ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น – บทที่ 1936 เหยียนซินหย่าปกป้องลูกสาว + ตอนที่ 1937 มักมีแต่คนชั่วคิดร้ายกับฉัน

บทที่ 1936 เหยียนซินหย่าปกป้องลูกสาว + ตอนที่ 1937 มักมีแต่คนชั่วคิดร้ายกับฉัน

ตอนที่ 1936 เหยียนซินหย่าปกป้องลูกสาว

นักศึกษาหญิงคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนข้างห้องกำลังยืนอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์ของฉีฉีเก๋อจึงโพล่งตะโกนขึ้นมา

เหมยเหมยรีบปล่อยตัวสีอันน่าที่ขยับตัวไม่ได้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เธอคาดไม่ถึงว่าแม้แต่เหยียนซินหย่าจะปั่นป่วนไปด้วย ช่วงนี้เหยียนซินหย่ามัวแต่ยุ่งอยู่กับการเตรียมงานนิทรรศการภาพวาด แม้แต่คาบสอนในมหาวิทยาลัยก็แทบจะไม่เข้าสอน แต่ตอนนี้กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นไม่รู้ว่าเหยียนซินหย่าจะโกรธมากขนาดไหน!

ยัยบ้าฮวาจิงหลิง อย่าให้ฉันหาตัวเจอนะ ฉันไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่!

ถือเป็นเรื่องบังเอิญของเหยียนซินหย่าเพราะวันนี้กลับมาทำธุระเล็ก ๆน้อย ๆในมหาวิทยาลัยพอดี และดันมีอาจารย์เข้ามาพูดเรื่องนี้กับเธอ หลังจากที่เหยียนซินหย่าได้เห็นโพสต์นั้นก็โมโหแทบบ้า เธอเห็นแค่แวบเดียวก็รู้ได้ว่าผู้ชายในรูปคือเหยียนหมิงซุ่น

แม้เธอจะไม่ค่อยพอใจต่อการกระทำที่เหยียนหมิงซุ่นจูบลูกสาวเธอต่อหน้าสาธารณะชน แต่เรื่องนี้เป็นปัญหาในครอบครัวไว้ค่อยคุยกันทีหลังได้ ตอนนี้ต้องแก้ไขปัญหาภายนอกเสียก่อน

นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าใส่ร้ายลูกสาวเธอว่าเป็นมือที่สาม มีอย่างที่ไหนกัน ไม่เห็นหัวของคนเป็นแม่อย่างเธอเลยหรือไง?

เหยียนซินหย่าไม่มีความชำนาญด้านการใช้คอมพิวเตอร์ เธอจึงขอให้อาจารย์วัยรุ่นคนหนึ่งช่วยตอบคอมเมนต์ให้

“ฉันคือเหยียนซินหย่าเป็นศาสตราจารย์ของคณะศิลปกรรมศาสตร์ แล้วก็เป็นแม่แท้ ๆของจ้าวเหมย ไม่ใช่ว่าฉันชื่นชมลูกสาวตัวเองนะ เธอเป็นคนว่านอนสอนง่ายตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียนหรือการใช้ชีวิต รวมทั้งด้านความรัก แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยทำให้ฉันกับพ่อของเธอต้องกังวลใจมาก่อน ผู้ชายในรูปฉันรู้จักเขาดีเพราะเขาคือลูกเขยในอนาคตของฉัน

เขากำลังคบหาดูใจกับลูกสาวของฉันจริง พวกเขารักกันมาเกือบสิบปีแล้วและหมั้นหมายกันแล้วด้วย พอเรียนจบก็จะจัดงานแต่งงานกันทันที นี่คือสิ่งที่ฉันกับพ่อของเหมยเหมยและบรรดาผู้อาวุโสของฝ่ายชายต่างยินดีกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น พวกเราไว้วางใจที่จะยกลูกสาวให้กับผู้ชายคนนี้ และฉันก็รู้แก่ใจดีว่าผู้ชายคนนี้มีภรรยาหรือยัง

ฉันขอประกาศให้ทุกคนทราบ ณ ที่นี้ว่าลูกสาวของฉันไม่ใช่มือที่สามอย่างแน่นอน และเธอก็ไม่มีทางไปเป็นมือที่สามเด็ดขาด เพราะลูกสาวของฉันเก่งกาจขนาดนี้ เธอไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปทำอาชีพที่น่าดูถูกเช่นนั้นแน่นอน

หากยังมีกระทู้ใส่ร้ายลูกสาวของฉันอีก เช่นนั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ รอหมายศาลจากทนายของฉันได้เลย!”

เหยียนซินหย่าเปลี่ยนภาพลักษณ์อันแสนอ่อนโยนที่เคยมีต่อหน้านักศึกษาไปจนสิ้น วาจาฉะฉานและไม่ไว้หน้าเลยสักนิด

แต่ไม่มีใครคิดว่าเธอทำเกินกว่าเหตุเพราะเธอคือแม่คนหนึ่ง เพื่อปกป้องชื่อเสียงของลูกสาวตนเองเธอสามารถแปลงกายเป็นนักสู้ได้เสมอ!

“ว้าว ศาสตราจารย์เหยียนสุดยอดไปเลย!” มีคนตกตะลึง อิจฉาริษยา เธอเองก็อยากจะมีแม่ที่สวยและมีสถานะเหมือนกับศาสตราจารย์เหยียนบ้าง แถมยังเป็นแม่ที่คอยปกป้องลูกสาวอีกต่างหาก!

ประเด็นมุมมองของบางคนกลับแตกต่างกัน “ศาสตราจารย์เหยียนหัวสมัยใหม่จัง จ้าวเหมยกับคู่หมั้นจูบกันต่อหน้าคนมากมายขนาดนั้นยังไม่ว่าสักคำเลย!”

อิจฉาจัง!

หากเป็นแม่ของเธอคงไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องจูบหรอก แค่จูงมือกับผู้ชายก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว ผู้ชายหน้าไหนจะกล้าเข้ามาจีบเธอล่ะ?

จนถึงปีสามแล้วเธอก็ยังโสดอยู่เลย นั่นเพราะตัวถ่วงอย่างแม่เธอไงล่ะ!

เศร้าใจจัง!

เหมยเหมยยกยิ้มที่มุกปากและไม่ได้รู้สึกโกรธเหมือนก่อนหน้านั้นแล้ว เหยียนซินหย่ายังพูดง่ายหน่อย แต่ที่เธอกังวลคือจ้าวอิงหัว ขอให้ตอนนี้พ่อของเธอยังทำงานอยู่ต่างประเทศ อย่าได้เห็นภาพถ่ายใบนั้นไปตลอดชีวิต!

มิฉะนั้นอย่าได้หวังว่าปีนี้เธอจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกเลย!

ตอนแรกเหมยเหมยกะจะสั่งสอนสีอันน่าอีกสักหน่อยแต่โทรศัพท์ในหอพักดังขึ้นเสียก่อน คนที่โทรเข้ามาคือเหยียนซินหย่า เธอบอกให้เหมยเหมยรีบกลับบ้าน คิด ๆดูแล้วต้องเป็นเรื่องโพสต์นั้นแน่ ๆเลย!

เธอปิดคอมพิวเตอร์และให้ฉีฉีเก๋อคอยจับตาดูสถานการณ์ในกระทู้ไว้ ตัวเธอจึงรีบกลับบ้านด้วยท่าทีหนักใจ

ทำไมตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองแอบคบผู้ชายอยู่นอกบ้านแล้วถูกพ่อแม่จับได้เลยนะ?

…………………………………………………

ตอนที่ 1937 มักมีแต่คนชั่วคิดร้ายกับฉัน

โพสต์ที่เหยียนซินหย่าลงนั้นมีประโยชน์มาก ในเมื่อคนเป็นแม่ออกมาพูดความน่าเชื่อถือก็สูงไม่น้อย นอกจากนี้พวกสายเผือกก็คิดว่าจากภูมิหลังครอบครัวของดาวมหาวิทยาลัย เหยียนซินหย่าและพรสวรรค์ คงไม่โง่เง่าหลงผิดคิดไปเป็นมือที่สามได้หรอก!

ดาวมหาวิทยาลัยก็พูดแล้วถ้าจะกล่าวหาว่าเธอเป็นมือที่สามต้องเอาหลักฐานมาแสดงด้วย แต่ยัยฮวาจิงหลิงนั่นเอาแต่กล่าวหาลอย ๆไม่มีหลักฐานอะไร ความน่าเชื่อถือจึงต่ำมาก ในความเป็นจริงแม้ว่าเหมยเหมยกับเหยียนซินหย่าจะไม่ออกมาพูดก็ยังมีนักศึกษาหลายคนที่มีสติและไม่มีทางเชื่อเรื่องพวกนี้แน่นอน

อย่างไรเสียนักศึกษาที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยเมืองหลวงได้ ไอคิวและอีคิวต้องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

เหตุที่กระทู้แทบแตกเช่นนั้นความจริงเป็นเพราะมีคนประเภทแบบสีอันน่าอยู่เยอะ พอตัวเองมีก็ไปเหยียดหยามเขาแต่พอตัวเองไม่มีก็ไปแซะเขา หวังแต่จะให้ผู้อื่นโชคร้ายแล้วเหยียบซ้ำ

สีอันน่านอนสะอื้นไห้อยู่บนพื้นแต่ไม่มีใครสนใจเธอเลย เดิมทีนิสัยของเธอก็ไม่เป็นที่ชื่นชอบของคนอื่นอยู่แล้ว พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็ยิ่งทำให้คนอื่นพาลแต่จะรังเกียจ ทุกคนต่างก็อยากอยู่ให้ห่างจากคนชั่ว คลุกคลีให้น้อยจะเป็นการดีที่สุด ไม่แน่ว่าอาจจะมีสักวันที่เธอจะแอบแทงข้างหลังก็ได้

ฮวาจิงหลิงออกมาพูดอะไรอีกเล็กน้อยแต่ตอนนี้กลับไม่มีใครสนใจเธออีก ตัวหล่อนเองก็คงคิดว่าหมดสนุกแล้วจึงค่อย ๆหายไปจนกระทู้เงียบสงบไปชั่วคราว

เหมยเหมยกลับบ้านด้วยอาการอกสั่นขวัญแขวน เหยียนซินหย่าอยู่บ้านคนเดียว จ้าวอิงหัวไม่อยู่ เธอจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

คุณแม่รับมือง่ายกว่าคุณพ่อเยอะ ออดอ้อนสักหน่อยก็จบ

เหยียนซินหย่าสีหน้าไม่สู้ดี พอเห็นเหมยเหมยก็ไม่ได้มีท่าทียิ้มต้อนรับเหมือนอย่างเคย นั่งกอดอกพลางเชิดคางเล็กน้อย บ่งบอกให้เธอเข้ามาใกล้อีกหน่อย

“แม่คะ…”เหมยเหมยลากเสียงยาวคิดจะออดอ้อน

“พูดให้มันดี ๆหน่อย ยืนดี ๆเลย” แต่วันนี้เหยียนซินหย่ากลับไม่หลงกลเธอ ไม่แม้แต่จะยอมให้เธอนั่งด้วย

เหมยเหมยเบะปาก “เรื่องนี้โทษหนูไม่ได้นะ ใครจะไปรู้ละว่าจะมีคนแอบถ่าย หนูแค่ไปเต้นรำกับพี่หมิงซุ่นเท่านั้นเอง ลูกสาวของแม่เก่งเกินไปเลยมีแต่พวกชั่วช้าแอบลอบกัด หนูเป็นผู้ถูกกระทำนะ…”

เหยียนซินหย่าอมยิ้มที่มุมปากฝืนอยู่นานเพื่อไม่ให้หลุดขำ ตอนนี้กำลังอบรมลูกสาวอยู่จึงต้องวางท่าเคร่งขรึมหน่อย โชคดีที่เรื่องนี้มีแค่เธอรู้ หากจ้าวอิงหัวรู้เข้าไม่รู้เลยว่าจะวุ่นวายขนาดไหน

“แม่ไม่ให้ลูกเต้นหรือไง? เต้นก็ส่วนเต้น ใครให้พวกเธอจูบกันล่ะแถมยังอยู่ต่อหน้าคนมากมายอีก ทำไมถึงได้หน้าหนาขนาดนี้ นี่ยังรู้จักยางอายอยู่อีกไหม?”

เหยียนซินหย่าหน้าร้อนผ่าว เธอเป็นจิตรกรที่มีความคิดความอ่านไปไกลแต่ถึงอย่างไรก็ได้รับการเลี้ยงดูมาด้วยขนบธรรมเนียมของฮวาเซี่ย เธอจึงไม่เข้าใจการแสดงความรักและการจูบต่อหน้าสาธารณะชนจริง ๆ รวมทั้งการกระทำที่ร้อนแรงกว่านั้น เพราะเธอรู้สึกว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นความสุขภายในห้องส่วนตัวและจำเป็นต้องปฏิบัติภายในห้องเท่านั้น แสดงออกต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนั้นมันเข้าท่าที่ไหน?

แต่ตอนนี้คนที่แสดงออกต่อสาธารณะชนคือลูกสาวของเธอเอง!

ความรู้สึกที่ได้เห็นภาพถ่ายในวันนี้ ช่างยากเกินจะบรรยายจริง ๆ

เหมยเหมยเองก็หน้าแดง ตอนจูบไม่ได้รู้สึกอายอะไรแต่พอตอนนี้ถูกคนเป็นแม่ถามแบบนี้ เธอก็พลันรู้สึกอายขึ้นมาทันที เพียงแต่…

ยอมรับผิดงั้นเหรอ?

ไม่มีทางหรอก!

“แม่คะ มุมมองความคิดของแม่นี่ล้าหลังมากเลยนะ หนูกับพี่หมิงซุ่นต่างมีความรู้สึกดี ๆให้กัน พออารมณ์มันไปถึงจุดนั้นก็ต้องจูบกันเป็นธรรมดาใช่ไหมคะ? แม่คะ ถ้าแม่กับพ่อเต้นรำในสภาพแวดล้อมแบบนั้น ภายใต้บรรยากาศแบบนั้น ไม่แน่ว่าก็อาจจะอดใจไม่ไหวเหมือนกัน”

เหมยเหมยดึงดันจะแถต่อไป แต่ความจริงก็เป็นเช่นนั้นเพราะบรรยากาศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดนี่นา!

เหยียนซินหย่าหน้าร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิมแอบด่าลูกสาวว่าหน้าไม่อายขึ้นทุกวัน พออารมณ์มันไปถึงจุดนั้นก็ต้องจูบกันก็พูดออกมาได้ แต่ทำไมเธอเองก็คิดว่ามันดูมีเหตุผลนะ?

แต่จะให้ลูกสาวรู้ความคิดนี้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นอีกหน่อยคงปรามไม่อยู่กันพอดี!

……………………………………………..

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

จุดจบที่ความตาย กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นบันดาลให้เธอได้ย้อนกลับไปในปี 1985

เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างตัวเองวัย 12 ปี!

เมื่อได้รับชีวิตที่เหมือนได้เกิดใหม่คราวนี้ เธอจึงตัดสินใจลิขิตชะตาด้วยสองเป้าหมาย…

หนึ่ง… มีชีวิตอย่างอิสรเสรี ไม่สนใจสายตาใคร และไม่รับความรักอันน้อยนิดที่ญาติมิตรมีให้

สอง… แก้แค้น สิ่งที่พี่สาวกับอดีตคนรักติดค้างไว้ เธอจะต้องเอาคืนให้หมดในชาตินี้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท