บทที่ 76 ขอบคุณผู้สนับสนุน!
ผู้แปล loop
ข่าวการเลื่อนตำแหน่งของดงซูบินแพร่กระจายไปทั่วทั้งสำนักงานเขตตะวันตกในครึ่งบ่าย หัวหน้าสำนักงานและพนักงานทุกคนรู้สึกประหลาดใจกับข่าวนี้มากเพราะ ดงซูบินยังมีอายุเพียง 23 ปีและเพิ่งเข้ามารับราชการเมื่อไม่นานมานี้ ทำไมเขาถึงได้รับการเลื่อนตำแหน่งรวดเร็วขนาดนั้น? ผู้ที่มีข้อมูลวงในเองก็ตกใจ เพราะดงซูบินทำให้รองหัวหน้าสำนักหลิวหัวโหวตให้เขาได้ หลิวหัวนั้นเป็นคนที่เงียบมากมาเกือบสองปีแล้ว! แต่ดงซูบินยังเอาชนะผู้สมัครที่ได้รับกาสนับสนุนจากผู้ว่าการทางการเมือง โจวได้? นี่มันถือเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก……
ณ สำนักงานคณะกรรมการการเมือง
ฉางจี้เขาถามด้วยความโมโห:“ ลุงโจวเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ? ลุงพึงบอกผมทุกอย่างจะไม่เป็นไรไม่ใช่หรือยังไงกัน “
โจเกาเองก็โมโหเช่นกัน เขาดึงหน้าแล้วพูดว่า:“ แกยังกล้ามาถามฉันอีกเหรอ? ฉันบอกอะไรแกในวันนั้นและบอกอะไรกับพ่อแม่ของแกอย่างงั้นหรอ? ฉันติดต่อกับหัวหน้าหยานแล้ว! ถึงแม้เขาจะลงคะแนนไม่ได้เขาเองก็จะลงคะแนนให้คนอื่น! แต่แกทำอะไร ไม่เพียงแต่หยางจินหงษ์ และหัวหน้าเสี่ยวคัดค้านอย่างมากที่จะให้แก่ได้รับการเลื่อนขั้น แม้แต่หลิวหัวเองก็ยังไม่เห็นด้วยกับแก …… แกบอกฉันตอนนี้มาสิ บอกฉันสิว่าอะไรที่แกทำให้คนพวกนั้นขุ่นเคือง ทำไมแกไม่บอกฉันก่อน?”
ฉางจี้ตอบทันที:“ ลุงโจว! ผมสาบานว่าผมไม่ได้ทำอะไรให้พวกเขาขุ่นเคืองเลย โดยเฉพาะรองหัวหน้าหลิวหัว ผมไม่เคยพูดกับเขามาก่อนเลย”
“ หุบปาก!” โจวเกากระแทกโต๊ะอย่างแรง “ ถ้าแกไม่ได้ทำให้พวกเขาขุ่นเคือง งั้นก็แสดงว่าพวกนั้นโหวตคะแนนให้กับดงซูบินด้วยตัวเองสินะ? ไอ้หนุ่มนั้นเพิ่งเข้ามาในสำนักงานแห่งนี้ไม่ถึงสองเดือน! เป็นไปได้ยังไงที่เขาได้รับคะแนนโหวตเช่นนี้ได้ยังไง?!”
“ แต่ผม……ผมไม่ได้รุกรานพวกเขาจริงๆนะครับลุงโจว!”
ในขณะเดียวกันที่สำนักงานหัวหน้าส่วนการเมือง
เกาแพนวเหว่ยมองหน้าปางปิงอย่างว่างเปล่า “ หัวหน้าปาง! ทำไมดงซูบินจึงได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาได้กันครับ!”
ปางปิงเองก็ยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขายังไม่รู้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น “ แพนเหว่ย! ซูบินคนนี้มาจากไหน? ทำไมหัวหน้าเสี่ยวถึงสนับสนุนเขา นอกจากนี้ความสัมพันธ์ของเขากับหัวหน้าหยางและรองหัวหน้าหลิวก็ใกล้ชิดกันขนาดไหน? นายเคยเห็นพวกเขานัดสนทนากันเป็นส่วนตัวหรือป่าว?”
เกาแพนเหว่ยตอบด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “ ผมรู้แค่ว่าดงซูบินใกล้ชิดผู้อำนวยการหลี่ชิง หัวหน้าเสี่ยว, รองหัวหน้าหลิว และ……โอ้ในระหว่างการแข่งขันฟุตบอล ดงซูบินช่วยให้ทีมชนะการแข่งขัน หัวหน้าเสี่ยวเองก็รู้สึกดีใจมากกับสิ่งนี้ นี่อาจเป็นเหตุผลหรือป่าวครับ อ๋อ! ซูบินเองก็เป็นผู้ดูแลการเขียนคำปราศรัยของหัวหน้าหยางด้วย นี่ก็อาจเป็นเหตุผล แต่……หัวหน้าหลิว? หัวหน้าหลิวสนับสนุนดงซูบินอย่างงั้นหรอ?”
อีกด้านหนึ่งของสำนักงานสาขาเขตตะวันตก
ชายในวัย 40 ปีกล่าวว่า“ หัวหน้าซูบินขอแสดงความยินดีด้วย”
เสี่ยวเกาจากแผนกการเมือง:“ หัวหน้าซูบิน หัวหน้าได้รับการเลื่อนตำแหน่งแล้ว หัวหน้าอย่าถ่อมตัวเช่นนี้เลยจริงไหม?”
เสี่ยววังจากสำนักงานความปลอดภัยสาธารณะที่หก:“ หัวหน้าซูบิน! ผมมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับหัวหน้า”
เพื่อนร่วมงานทุกคนของดงซูบินรู้จักเขาจากการแข่งขันฟุตบอล แม้ว่าดงซูบินจะดีใจมาก แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้พวกนั้นยกยอเขาจนเขาได้ใจ ในช่วงเวลานี้เขาจะต้องรักษาโปรไฟล์ที่ต่ำต้อยของเขาไว้และมีความอ่อนน้อมถ่อมตน คำตอบของเขาสำหรับพวกคนที่มาแสดงความยินดีให้กับเขาคือคำสั่งอย่างเป็นทางการยังไม่ออกและขอให้พวกเขาหยุดพูดกับเขาในฐานะหัวหน้าซูบิน
หลังอาหารกลางวัน เมื่อดงซูบินกำลังจะกลับไปที่สำนักงานของเขา เขาได้รับโทรศัพท์จากหลี่ชิง
ดงซูบินรีบวิ่งขึ้นไปห้องของหลี่ชิงทันที เมื่อเขาเข้ามาไปในสำนักงาน เขาได้ยินหลี่ชิงหัวเราะเสียงดัง:“ ทำได้ดีมาก! นายเก่งนะเนี่ย!”
เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องอ่อนน้อมถ่อมตนและอย่าทำตัวสนิทสนมมากจนเกินไป แต่ต่อหน้าหัวหน้า ดงซูบินไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ เขาต้องไม่ปล่อยให้หัวหน้าของเขารู้สึกว่าเขาแสร้งทำ ดงซูบินตอบอย่างสุดซึ้งว่า “ ขอบคุณผู้อำนวยการหลี่มากครับ หากไม่ใช่เพราะการเสนอชื่อของหัวหน้า ชื่อของผมก็จะไม่ปรากฏในการประชุมคณะกรรมการพรรค และผมจะไม่ได้รับโอกาสในการเป็นรองหัวหน้าได้ “
หลี่ชิงรู้สึกพึงพอใจกับท่าทางของดงซูบินเขาหัวเราะ:“ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉันหรอก พูดตามตรงฉันไม่ใช่คนที่ช่วยให้นายได้ตำแหน่งนี้สักหน่อย แม้แต่หัวหน้าเสี่ยว และเลขานุการซองโฉจือ ก็ไม่คาดหวังว่านายจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง นายนี้โชคดีที่ หัวหน้าหยาง หัวหน้าปาง และแม้แต่หัวหน้าหลิวก็โหวตให้นาย”
ดงซูบินได้แต่ตกตะลึง
“ หัวหน้าปาง? เขาไม่ได้สนับสนุนเกาแพนเหว่ยหรอกหรอครับ?”
หลี่ชิงยิ้มแล้วบอกกับดงซูบินว่าเกิดอะไรขึ้นในระหว่างการประชุม เขาได้ยินกระบวนการทั้งหมดมาก่อนแล้ว
ดงซูบินเหมือนจะมีเหงื่อออกหลังจากที่เขาได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการประชุม เขารู้สึกโล่งใจว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเห็นผล ซึ่งมีเรื่องของคำปราศรัยของหยางจินหงษ์ การชนะการแข่งขันฟุตบอลของเสี่ยวหยาน การหาวอลนัทหัวสิงโตให้กับหลิวหัว ถ้าเขาไม่ทำสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด……เขาอาจจะไม่ได้ตำแหน่งรองหัวหน้าเลยก็เป็นได้!
หลังจากออกจากสำนักงานของหลี่ชิง ดงซูบินก็ตรงไปที่สำนักงานของเสี่ยวหยาน
ระหว่างทางไปที่สำนักงานของเสี่ยวหยาน ทันใดนั้นดงซูบินก็จำได้ว่าเขาควรขอบคุณเสี่ยวหยานทันทีหลังจากเขาได้ข่าวการเลื่อนตำแหน่งของเขา เขาไม่ควรไปทานอาหารกลางวันก่อน เขารู้สึกว่าเขาทำผิดพลาดไป!
ตอนนี้เสี่ยวหยาน และ ซองโฉจืออยู่ในสำนักงาน
ดงซูบินเป็นห่วงว่าเสี่ยวหยานจะไม่พอใจเขา เขาขอบคุณเธอและซองโฉจือทันทีก่อนที่พวกเขาจะได้พูดอะไรออกมา
ซองโฉจือได้แต่หัวเราะและถาม “ ซูบิน! นายสนิทกับหัวหน้าหยางและหัวหน้าหลิวเหรอ?”
ดงซูบินรู้ว่าซองโฉจือต้องการทราบว่าเขาใกล้ชิดกับรองหัวหน้าสำนักสองคนนี้มากแค่ไหน แต่ดงซูบินก็ทำตัวไร้เดียงสาทันทีและตอบว่า:“ ผมเพิ่งเขียนคำปราศรัยเพียงเล็กน้อยสำหรับหัวหน้าหยาง เราไม่ได้สนิทสนมกันขนาดนั้นครับ ผมไม่แน่ใจว่าทำไมหัวหน้าหยางและหัวหน้าหลิวถึงโหวตให้ผม เป็นไปได้ไหมที่หัวหน้าหลิวจะไม่ชอบฉางจี้?”
ซองโฉจือพยักหน้า
เสี่ยวหยานมองไปที่ดงซูบินและยิ้ม มันยากที่จะเห็นรอยยิ้มของเธอ “ นี้ถือเป็นโอกาสที่ดี ฉันอยู่กับสำนักงานนี้มาหลายปีแล้วและนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นใครบางคนที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งซึ่งมีอายุงานเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น”
ดงซูบินตอบกลับทันที “ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหัวหน้าเสี่ยวและเลขาธิการซองสนับสนุนผมนะครับ ขอบคุณครับ”
เสี่ยวหยานจึงถามว่า:“ นายอายุ 23 ปีนี้เองเหรอ? อายุและประสบการณ์ของนายนั้นต่ำกว่า 95% ของคนในสาขาของเรา จะมีบางคนพูดลับหลังนาย นายต้องรักษาโปรไฟล์ให้ต่ำในช่วงสองสามวันนี้ก่อนนะ……” เสี่ยวหยานให้คำแนะนำกับดงซูบินแล้วบอกให้เขากลับไปทำงาน “รับทราบครับ. ขอตัวก่อนนะครับหัวหน้า”
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ.”
หลังจากออกจากสำนักงานของเสี่ยวหยาน ดงซูบินก็ยืนคิดอยู่พักหนึ่งแล้วก็ไปขอบคุณหยางจินหงษ์จงและหลิวหัว หลังจากนั้นเขาไปขอบคุณปางปินและหยานเหลียง ไม่ว่าเหตุผลที่พวกเขาโหวตให้เขาคืออะไรเขาก็ยังต้องขอบคุณพวกเขา ถ้าไม่ทำพวกเขาอาจจะคิดว่าเขาเป็นคนที่เนรคุณก็เป็นได้
หลังจากไปเยี่ยมหัวหน้าของเขาทั้งหมด ดงซูบินก็มองออกไปนอกหน้าต่างไปตามทางเดิน
เขาคิดว่าเขาต้องการเวลาสองสามปีในการเลื่อนขั้น เขาไม่เคยคาดหวังว่าการเลื่อนขั้นของเขาจะมาเร็วขนาดนี้!
‘สอบเข้าข้าราชการพลเรือน……เข้าร่วมพรรคการเมือง……เลื่อนขั้นให้เป็นรองหัวหน้า……นี้เป็นอีกขั้นหนึ่งในการเข้าสู่รัฐบาลกลาง!’