่ของเธอแต่ว่าเธอไม่รับสาย เธอเลยบอกว่าให้โทรมาเบอร์นี้ นะคะ ]
“เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นเดี๋ยวผมจะรีบไป”
เทียนหลางวางสายก่อนจะหันมาพูดกับเพิ่งหยวน
“ผมขอไปโรงเรียนของหสิ้นหสิ้นหน่อยนะ
เพิ่งหยวนพยักหน้า
“ได้สิคะ รับเธอกลับมากินข้าวเย็นด้วยเลยก็แล้วกัน”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะแต่งตัวและขับรถออกไปที่โรงเรียนของหลินหลิน เทียนหลางแปลกใจเล็กน้อยที่หลินหลิ่นนั้นมีปัญหาที่โรงเรียน
เนื่องจากปกติแล้วเธอจะเป็นคนเรียบร้อยและเชื่อฟังคําสั่งสอนเป็นอย่างดีไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือข้างนอกก็ตาม น่าแปลกใจที่จู่ๆเธอจะมีปัญหาที่โรงเรียนได้
ไม่นานนักเรียนหลางก็มาถึงโรงเรียนประถมซาง เขาจอดรถที่ลานจอดรถด้านหน้าเสียงของเครื่องยนต์ที่12 ได้เรียกความสนใจของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่อยู่ในโรงเรียนให้ออกมาดู
“โอ้ นั้นมันรถสปอร์ตนี่ !”
“รถของใครกันนะ ?”
“เท่ชะมัด !”
เทียนหลางลงมาจากรถด้วยท่าที่สบายๆ ก่อนจะเดินเข้าไปที่ตึกเรียน การมาของเทียนหลางสร้างความสงสัยให้กับจํานวนนับไม่ถ้วนในโรงเรียน
“เขาเป็นใครกันนะ ?”
“พี่ชายคนนั้นโครตเท่ !”
เทียนหลางเดินเข้ามาตึกเรียนก็ถามทางไปห้องพักครูกับเด็กนักเรียนแถวนั้น เมื่อมาถึงด้านหน้าห้องพักครูเทียนหลางก็ได้ยินเสียงโวยวายมาจากด้านใน
“มันจะไม่เป็นไรได้ไง เด็กคนนี้ทําร้ายลูกของผมจนแขนเกือบหัก เรื่องนี้คุณจะอธิบายยังไง
“เรื่องนี้มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่เลยค่ะ หลินเสี่ยวเอ๋อนั้นเป็นเด็กดีมากไม่มีทางที่เธอจะทําร้ายคนอื่นเป็นอันขาด”
เสียงแก้ต่างดังขึ้น จากนั้นก็มีเสียงของชายวัยกลางคนตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง
“มันจะไปผิดพลาดได้ยังไง ในเมื่อลูกชายของผมบอกเองว่าเธอเป็นคนทํา !”
เทียนหลางที่ยืนฟังอยู่ด้านนอกก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้านใน ก็พบกับชายวัยกลางคนร่างใหญ่กําลังยืนตะโกนใส่ครูสาวคนหนึ่งอยู่ข้างๆเขานั้นมีเด็กผู้ขายร่างอ้วนที่มีผ้าพันแผลที่แขนยืนอยู่ด้วยสีหน้าเจ็บปวด
ข้างๆครูสาวนั้นมีหลินเสี่ยวเอ๋อกําลังยืนอยู่ด้วยท่าสํานึกผิด เทียนหลางที่เห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไป
“ขอโทษนะครับ ผมเป็นผู้ปกครองของหลินเสี่ยวเอ้อ ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไร นงั้นเหรอครับ ?”
เทียนหลางถามออกไปแบบนั้นแม้แท้จริงแล้วเขาจะรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ต้องถามเพื่อเป็นมารยาท หลินเสี่ยวเอ๋อที่เห็นเทียนหลางเดินมาก็แสดงสีหน้าที่ใจออกมาทันทีพร้อมกับวิ่งเข้ามาหาเทียนหลาง
“อาจารย์หลินเสี่ยวเอ๋อเข้ามากอดเทียนหลางเขาลูบหัวเธอเล็กน้อยก่อนจะมองกลับไปที่ครูสาว ครูสาวจ้องมองเทียนหลางด้วยท่าที่ตกใจเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะเป็นผู้ปกครองของห สิ้นเสียวเอ้อ
เนื่องจากเธอเคยคุยกับแม่ของหลินเสี่ยวเอ๋อมาก่อนทําให้รู้ได้ว่าตัวคุณแม่ของหลินเสียวเองค่อนข้างจะมีอายุเล็กน้อย ไม่มีทางที่เด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นพ่อของเธอได้เลย
เมื่อเห็นว่าครูสาวกําลังสงสัยในตัวเขา เขาเลยพูดกลับไปสั้นๆ
“ผมเป็นพี่ชายของเธอนะครับ”
ครูสาวพยักหน้าจากนั้นเธอก็อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในเทียนหลางได้ฟัง เรื่องมีอยู่ว่าเด็กชายร่างอ้วนคนนี้วิ่งมาฟ้องเหล่าครูว่าหลินเสียวเอ๋อนั้นได้ทําร้ายร่างกายเขาจนบาดเจ็บ
ในตอนแรกพวกครูก็ไม่มีท่าทีอะไรมากนักเนื่องจากมีเด็กๆเล่นกันจนบาดเจ็บอยู่มากมายในแต่ละวันแต่เมื่อบอกดูดีๆแล้วปรากฏว่าแขนของเขากลับเกิดอาการบวมและ พวกครูจึงรีบพาเขาไปโรงพยาบาลปรากฏว่าแขนของเขาแตกเล็กน้อยและเกิดออาการภายใน
เมื่อเห็นมีการบาดเจ็บร้ายแรงเกิดขึ้นจากเรื่องเล็กน้อยจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา คุณครูได้ติดต่อผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายแต่ปรากฏว่าติดต่อผู้ปกครองของหลินเสียวเอ๋อไม่ได้หลินเสียวเอ อจึงบอกเบอร์ของเทียนหลางให้ครูไป
เมื่อเทียนหลางได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดเขาก็พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นพ่อของเด็กชายร่างอ้วนก็ได้หันมาพูดกับเทียนหลาง
“น้องสาวของแกทําร้ายลูกชายฉันจนบาดเจ็บขนาดนี้ แกจะชดใช้ยังไง ?”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เดิมที่แล้วหลินหลินนั้นเป็นเด็กที่เรียบร้อยอย่างมากเธอจะไม่ทําร้ายใครก่อนแน่นอนหาก ไม่มีเหตุผลจําเป็น แต่เนื่องจากผมไม่อยากจะให้เรื่องนี้มันกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก เอาเป็นว่าค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดผมจะจ่ายให้แถมค่าทําขวัญอีกสองพันหยวนก็แล้วกัน คุณพอใจหรือเปล่า
เมื่อบรรดาครูทุกคนในห้องได้ยินแบบนั้นก็ตกใจเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะพูดแบบนี้โดยปกติแล้วต้องขอโทษกันก่อนไม่ใช่เหรอ นี่มาถึงก็เข้าเรื่องเงินเลย อะไรกันเนี้ย ?
เมื่อผู้ปกครองของอีกฝ่ายได้ยินคําพูดของเทียนหลางเขาก็คิดเล็กน้อยก่อนจะมองเทียนหลางด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดว่า
“แน่นอนว่าค่ารักษาพยาบาลฝ่ายแกต้องเป็นคนจ่าย แต่ค่าทําขวัญนั้นฉันไม่โอเค แกจะต้องชดใช้ค่าทําขวัญให้ลูกของฉันสองแสนหยวน !!”