ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น – บทที่ 1912 มีคนจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย + ตอนที่ 1913 เธออยากตายก็ไปตายที่อื่น

บทที่ 1912 มีคนจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย + ตอนที่ 1913 เธออยากตายก็ไปตายที่อื่น

ตอนที่ 1912 มีคนจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนชะเง้อคอด้วยความสงสัยตาม แต่เพราะไม่ได้สวมแว่นตาเลยทำให้มองเห็นไม่ค่อยชัด

ฉีฉีเก๋อยิ้มหยอกเย้า “หรือว่าจะมียูเอฟโอของมนุษย์ต่างดาวเหรอ?”

ทั้งสามคนยังอยู่ห่างจากหอสมุดอีกระยะหนึ่ง เพราะท้องฟ้าอึมครึมเต็มไปด้วยหมอกจึงทำให้มองไม่เห็น พวกเธอก็ไม่ให้ความสำคัญอะไรยังหลงคิดว่าเป็นเพียงพฤติกรรมการคล้อยตามของผู้คน

อย่างเช่นถ้าคุณเดินอยู่กลางถนนแล้วยืนแหงนหน้ามองท้องฟ้า แต่พอใครมาถามคุณคุณก็จะแสร้งทำตัวลึกลับไม่ตอบสักคำ คุณจะพบว่าหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นข้างตัวคุณก็จะมีคนกลุ่มหนึ่งยืนมองท้องฟ้าเช่นเดียวกับคุณ ต่อให้พวกเขาไม่รู้ว่ากำลังดูอะไรอยู่ก็ตามที

พวกเหมยเหมยคิดเช่นนี้เพราะในรั้วมหาวิทยาลัยมีคนชอบล้อเล่นแบบนี้อยู่บ่อยครั้งอย่างไม่มีจบสิ้น และดันมีคนหลงกลอยู่ตลอด

เพียงแต่รอพวกเธอเดินเข้าไปใกล้ถึงรู้ว่าพวกเธอคิดผิดไป

“โทรเรียกรถดับเพลงเร็ว ให้พวกเขามาช่วย!”

“โทรแล้ว ฉันว่าเราไปหาผ้านวมมารองด้วยดีกว่า!”

“ใช่ ๆ ไปหาผ้านวมมา!”

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? ทำไมถึงได้คิดสั้นแบบนี้?”

“ไม่รู้จัก แต่ดูเหมือนจะมีอาจารย์คนหนึ่งขึ้นไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะเกลี้ยกล่อมให้เธอเปลี่ยนใจได้ไหม?”

……

นักศึกษาที่มามุงต่างกระซิบกระซาบกัน มีเพื่อนใจดีบางส่วนที่เดินไปเดินมาทั้งโทรขอความช่วยเหลือทั้งไปหาผ้านวมให้…ดูวุ่นวายเสียเหลือเกิน!

“เอ๊ะ…ทำไมถึงเป็นสวีจื่อเซวียนไปได้ล่ะ? หล่อนไม่ได้อยู่โรงพยาบาลเหรอ?” ฉีฉีเก๋อสายตาดี มองเพียงแวบเดียวก็เห็นชัดแล้วว่าผู้หญิงที่ยืนตัวโงนเงนบนตึกนั่นคือสวีจื่อเซวียนที่ถูกเหมยเหมยพาไปส่งที่โรงพยาบาลนั่นเอง

เหมยเหมยรีบหรี่ตามอง หิมะในมหาวิทยาลัยยังไม่ทันทำความสะอาดดีจึงทำให้แสงกระทบแยงตาจนรู้สึกเคืองตาไปหมด แต่ก็พอเห็นว่าเป็นสวีจื่อเซวียนจริง ๆ เสื้อผ้าบนตัวเธอยังเป็นชุดเมื่อเช้าซึ่งตอนนี้ยืนอยู่ขอบชั้นดาดฟ้า แค่มองก็รู้สึกเสียววาบไปหมดแล้ว

โอ้โฮ…

เหมยเหมยในตอนนี้แค่อยากด่าคำหยาบ!

