มืองหลวงปักกิ่ง
ย่านตะวันออก, ถนนเหิ้นปิงเหนือ
ดงซูบินยังคงตกตะลึงกับประสบการณ์การตายของเขาเมื่อวานนี้ หากเวลาไม่ย้อนกลับอย่างน่าอัศจรรย์ เขาอาจจะไม่ได้รับโอกาสที่จะเห็นแม่ของเขาและฉูยวนอีกครั้งแน่ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกขอบคุณที่เขายังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเขาผล็อยหลับไปในเวลาไม่กี่ชั่วโมงในตอนเช้ามืดเนื่องจากมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผ่านเข้ามาในใจของเขา นี่คือเหตุผลที่ทำให้เขาตื่นสายเวลาที่เขาตื่นขึ้นมาก็เกือบสิบโมงแล้ว เขาลุกขึ้นจากที่นอนสปริงเก่าๆที่กำลังส่งเสียงดังและเดินไปยังห้องน้ำ โดยที่เขาล้างหน้าและหาวออกมา เขาร้องออกมาที่ห้องนอน:“ แม่ตื่นรึยัง?”
ลวนเสี่ยวผิงเธอเป็นแม่ของดงซูบินและเธอก็ตอบกลับมาว่า:“ แม่ตื่นแล้ว! แม่กำลังทำความสะอาดห้องอยู่ ลูกยังจะทานอาหารเช้าอยู่รึเปล่า?”
“ เดียวผมรอทานอาหารกลางวันเลยละกันครับ” ดงซูบินรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆจากเสียงของแม่ของเขา เขาผลักประตูเปิดทันทีและเห็นแม่นั่งอยู่บนเตียง เธอรีบเช็ดน้ำตาด้วยมือหลังมือของเธออย่างรวดเร็วเมื่อดงซูบินเข้ามาในห้อง แม่ของเขาหันมามองหน้าเขาและพยายามยิ้ม ก่อนที่เธอจะเก็บรูปถ่ายขาวดำไว้ในกระเป๋าเงินของเธอ มันเป็นภาพงานแต่งงานของเธอที่ถ่ายมานานกว่า 20 ปีแล้ว
ดงซูบินรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดในหัวใจขณะนั่งลงข้างๆแม่ของเขา“ คิดถึงพ่อหรอครับ?”
“ ไม่…แม่ไม่ได้เป็นอะไร” แม่ของดงซูบินเก็บกระเป๋าเงินไว้อย่างระมัดระวังและขยี้ตา “ แม่เอามันออกมาเพื่อดูเฉยๆ แม่เห็นมันตอนที่กำลังทำความสะอาด”
สิ่งนี้เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม่ของดงซูบินนั้นจิตใจของเธอดูอ่อนแอมากๆ ทุกครั้งที่เธอนึกถึงความทรงจำบางอย่างได้ เธอก็จะซ่อนตัวอยู่ในห้องและร้องไห้ มันทำให้ดงซูบินนั้นรู้สึกผิดและพูดว่า:“ แม่! ความผิดทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากผมเอง เพราะผมมันไร้ประโยชน์ ผมไม่สามารถเรียนหรือมีทักษะเก่งๆได้ และผมไม่คิดว่าจะสอบข้าราชการได้ ทั้งหมดที่ผมทำได้คือทำงานพาร์ทไทม์ที่ตลาดโบราณผีจินหยวนในช่วงวันหยุดได้เท่านั้น ถ้าผมมีความสามารถมากกว่านี้อีกหน่อย ผมก็อาจจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้พ่อได้และพ่ออาจจะยังอยู่กับเรา”
แม่ตบขาของเขาเบาๆ“ หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว! แม่รู้ว่าลูกชายของแม่มีความสามารถมากที่สุด และเขาจะเป็นข้าราชการที่เยี่ยมยอดได้ในอนาคตอย่างแน่นอน”
ดงซูบินขยับริมฝีปากของเขา แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
แม่ของเขายิ้มและจับมือของเขาเอาไว้:“ อย่าคิดมาก! แม่จะออกไปทำอาหารกลางวันดีๆให้ลูกทานก็แล้วกัน”
หมูกระเทียมผัดผัดกะหล่ำปลีหนึ่งจานและโจ๊กครึ่งหม้อ นี่ถือเป็นมื้ออาหารสุดหรูในบ้านของดงซูบินเลยที่เดียว โดยปกติเมื่อเขาอยู่คนเดียวที่บ้าน เขาจะไม่ยอมกินอาหารแบบนี้ เขาแค่ทำข้าวและผัดผักและกินมันสำหรับมื้อกลางวันและมื้อเย็นเท่านั้น ไม่ใช่เพราะดงซูบินเป็นคนมัธยัสถ์ แต่เป็นเพราะครอบครัวของเขายากจนมาก
ดงซูบินอายุเพียง 23 ปีเท่านั้นและเขาก็เพิ่งสำเร็จการศึกษามาได้ไม่นาน
เขามีรูปร่างหน้าตาและส่วนสูงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานชาวจีน และทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาล้วนดูทั่วๆไปไม่ได้โดดเด่นอะไร
เงินออมที่บ้านของเขาเองนั้นก็มีไม่เกินห้าหลัก
ในช่วงปีที่พ่อของดงซูบินเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล พวกเขาใช้เงินออมทั้งหมดหมดไปแล้ว และในท้ายที่สุดพวกเขายังต้องขายบ้านอีกด้วย ดังนั้นตอนนี้พวกเขาได้อาศัยอยู่ในอพาทเม้นท์หนึ่งห้องนอนที่เช่าอยู่ หลังจากที่พ่อของเขาเสียไป แม่ของเขาตกงานเพราะหยุดงานมากเกินไป อีกทั้งค่าครองชีพในปักกิ่งก็สูงเป็นอย่างมาก
แม่ของเขาจึงกลับไปที่บ้านเกิดในชนบทเพื่อทำงานเป็นอาจารย์ที่นั่น เธอพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อหารายได้ให้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในมหาวิทยาลัยของเขา และเธอจะกลับมาที่ปักกิ่งเพื่ออยู่กับเขาเป็นเวลาสั้นเพียงหนึ่งหรือสองเดือนในช่วงปิดเทอมเท่านั้น
ค่าครองชีพ ค่าเช่า ตั๋วรถไฟ ฯลฯ ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับเงินเดือนที่แม่ดงซูบินส่งมาให้เขาแต่ละเดือน ซึ่งมันไม่เพียงพออยู่แล้ว นี่เป็นสาเหตุที่ดงซูบินทำงานนอกเวลาเป็นพนักงานเก็บเงินในซูเปอร์มาร์เก็ตหรืองานแปลกๆที่ตลาดโบราณในช่วงวันหยุด นอกจากค่าเล่าเรียนแล้วเขายังจ่ายทุกอย่าง เขาสามารถทำมาหากินโดยไม่ขอเงินจากแม่ได้
หลังอาหารกลางวันจบลง แม่ของดงซูบินก็ยังคงเก็บจานและดูรายการจากทีวีขาวดำเครื่องเก่า ทางดงซูบินเองก็ได้ขอตัวกลับไปอยู่ที่ห้องนอนของเขา ก่อนที่เขาจะล้มตัวลงนอน ตอนนี้มหาวิทยาลัยทั้งหมดในปักกิ่งได้ปิดสำหรับผู้สำเร็จการศึกษา เขาเพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งยูเนี่ยน ซึ่งเขาคิดต่อไปว่าเขาจะทำอย่างไงถ้าเขาล้มเหลวในการสอบข้าราชการ?
‘เฮ้อ……จะดีแค่ไหนถ้าฉันมีพลังเหนือธรรมชาติจริงๆ’
‘แต่ฉันพยายามหลายครั้งเมื่อคืนและมันก็ยังไม่สำเร็จแม้แต่ครั้งเดียว’
‘ฉันจะลองอีกครั้งล่ะกัน’
เสียงดังเปิดดังเอี๊ยดของประตู แม่ของดงซูบินเข้ามาและพูดเบา ๆ :“ แม่จะขึ้นไปชั้นบนเพื่อคุยกับป้าซู แม่ได้ยินมาว่าลูกชายของเธอจะเข้าสอบข้าราชการในปีนี้ซึ่งเป็นที่เดียวกับลูก แม่ต้องการดูว่าเธอสามารถขอให้ลูกชายของเธอช่วยติวให้ลูกในการสอบได้ไหม?”
ดงซูบินรู้สึกอึดอัดที่หน้าอกของเขาและกำลังจะพูดตอบ
“ เดียวแม่กลับมา” เธอพูดและปิดประตู
ดงซูบิน ยิ้มแย้มออกมาจนเห็นฟันของเขาและเขาทำใจให้สงบก่อนที่จะเริ่มการทดลอง
กลับมา! ถอยหลังไป! ล่าถอย! กลับ!
ดงซูบินรู้สึกว่าร่างกายของเขาเคลื่อนไหว แต่เมื่อเขามองไปรอบ ๆ ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง. ‘เห้อนั่นคงไม่ใช่พรวิเศษแน่’
เมื่อ ดงซูบินกำลังจะเริ่มพูดคำอื่นๆประตูห้องนอนก็เปิดออก
แม่ของเขาเข้ามาและมองเขา:“ แม่จะขึ้นไปชั้นบนเพื่อคุยกับป้าซู แม่ได้ยินมาว่าลูกชายของเธอกำลังจะสอบข้าราชการในปีนี้ในที่เดียวกับลูก แม่ต้องการดูว่าเธอสามารถขอให้ลูกชายของเธอช่วยติวให้ลูกในการสอบได้ไหม?”
ดงซูบิน ตกตะลึงและตะโกน:“ อ้า?”
มันเป็นน้ำเสียงและคำพูดที่เหมือนกันทุกประการ
นี่คือสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 50 ถึง 60 วินาทีที่ผ่านมา
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของลูกชายของเธอเธอพูดเบา ๆ :“ แม่รู้ว่าลูกมีความภาคภูมิใจของตัวเอง แต่ลูกชายของเธอ เซียวตงได้คะแนนเกือบเต็มสำหรับการสอบของเขาเมื่อปีที่แล้ว หากเขาสามารถช่วยลูกในการติวได้ นี้มีถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของลูกเลยนะ”
ดงซูบิน ตอบกลับอย่างงุนงง:“ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมหมายถึง”
แม่ของเขามองเขาแล้วพูดว่า:“ แม่ไปก่อนแล้วกัน”
หลังจากที่แม่ของเขาจากไปดงซูบินก็ตบตัวเอง ‘แค่นั้นแหละ! ฉันทำสำเร็จ!’
ดงซูบินรีบระงับความตื่นเต้นของเขาและคว้านาฬิกาปลุกสีส้มขนาดเล็กจากชั้นวาง เขาจ้องที่มือที่ถือนาฬิกาและเริ่มทำซ้ำ “คำวิเศษ”
กลับมา! ถอยหลังไป! ล่าถอย! กลับ!
ดงซูบิน ยังคงตะโกนคำเหล่านี้ตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงกลางคืน หลังอาหารเย็นเขาพูดต่อไปเรื่อย ๆ ในที่สุดเมื่อเวลาเที่ยงสองนาทียี่สิบแปดวินาทีเขาก็สามารถย้อนเวลากลับไปได้สำเร็จและกลับสู่เวลาเที่ยงตรงนาทียีสิบแปดวินาที มันห่างกันหนึ่งนาที!
ไม่มีคำใดสามารถอธิบายถึงความตื่นเต้นที่ดงซูบินได้
ดงซูบินรู้ว่าเวลาบนนาฬิกาปลุกนี้ไม่ถูกต้องและเขาก็วิ่งไปเปิดทีวีเก่าๆจอ 29 นิ้ว
มีการเปิดโปรแกรมทางทหารและแสดงเวลาที่มุมขวาบน 23: 59: 19
การเปิดทีวีจะใช้เวลาประมาณ 19 วินาที นั่นหมายความว่าเมื่อ ดงซูบิน ใช้คำว่า“กลับมา” ในตอนนี้มันเป็นเวลาเที่ยงคืน เขากระพริบตาและตั้งสมมติฐานที่ชัดเจน “ ย้อนกลับ” มันจะรีเซ็ตในเวลาเที่ยงคืนและเขาสามารถใช้งานได้วันละครั้งเท่านั้น เมื่อเขาใช้มันเวลาจะกลับไปที่ 60 วินาทีก่อนหน้า
โอ้พระเจ้า!!!
ถ้านี่เป็นเรื่องจริงแน่นอนโชคเขาข้างเขาแล้ว เขายิ้มออกมา!