ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น – บทที่ 1946 สารภาพด้วยตัวเอง + ตอนที่ 1947 การออกกำลังเป็นพลังของชีวิต

บทที่ 1946 สารภาพด้วยตัวเอง + ตอนที่ 1947 การออกกำลังเป็นพลังของชีวิต

ตอนที่ 1946 สารภาพด้วยตัวเอง

เหมยเหมยพูดตะกุกตะกักว่า “ก็แค่หาสนุก ๆไปงั้นแหละ ไม่ได้หาใครเป็นพิเศษหรอก”

“จริงเหรอ…” น้ำเสียงของเหยียนหมิงซุ่นไม่สูงไม่ต่ำฟังแล้วเหมือนพูดจาปกติ แต่เหมยเหมยกลับลุกลี้ลุกลนในใจ

โธ่เอ้ย ทำไมเธอถึงกลัวเหยียนหมิงซุ่นมากกว่าจ้าวอิงหัวที่เป็นพ่อของเธออีกนะ?

ทั้ง ๆที่พวกเขาศักดิ์เท่ากันไม่ใช่หรือไง?

“จริงสิ จริงแท้แน่นอน…เออคือ พอดีเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย เรื่องเล็กกว่าเส้นผมอีก…” เสียงของเหมยเหมยเล็กลงเรื่อย ๆ หัวก็ก้มต่ำลงเรื่อย ๆจนแทบก้มลงไปถึงสะดืออยู่แล้ว

เธอไม่กล้าสบตาสามีตัวเอง ใจฝ่อหมดแล้ว!

“เธอจะพูดเองหรือจะให้พี่ไปสืบเอง? เธอต้องนึกถึงผลที่ตามมาให้ชัดเจนด้วยล่ะ” เหยียนหมิงซุ่นกล่าวอย่างไม่แยแส

เหมยเหมยท้องไส้ปั่นป่วน ยังไม่ทันเริ่มก็จบเสียแล้ว เธอใช้เท้าหลังคิดยังคิดได้เลยว่าหากเหยียนหมิงซุ่นไปสืบหาเองผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร?

เฮ้อ สารภาพผิดเองจะดีกว่า!

“ทั้งหมดมันก็เกิดจากพี่นั่นแหละ…”

เหมยเหมยเบะปากเล่าเรื่องรูปถ่ายและเรื่องเมียน้อยด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ถ้าไม่ใช่เพราะพี่มากอดจูบฉันแบบนั้น จะเกิดเรื่องขึ้นมากมายขนาดนี้เหรอ? ทำเอาฉันโดนยัดเยียดข้อหากลายเป็นเมียน้อยอย่างไร้สาเหตุ ขนาดแม่ของฉันยังรู้เรื่องเลย อีกไม่กี่วันพ่อของฉันกลับมาก็ต้องรู้เรื่องแน่…”

เธอเจตนาแสดงท่าทีไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม แบบนี้จะทำให้ตัวเองดูไม่ได้รับความเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น ไม่แน่พอเหยียนหมิงซุ่นเห็นว่าเธอไม่ได้รับความเป็นธรรมมากขนาดนี้อาจจะลดโทษลงมาหน่อยก็ได้!

เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วเบา ๆ ตอนนี้มหาวิทยาลัยมีเรื่องวุ่นวายขนาดนี้เลยเหรอ?

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่ดีที่เจ้าปีศาจตัวน้อยของเขาถูกใส่ความ แต่ตอนนี้เขาสนใจภาพนั้นมากกว่า ว่าแต่ภาพถ่ายเขากับภรรยาของเขาออกมาเป็นแบบไหนกันนะ?

“ภาพถ่ายอยู่ในเพจมหาวิทยาลัยของพวกเธอเหรอ?”