เธอเกลียดคนที่ไม่รู้จักรักตัวเองมากที่สุด ชาติที่แล้วเธอถูกอู่เยวี่ยทำร้ายถึงได้ตกตึกตายอย่างอนาถ ความเจ็บแบบนั้นเป็นสิ่งที่เธอแทบจะจินตนาการไม่ออกและหากนึกถึงทีไรจะใจสั่นปวดร้าวไปทั้งตัว!

สวีจื่อเซวียนโดนลากระทืบสมองมาจริง ๆด้วย!

“ตอนนี้ทำอย่างไรดีล่ะ? นี่มันตึกเจ็ดชั้นเชียวนะ ถ้าร่วงตกลงมาจะทำไงดี?” ฉีฉีเก๋อตกใจจนเดินวนอยู่กับที่ราวกับหนูติดจั่น

เพื่อนคนอื่น ๆที่อยู่ข้าง ๆเห็นว่าพวกเธอรู้จักสวีจื่อเซวียนจึงมาถามพวกเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็น เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหจนตะคอกใส่ “นี่เธอโดนลากระทืบสมองมาหรือไง? คนใกล้จะตายอยู่แล้วช่วยหุบปากก่อนได้ไหม?”

พอผู้หญิงที่มีความอยากรู้อยากเห็นโดนพ่นน้ำลายใส่เต็มหน้าเลยหลบไปอยู่อีกฝั่งแต่โดยดี คนดี ๆจะไม่ทะเลาะกับผู้หญิงนิสัยโจร หากเธอสู้ไม่ไหวก็หลบ!

เพื่อนผู้ชายที่สวมแว่นตาอีกคน แค่มองก็รู้ว่าเป็นเด็กเรียนเก่งสายวิทยาศาสตร์เอ่ยอย่างหวังดีว่า “พวกเธอไม่ต้องกังวลไป หิมะที่หนาอย่างน้อยคืบหนึ่งหรือห้านิ้วเท่ากับผ้านวมจากธรรมชาติชั้นดีเลย จากความเร็วของแรงดึงดูดและแรงโน้มถ่วง แล้วก็น้ำหนักเจ้าตัว…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดขัดอย่างไม่สบอารมณ์นัก “จะตายไหม?”

“ฉันเดาว่ามีโอกาสรอดมากกว่าร้อยละห้าสิบ แต่ถ้ามีผ้านวมมารองอีกชั้นละก็โอกาสรอดก็จะเพิ่มขึ้น…”

“ไม่โดดลงมาก็จะมีโอกาสรอดร้อยเปอร์เซ็นต์!”

พูดมาตั้งนานก็เหมือนไม่ได้พูดแล้วยังเสียเวลาพวกเธออีกต่างหาก เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหจนพ่นน้ำลายตวาดใส่หน้าเด็กเรียนเก่งสายวิทย์คนนี้อีกคน จนอีกฝ่ายผวารีบกรูไปหลบอีกฝั่งแทน

ช่องว่างระหว่างเด็กเรียนเก่งกับเด็กเรียนแย่มีความกว้างอย่างน้อยสองเมตร เขาไม่อยากไปยุ่งด้วย

หนี!

เหมยเหมยห้ามเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อที่กำลังร้อนรุ่มใจไว้ “อย่าร้อนใจไป รถดับเพลิงน่าจะใกล้มาถึงแล้ว ฉันขึ้นไปคุยกับสวีจื่อเซวียนก่อนเพื่อถ่วงเวลาแล้วกัน”

…………………………………………..

ตอนที่ 1913 เธออยากตายก็ไปตายที่อื่น

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อไม่ไว้วางใจปล่อยให้เหมยเหมยขึ้นไปคนเดียวเลยตามขึ้นไปกับเธอด้วย แต่วันนี้ดันไม่เปิดใช้ลิฟต์ทำเอาทั้งสามคนเดินขึ้นตึกจนขาลากกระหืดกระหอบไปถึงชั้นดาดฟ้า ชั้นดาดฟ้ามีหิมะกองหนาและขาวโพลนเมไปหมด

สองสามีภรรยาเจียงจื้อหรู่ก็อยู่ด้วยเช่นกัน ดูเหมือนอาจารย์คนหนึ่งที่พวกนักศึกษาเอ่ยถึงคงเป็นเจียงจื้อหรู่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเขามัวทำอะไรกัน ขนาดคน ๆเดียวยังเอาไม่อยู่เลย

“จื่อเซวียนเป็นเด็กดีนะ มาหาฉัน!” เจียงจื้อหรู่ไม่กล้าเข้าไปใกล้เลยได้แต่พูดโน้มน้าวเกลี้ยกล่อมอย่างลำบากใจ ส่วนคุณนายเจียงที่ยืนอยู่ข้างเขาทำหน้าถมึงทึงไม่ปริเสียงพูดสักคำ

สวีจื่อเซวียนทำเป็นหูทวนลมถึงขั้นเขยิบเข้าไปใกล้ขอบชั้นดาดฟ้าขึ้นอีกนิด หิมะที่ร่วงตกจากชั้นดาดฟ้าลงไปเรียกเสียงกรีดร้องจากคนใต้ตึกได้เป็นอย่างดี

“สวีจื่อเซวียนเธอเป็นบ้าอะไร? อยากตายก็หาวันอากาศดี ๆสิ วันอากาศหนาว ๆแบบนี้เธอกำลังทรมานคนอื่นนะ” คนขี้โมโหอย่างเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทนไม่ไหว ลมหนาวบนชั้นดาดฟ้าพัดกระหน่ำ เธอใช้แรงตะเบ็งเสียงออกไปเพราะเธอเองก็กำลังจะหนาวจนตัวแข็งไปหมดแล้ว

สวีจื่อเซวียนสวมเสื้อผ้าเพียงน้อยนิด หากยื้อเวลาต่อไปแบบนี้ ต่อให้ไม่ร่วงตกลงไปตายก็ต้องหนาวตายแทน!

เหมยเหมยยกขาถีบอีกคนแล้วถลึงตาใส่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพร้อมด่าเสียงเบา “เธออย่ามาเพิ่มความวุ่นวายได้ไหม ถ้าหล่อนกระโดดลงไปจริงฉันจะรอดูว่าเธอจะทำไง!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้แต่ปิดปากเงียบแต่โดยดีและพาตัวเองไปหลบในที่ที่มีจุดบังลม

สวีจื่อเซวียนเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงจากพวกเธอ ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของอีกฝ่ายไม่เหมือนกำลังแสดงละครอยู่เลย แต่ดูอยากตายจริง ๆ!

เธอค่อย ๆเดินไปที่ขอบชั้นดาดฟ้าทีละก้าว ๆ ซึ่งอีกไม่กี่ก้าวก็จะร่วงตกลงไปจริง ๆแล้ว เรือนกายอันบอบบางของเธอโงนเงนไปตามสายลมทำเอาคนเห็นใจบีบแน่นไปด้วย

“สวีจื่อเซวียนเธอกระโดดลงไปแบบนี้เธอไม่รู้สึกผิดต่อพ่อของเธอเหรอ? หรือว่าเธออยากให้พ่อเธอที่ตายไปแล้วต้องมารู้สึกไม่สบายใจด้วยอีกหรือไง?” เหมยเหมยตะโกนเอ่ยเสียงดัง

ร่างสวีจื่อเซวียนสะท้าน ใบหน้าเรียบนิ่งเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมา เอ่ยเสียงพึมพำ “คุณพ่อ…”

เหมยเหมยลอบยิ้มดีใจ มีปฏิกิริยาตอบโต้บ้างก็ดี เธอพูดโน้มน้าวต่อไป “ความหวังของพ่อเธอก็คืออยากให้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแล้วหาผู้ชายดี ๆคนหนึ่งเพื่อใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดไป…เธอกระโดดลงไปแบบนี้ทุกอย่างก็จบอยู่หรอกนะ แต่เธอไม่รู้สึกผิดต่อพ่อของเธอเหรอ?”

เจียงจื้อหรู่ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิดปนอาย เขาผิดต่อจื่อเซวียน เป็นความผิดของเขาเอง!

สวีจื่อเซวียนหันขวับมาแล้วร่ำไห้อย่างเจ็บปวด “ฉันเรียนต่อไม่ได้แล้ว และฉันก็หาผู้ชายดี ๆไม่ได้แล้ว ฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ฉันจะมีความสุขได้ไง…พ่อคะ หนูผิดเอง จื่อเซวียนจะไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อแล้วนะ…”

เธอก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าวแต่เพราะหิมะทำให้พื้นลื่นเป็นพิเศษจนเธอเผลอลื่นเกือบร่วงตกลงไป เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสะดุ้งจนรีบเอามือปิดตาแต่โชคดีที่สวีจื่อเซวียนแค่ลื่นล้มบนพื้นแต่ไม่ได้ร่วงตกลงไป

ทุกคนเผลอโล่งอกกันถ้วนหน้าในขณะที่ยังรู้สึกหวาดผวากันอยู่

“สวีจื่อเซวียน บอกตามตรงเธอจะตายหรืออยู่ฉันไม่สนใจ คนที่ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณแล้วยังไม่เจียมตัวแบบเธอยังไงซะมีชีวิตอยู่ไปก็ไม่ได้ช่วยทำความดีให้แก่สังคมอะไรได้ ตายไปกลับช่วยประหยัดอาหารกับอากาศเสียอีก”

เหมยเหมยพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกลงจนทุกคนสะดุ้ง เจียงจื้อหรู่มองเธออย่างไม่พอใจนักพลางโทษเธอว่าเวลานี้ยังจะมาพูดจาอะไรแบบนี้อีก

เหมยเหมยไม่สนใจเขาโดยเลือกจะพูดต่อ “แต่เธอจะตายทั้งทีช่วยไปตายไกล ๆหน่อยไม่ได้เหรอ? โดดน้ำตายโดดหน้าผาตายหรือกินยาฆ่าตัวตายกรีดข้อมือตาย…มีวิธีฆ่าตัวตายเยอะแยะที่ช่วยให้เธอตายสมใจ ทำไมเธอต้องมาทำให้หอสมุดมหาวิทยาลัยแปดเปื้อนด้วย? เธอจงใจจะเอาคืนมหาวิทยาลัยสินะ?”

“ฉันเปล่า…เพราะตรงนี้ใกล้ที่สุดและตึกสูงที่สุด…” สวีจื่อเซวียนร้องไห้พูดแย้งด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ

เธอไม่เหลืออะไรอีกแล้วทำไมจ้าวเหมยถึงต้องมาพูดจาหยามเธอแบบนี้อีก?

……………………………………………….

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

จุดจบที่ความตาย กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นบันดาลให้เธอได้ย้อนกลับไปในปี 1985

เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างตัวเองวัย 12 ปี!

เมื่อได้รับชีวิตที่เหมือนได้เกิดใหม่คราวนี้ เธอจึงตัดสินใจลิขิตชะตาด้วยสองเป้าหมาย…

หนึ่ง… มีชีวิตอย่างอิสรเสรี ไม่สนใจสายตาใคร และไม่รับความรักอันน้อยนิดที่ญาติมิตรมีให้

สอง… แก้แค้น สิ่งที่พี่สาวกับอดีตคนรักติดค้างไว้ เธอจะต้องเอาคืนให้หมดในชาตินี้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท