บทที่ 104 ทางสว่าง!
ผู้แปล loop
แท้จริงหยานเหลียงมีอำนาจถอดถอนฉางจี้ออกจากการฝึกอบรม ตราบใดที่เขายังคงเป็นหัวหน้าสำนักงานสาขาอยู่เขาก็ยังสามารถตัดสินใจขั้นสุดท้ายในเรื่องดังกล่าวได้ หยานเหลียงเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับดงซูบินมามากมาย แต่เขาไม่เคยคิดว่าดงซูบินเป็นนั้นเป็นคนที่มีความสามารถ เขาโหวตให้กับดงซูบินในระหว่างการประชุมคณะกรรมการพรรคในครั้งก่อนนั้นเพราะเขาไม่มีทางเลือก นี่คือเหตุผลที่เขาปฏิเสธที่จะช่วยเหลือดซูบินในครั้งนี้
นอกจากนี้เขายังไม่คิดว่าฉางจี้จะกล้าวางกลั่นแกล้งหัวหน้าของเขาด้วย เนื่องจากเสี่ยวหยานไม่ได้เป็นหัวหน้าสำนงานเขตคนต่อไป มันจึงทำให้ตอนนี้สถานการณ์หลายอย่างเปลี่ยนทั้งซองโฉวจือ, หยางจินหงษ์และคนอื่น ๆ พวกเขาเองก็ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้เช่นกันและจะไม่สามารถช่วยดงซูบินกับเหตุการณ์นี้ได้ แม้ว่าพวกเขาต้องการอยากจะช่วยดงซูบินพวกเขาก็ไม่สามารถทำได้
นั่นเป็นเหตุผลที่ดงซูบินต้องจัดการวิกฤตินี้ด้วยตัวคนเดียว
ณ บริเวณด้านหน้าของสำนักงานสาขาตะวันตก
หยานเหลียง โจวเกา เสียวหยาน และผู้นำระดับสูงของสาขาต่างกำลังยืนรวมกันเป็นแถวยาวรวมไปถึงดงซูบิน, ต้าหลินเหม่ยCฉางจี้และคนอื่น ๆที่ยืนอยู่ด้านหลังของพวกเขา ทุกคนอยู่ที่นั่นเพื่อต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ เรื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเป็นคนแก่และเกษียณจากสำนักความมั่นคงแห่งรัฐเมื่อหลายปีก่อน แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆกับสำนักงานแห่งนี้อีกต่อไปแต่เขายังคงมีอิทธิพลเหนือสำนักความมั่นคงของรัฐ และผู้อำนวยการสำนักหลายคนก็อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขารวมถึงหยานเหลียงก็เป็นหนึ่งในนั้น
ตอนนี้ประตูสำนักงานได้เปิดออกและมีรถออดี้รุ่นเก่าที่ถูกสวยงามกำลังขับเข้ามาในสำนักงานไ
รถได้หยุดและมีชายชราคนหนึ่งอายุประมาณหกสิบถึงเจ็ดสิบนั่งอยู่ด้านหลัง หัวของเขาเต็มไปด้วยงอก แต่เขายังดูสุขภาพดีอยู่เลย
เหตุผลที่หยานเหลียงนั้นได้เลื่อนตำแหน่งนั้นเป็นเพราะเข้าได้รับการสนันสนุนจากเส้นสายของรัฐมนตรีหลิว นั่นคือเหตุผลที่หยานเหลียงแสดงความเคารพต่อเขาอย่างมาก เขาเดินไปข้างหน้าทันทีเพื่อเปิดประตูรถให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิว จากนั้นเขาช่วยพยุงรัฐมนตรีหลิว ลงจากรถ “ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวครับ ผมเป็นตัวแทนของสำนักงานสาขาเพื่อมาต้อนรับท่าน ขอขอบพระคุณที่ท่านได้มาตรวจเยี่ยมและให้คำแนะนำกับพวกเรา” หยานเหลียงรู้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวไม่ชอบการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่ แต่เขาก็ไม่ทำให้หยานเหลียงนั้นเสียหน้าแต่อย่างใด
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวมองดูคนที่ยืนอยู่ข้างหลังหยานเหลียงและหัวเราะออกมา:“ นายนี้……ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่นายเรียนรู้ที่จะทำเรื่องพวกนี้? ทุกคนกลับไปทำงานได้แล้ว ฉันเกษียณอายุไปแล้ว มันจะมีอะไรที่ฉันต้องตรวจกัน ฉันเองก็เติบโตและได้เรียนรู้งานมาจากสาขาตัววันตก วันนี้ก็เหมือนฉันมาเยี่ยมชมสำนักงานเขตเท่านั้น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวพูดอย่างตั้งใจและเขารับกระเป๋าให้คนขับรถและหน่วยรักษาความปลอดภัยของเขา
หยานเหลียงรีบขยับตัวและคว้ากระเป๋า “ฉันจะเอามันไปด้วย”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวหัวเราะและไม่ได้พูดอะไร เมื่อหลายปีก่อนหยานเหลียงก็เคยเป็นคนที่ถือกระเป๋าไว้ให้กับรัฐมนตรีหลิว
โจวเกา, เสี่ยวหยาน และคนอื่น ๆ เดินเข้าไปทักทายรัฐมนตรีหลิวด้วยความสุภาพ หลังจากที่ทุกคนทักทายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวแล้ว หยานเหลียงก็ขอให้ทุกคนแยกย้ายไปทำงาน และขอให้เหลือเพียงสมาชิกของสำนักงานกิจการทั่วไปและพนักงานหนุ่มสาวจากแผนกอื่น ๆ ให้อยู่ก่อน หยานเหลียงเดินไปกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวด้วยเพื่อพาชมรอบ ๆ สำนักงานสาขาเขต
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวมองไปรอบ ๆ และถอนหายใจ “ ต้นอินทผลัมจีนนั้นยังอยู่ที่นี้หรือ ใช่มั้ย? โรงอาหารยังคงเหมือนเดิมหรือป่าว? ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปไหม เสี่ยวหยานฝ่ายการเมืองยังอยู่ชั้นสามอยู่หรอ?” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวถามหลายๆเรื่องขณะที่เขาเดินไปรอบ ๆ นาน ๆ ครั้งเขาจะพูดกับสต๊าฟสาว เขาไมได้ดูเหมือนรัฐมนตรีเลยฉางจี้,เกาแพนเหว่ย และสมาชิกอีกสองคนของสำนักงานความมั่นคงสาธารณะที่หกค่อยๆเดินไปหารัฐมนตรีอย่างเงียบ ๆ โดยหวังว่าเขาจะพูดกับพวกเขาและทำให้เขาประทับใจ
แต่อย่างไรก็ดีดงซูบินไม่สนใจสิ่งนี้ เขายืนอยู่ด้านหลังเป็นคนสุดท้ายและจ้องมองไปที่ฉางจี้ เขาหวังว่าเขาจะได้เตะไปที่หน้าฉางจี้สักทีหนึ่ง
ฉางจี้เองก็รู้สึกว่ามีบางคนกำลังจ้องมองเขาจากด้านหลัง เขาหันกลับมาและส่งรอยยิ้มอันเย็นชาให้กับดงซูบิน
ที่จริงแล้วตอนที่ดงซูบินได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าฝ่ายกิจการทั่วไป เจ้าหน้าที่อายุน้อยหลายคนก็ไม่ค่อยชอบเขาเพราะเกิดคำถามขึ้นมาว่าคนที่เข้าร่วมในสำนักงานน้อยกว่า 2 เดือนจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งได้อย่างไร? พวกเขาทำงานที่นั่นมา 2 ถึง 3 ปีแล้วแต่ทำไมเขาถึงยังไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง นี่เป็นเหตุผลที่พวกเขาพยายามสาปแช่งดงซูบินอยู่ภายในใจเพื่อให้ดงซูบินลงจากตำแหน่งนี้เสียทีและจะทำให้พวกเขาเหล่านั้นกลับมามีโอกาสอีกครั้งที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง
ไม่นานหลังจากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวก็เข้าไปสำนักงานของหยานเหลียง คนที่เหลือที่เดินตามพวกเขาก็รออยู่ข้างนอก
ฉางจี้ได้แต่มองไปรอบ ๆ และเดินไปหาดงซูบิน “ หัวหน้าซูบินหลักสูตรการฝึกอบรมของฉันจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า ฉันจะลางานเป็นเวลาสองสัปดาห์ก่อนออกจากงาน” เขาเน้นย้ำถึงการอบรมเพื่อทำการเยาะเย้ยดงซูบิน แม้แต่ในระดับหัวหน้าก็ไม่สามารถเข้าร่วมการฝึกอบรมแต่กับเป็นระดับลูกน้องที่ได้ถูกส่งไปอบรมแทน มันเหมือนกับการตบหน้าดงซูบินแรงๆไปหนึ่งที
ต้าหลินเหม่ยที่ยืนอยู่ข้างๆเองก็รู้ว่าเป็นฉางจี้นั้นแหละที่เปลี่ยนเอกสารและเธอก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป:“ ฉางจี้! นายมันน่ารังเกียจ!”
ฉางจ้วง และจ้วงจื่อเองก็รู้โมโหเช่นกัน ‘คนที่สามารถเปลี่ยนเอกสาร เพื่อกลั่ยแกล้งหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานของตัวเองได้! มันเป็นที่น่ารังเกียจจริง ๆ !
ฉางจี้จ้องไปที่ต้าหลินเหม่ยด้วยสายตาที่โกรธเคือง:“ เธอคิดว่าเธอกำลังด่าใครอยู่? ฮะ?”
คนอื่นๆที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เองก็กำลังยืนดูการทะเลาะกันของสำนักกิจการทั่วไปอยู่
ทันใดนั้นประตูของสำนักงานหยานเหลียงก็เปิดขึ้นฉางจี้ก็ ‘ฮืม!’ เขาเดินออกไป และไม่ให้ความเคารพดงซูบินอีกต่อไป เขาไม่เต็มใจที่จะให้เคารพต่อดงซูบิน ตอนนี้เขามีโจวเกาให้การหนุนหลังเขาอยู่ เมื่อเขาเข้าร่วมหลักสูตรฝึกอบรมเขาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้างานและกลายเป็นหัวหน้าของดงซูบิน!
หยานเหลียงเดินออกมาพร้อมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวหัวเราะและกล่าวว่า:“ ไปกันเถอะไปเยี่ยมสำนักงานกัน ฉันอยู่ที่นี้มาหลายปี ฉันคิดถึงที่นี้จริงๆเลย”
หยานเหลียงยิ้มและตอบว่า:“ ได้ครับท่าน ท่านต้องการนั่งรถไปที่นั้นไหมครับ?”
“ เดินไปกันเถอะ มันไม่ไกลจากที่นี่ ถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัวล่ะกัน”
หลังจากที่พวกเขาทั้งคู่เดินออกมาจากสำนักงานพวกเขาก็เดินไปประมาณ 100 เมตรมันเป็นตรอกเล็ก ๆ
ดงซูบินเองก็เดินตามพวกเขามาพร้อมกำกำปั้นในมือของเขาไว้แน่น เขากำลังคิดหาทางเพื่อหยุดฉางจี้ไม่ให้เข้าไปอบรมและการเลื่อนตำแหน่งของเขา
หลังจากเดินไปประมาณ 10 นาทีก็มีความปั่นป่วนด้านหน้า
“ ท่านรัฐมนตรีหลิว ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง”
“ รัฐมนตรีหลิว ท่านโอเคไหม?”
ดงซูบินที่กำลังเดินกับต้าหลินเหม่ย และ จ้วงจือที่อยู่ด้านหลังแถวมองไปเห็นรัฐมนตรีหลิวกำลังมีท่าทางหอบอย่างหนัก แต่เขาก็ยังยิ้มและเดินต่อ “โรคหอบหืด ฉันเคยไปรักษามาเมื่อสองปีที่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก. ฉันมียาพ่นแล้ว ยาพ่นอยู่ในกระเป๋าของฉัน
ทุกคนก็โล่งใจเมื่อได้ยินว่าเขาเป็นแค่โรคหอบหืด
แต่คำพูดของหยานเหลียงทำให้ทุกคนตกใจ “อา! กระเป๋าของท่านอยู่ที่ห้องทำงานของผม!” หยานเหลียงนั้นทำงานมาเป็นหัวหน้ามาหลายปีแล้ว เขาลืมการถือกระเป๋าให้คนอื่นไปแล้ว ร่วมถึงก็เขายังมีปัญหาครอบครัวของเขามาก่อนหน้านี้ทำให้เขาคิดมาก และลืมกระเป๋าของรัฐมนตรีหลิว แม้ว่าเขาจะสังเกตเห็นว่าเขาลืมกระเป๋าของรัฐมนตรีหลิวหลังจากออกจากสำนักงานของเขา แต่เขาเองก็ก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับมันเพราะเขาไม่ทราบว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวเป็นโรคหอบหืดและยาของเขาอยู่ในกระเป๋านั้น
ตอนนี้รัฐมนตรีหลิวเริ่มหายใจแรงขึ้นเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่หยานเหลียงพูด เขาคว้าหน้าอกของเขาเองและเริ่มอ้าปากค้างเพราะต้องการอากาศ เหงื่อของเขาไหลลงมาบนใบหน้าของเขา
หยานเหลียงเริ่มตื่นตระหนก “แย่ล่ะ! ยา! ใครมียารักษาโรคหอบหืดบาง ยารักษาโรคหัวใจวายก็ใช้ได้เช่นกัน! ใครมีบ้าง?”
ทุกคนในที่นั้นมีอายุไท่ถึง 30 ปี ทุกคนมีสุขภาพดีและจะมีใครจะนำยาเหล่านี้พกติดตัวกัน? หน่วยรักษาความปลอดภัยของรัฐมนตรีหลิวคนหนึ่งซึ่งติดตามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวเข้ามาคุ้มกันเขา แต่เขาไม่ได้นำยาสำรองมาใช้!
ฉางจี้รีบเร่งสร้างความประทับใจให้กับผู้นำ:“ ฉันจะเรียกหารถพยาบาล!” เขาตะโกนและเริ่มโทรทันที
หยานเหลียงจับมือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวด้วยมือข้างหนึ่งและอีกมือถือโทรศัพท์ไปที่สำนักงาน “ ไปที่สำนักงานของฉันแล้วนำกระเป๋าหนังสีน้ำตาลมาให้ฉันด่วน! ชั้นที่สอง! เร็ว! ฉันต้องการมันตอนนี้! เร็วเข้า!”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวกำลังดิ้นรนเพื่อพยายามหายใจและเขาก็กำลังกระตุก!
พระเจ้า! ตอนนี้สำนักงานอยู่ไกลจากที่นี่และรถพยาบาลยังมาไม่ถึง!
หยานเหลียงกำลังตื่นตระหนก “ท่าน! อดทนหน่อย! ยากำลังมาครับ!” หยานเหลียงจึงหันไปหาคนอื่นและตะโกนว่า“ ไปซื้อยาจากร้านขายยาที่ใกล้ที่สุด! ไปเดี๋ยวนี้!”
ดงซูบินที่กำลังตื่นตระหนก ร้านขายยา? ร้านขายยาที่ใกล้ที่สุดก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เห็นได้ชัดว่ารัฐมนตรีหลิวดูท่าทางไม่ดีแล้ว! มีเวลาไม่พอแล้ว!
‘เอ๊ะ?’
‘เดี๋ยวก่อน!’
ดงซูบินหยุดไปกระทันหันและรู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มร้อนขึ้นมาก!
‘เวรเอ๋ย!’
‘นี่เป็นโอกาสของฉันแล้ว!’
‘ย้อนกลับ! ย้อนกลับ! ย้อนกลับ! ย้อนกลับ! ย้อนกลับ!’