เหมยเหมยนิ่งชะงักไปแล้วพยักหน้า

เหยียนหมิงซุ่นกินโจ๊กในชามเสร็จก็ลุกขึ้นไปห้องหนังสือ เหมยเหมยตามไปอย่างงง ๆแต่กลับเห็นเหยียนหมิงซุ่นเปิดคอมพิวเตอร์ในห้องหนังสือ ขยับปลายนิ้วมือลงบนแป้นพิมพ์ก็เข้าสู่เพจของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง เหมยเหมยมองจนลูกตาแทบถลนออกมา

“บ้านเราเชื่อมต่อกับเพจมหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่เมื่อไร? ไม่สิ บ้านเราเล่นอินเทอร์เน็ตได้ด้วยเหรอ?”

“ก็ได้ตลอดนะ” เหยียนหมิงซุ่นตอบพร้อมพิมพ์บนแป้นพิมพ์ ซึ่งไม่นานก็เข้าสู่เพจมหาวิทยาลัย แล้วภาพถ่ายที่สวยงามน่าประทับใจก็โผล่ออกมา

เหมยเหมยไม่ทันได้สนใจรูปภาพ เพราะที่เธอสนใจยิ่งกว่าก็คือ——

“งั้นทำไมพี่ถึงไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้ล่ะ?” เหมยเหมยโมโหเป็นอย่างมาก

เธอนึกมาตลอดว่าอินเตอร์เน็ตในบ้านใช้ไม่ได้จึงเอาคอมพิวเตอร์ไว้ที่มหาวิทยาลัย ใช้เวลาพักเที่ยงเล่นสักครู่หนึ่ง แต่เธอไม่ค่อยสนใจนักเพราะความเร็วอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันช้าเกินไป และสิ่งที่ไว้ใช้เล่นก็มีน้อยมากจึงไม่น่าสนใจ

“เล่นคอมพิวเตอร์บ่อย ๆไม่ดีต่อสายตา” เหยียนหมิงซุ่นเลือกกดภาพนั้นขึ้นมาและซูมขยายใหญ่ขึ้น กอดอกพร้อมชื่นชมพลางพยักหน้าเบา ๆ “ไม่เลวเลย ในมหาวิทยาลัยของเธอยังมีคนที่มีความสามารถอยู่หลายคนนะเนี่ย”

เขาเอาภาพนี้ตั้งเป็นหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเปิดหรือปิดคอมพิวเตอร์ สิ่งที่เห็นก็คือภาพถ่ายที่จูบกันอย่างดูดดื่ม มันไม่น่าดูเลยจริง ๆ

ตัวเหมยเหมยเองยังทนมองไม่ไหว “คนอื่นเห็นคงกระดากใจน่าดู!”

“ไม่มีใครได้เห็นทั้งนั้นแหละ”

พอเหยียนหมิงซุ่นตั้งค่าหน้าจอเสร็จก็เริ่มเลื่อนดูเพจคร่าว ๆ สีหน้าท่าทางดูสงบมาก ในความคิดของเขาเรื่องพวกนี้ดูอ่อนหัดเกินไปหน่อยเหมือนเกมของเด็กอนุบาล หากไม่ใช่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับภรรยาของตนเขาคงไม่สนใจที่จะดูด้วยซ้ำ

“หาตัวฮวาจิงหลิงได้หรือยัง?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

“หาได้แล้ว เซียวเวยตระกูลเซียว” เหมยเหมยตอบไปตามตรง พูดอย่างรู้สึกไม่เป็นธรรมว่า “ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนโรคจิต ฉันและเธอไม่มีความแค้นต่อกัน ทำไมต้องทำร้ายฉันลับหลังด้วยล่ะ?”

…………………………………………..

ตอนที่ 1947 การออกกำลังเป็นพลังของชีวิต

เหมยเหมยคิดไม่ออกจริง ๆ เพราะเคยพูดคุยกันแค่ไม่กี่คำ เคยคุยกันล่าสุดก็ตอนงานเลี้ยงต้อนรับปีที่แล้ว เซียวเวยเป็นพิธีกรในงาน ในเวลานั้นผู้หญิงคนนี้ก็ใช่ย่อยจนเธออดไม่ได้ที่จะสบถด่าอยู่หลายคำ แต่คำพูดก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร มันไม่ควรก่อให้เกิดความเกลียดชังร้ายแรงขนาดนี้มั้ง?

“พี่ พี่คิดว่าจะมีใครบงการเธอไหม?”

“น่าจะเป็นแบบนั้นเรื่องนี้ไม่ต้องยุ่งแล้วพี่จะให้คนไปจัดการ” อันที่จริงเหยียนหมิงซุ่นเองก็รู้สึกว่ามีคนบงการอยู่ บนโลกใบนี้ไม่มีการรักโดยไม่มีเหตุผล และก็ไม่มีการเกลียดชังกันโดยไม่มีเหตุผลเช่นกัน

จู่ ๆเซียวเวยคงจะไม่ทำร้ายคนอื่นมั่วซั่ว มันต้องมีเหตุผล

เหมยเหมยเองก็ไม่แน่ใจ แต่จู่ ๆเธอก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง “พี่ พี่ว่าจะเป็นอู่เยวี่ยบงการอยู่เบื้องหลังไหม?”

เหยียนหมิงซุ่นมุ่นคิ้ว “ทำไมถึงคิดว่าเป็นอู่เยวี่ยล่ะ?”

“ฉันจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน ตอนวันคล้ายวันเกิดของคุณนายหรูภรรยาของอาจารย์เซียวอู่เยวี่ยและเหมยซูหานก็ไปร่วมงานด้วยกัน ในเวลานั้นอู่เยวี่ยและเซียวเวยดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีเลย ตอนนั้นฉันและเซ่อเซ่อก็ไปร่วมงานด้วย”

เมื่อครู่เหมยเหมยก็เพิ่งคิดถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ขึ้นมา ตอนนั้นอู่เยวี่ยมาทำการผ่าตัดหูที่เมืองหลวง เพราะแผนของเหยียนหมิงซุ่นการผ่าตัดของอู่เยวี่ยเลยล้มเหลวต่อมาจึงต้องใส่เครื่องช่วยฟัง หัวใจของเธอเต้นแรง เธอลืมเรื่องสำคัญเกี่ยวกับเครื่องช่วยฟังไปได้อย่างไรนะ?

“พี่ ตอนนี้อู่เยวี่ยไม่ใช้เครื่องช่วยฟังแล้วเหรอ? หรือว่าหูของเธอหายดีแล้ว?”

หลังจากเจออู่เยวี่ยอยู่หลายครั้ง ถึงแม้ว่าอู่เยวี่ยจะปล่อยสยายผมเกือบตลอดเวลาแต่ก็มีไม่กี่ครั้งที่ผมถูกรวบมัดไว้ และเห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้ใส่เครื่องช่วยฟังแล้ว

แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่แปลกใจ “อู่เยวี่ยก็แค่แก้วหูได้รับความเสียหายเท่านั้นไม่ใช่การบาดแผลที่มีมาแต่กำเนิด ตอนนี้ยาในสหรัฐอเมริกาได้รับการพัฒนาอย่างมาก การบาดเจ็บประเภทนี้สามารถรักษาได้แต่ราคาไม่ใช่น้อย ๆ”

เหมยเหมยด่าออกมาอย่างโกรธแค้น “คงดูถูกเธอเกินไป”

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะ “วางใจเถอะ ต่อให้การแพทย์จะก้าวหน้าแค่ไหน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้หูของอู่เยวี่ยกลับมาปกติ การได้ยินและความสมดุลของร่างกายต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน”

ตอนนี้เองเหมยเหมยถึงได้สบายใจ ถ้ามีผลกระทบก็ดี เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอู่เยวี่ยจะตาบอดหูหนวกและเป็นง่อยไปเลย แน่นอนว่าตายไปเลยจะดีที่สุด

ในเมื่อผู้ชายของเธอคิดจะจัดการเอง เหมยเหมยก็จะไม่ยุ่งจึงไปพักผ่อนอย่างมีความสุข เหยียนหมิงซุ่นออกจากระบบของมหาวิทยาลัยพร้อมกับปิดคอมพิวเตอร์ เหมยเหมยก็หยุดเขาไว้

“อย่าเพิ่งปิด ให้ฉันเล่นเดี๋ยวหนึ่งสิ ฉันอยากเข้าไปดูกระทู้สักหน่อย”

เมื่อก่อนคิดว่าอินเทอร์เน็ตที่บ้านใช้ไม่ได้ พอกลับมาบ้านก็ทำตัวเป็นเด็กดี ถ้าไม่ร่างภาพก็ต้องออกกำลังกายกับเหยียนหมิงซุ่น…ทำเอาเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว

ตอนนี้มีอินเตอร์เน็ตแล้ว เธอก็ต้องเข้าไปอ่านกระทู้สักหน่อย น่าสนุกมากทีเดียว

เพียงแต่——

เหยียนหมิงซุ่นทำเป็นไม่ได้ยินและปิดคอมพิวเตอร์อย่างไม่ลังเล มองไปที่เหมยเหมยที่ทำท่าทีน้อยใจ มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย พูดเสียงเบาว่า “เด็กดี การเล่นคอมพิวเตอร์ไม่ดีต่อสายตา พวกเราไปออกกำลังกายกันเถอะ…”

เอื้อมมือยาวยื่นไปโอบสาวน้อยเข้ามาในอ้อมกอด

ค่ำคืนในฤดูใบไม้ผลิที่น่าหวงแหนต้องใช้อย่างคุ้มค่า ค่ำคืนดี ๆแบบนี้ถ้าไม่ออกกำลังกายจะทำอะไรได้อีก?

“ไม่เอา…ฉันอยากเล่นคอมพิวเตอร์ ไม่อยากออกกำลังกาย…” เหมยเหมยฟุบบนไหล่เขาและออกแรงต่อต้าน เอวเล็ก ๆของเธอจะหักอยู่แล้ว

“การออกกำลังเป็นพลังของชีวิต สุขภาพที่แข็งแรงอยู่ที่การออกกำลังกาย เชื่อเถอะน่า!”

แน่นอนว่าเวลานี้เหยียนหมิงซุ่นไม่ถนอมเหมยเหมยเลยสักนิด เดินก้าวใหญ่มุ่งหน้าเข้าห้องไป…

หลังจากนั้น…

เช้าวันรุ่งขึ้นเหมยเหมยที่ปวดหลังปวดเอวก็ไปเรียน ในใจเต็มไปด้วยความแค้นแต่ไร้ที่ระบาย เมื่อคืนเหยียนหมิงซุ่นทรมานเธอจนดึกดื่น เอาแต่พูดว่าเป็นค่าตอบแทนที่ทำงานแทนเธอ

อยากจะด่าจริง ๆ…เธอไม่ได้ให้เขาช่วยสักหน่อย ทั้ง ๆที่เขาเป็นฝ่ายขอร้องทำแทนเองแท้ ๆ!

ประเทศที่อ่อนแอไร้การทูต เหตุผลนี้ก็ใช้ได้กับเรื่องบนเตียงเหมือนกัน!

ทำไมประจำเดือนยังไม่มาอีกนะ?

………………………………………….

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

จุดจบที่ความตาย กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นบันดาลให้เธอได้ย้อนกลับไปในปี 1985

เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างตัวเองวัย 12 ปี!

เมื่อได้รับชีวิตที่เหมือนได้เกิดใหม่คราวนี้ เธอจึงตัดสินใจลิขิตชะตาด้วยสองเป้าหมาย…

หนึ่ง… มีชีวิตอย่างอิสรเสรี ไม่สนใจสายตาใคร และไม่รับความรักอันน้อยนิดที่ญาติมิตรมีให้

สอง… แก้แค้น สิ่งที่พี่สาวกับอดีตคนรักติดค้างไว้ เธอจะต้องเอาคืนให้หมดในชาตินี้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท