ตอนที่ 1972 จัดเลี้ยงวันเกิดช่วงต้นฤดูไม้ใบผลิ
คุณย่าหยางยิ้มร่าด้วยความปิติ น้ำตาคลอเบ้าพูดขึ้นอย่างดีใจ “ย่าจะไปบอกหมิงต๋าเดี๋ยวนี้แหละ”
เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้า “ผมออกไปโทรศัพท์ก่อนนะครับ”
เขาต้องกลับไปที่ฐานประจำการเพื่อโทรหาลูกน้อง ให้พวกเขาพาถานซูฟางกลับมาเจอหน้าเหยียนหมิงต๋าสักครั้ง ให้พวกเขาแม่ลูกได้อยู่ด้วยกัน หลังจากนั้นค่อยให้ถานซูฟางไปอยู่ที่เดียวกับเหยียนโฮ่วเต๋อ
ความผิดของคนตายอาจได้รับการยกเว้น ความผิดของคนเป็นนั้นยากที่จะหลบหนี!
เหยียนหมิงซุ่นขับรถออกไปอีกครั้งแต่เหมยเหมยไม่ได้ตามไปด้วย คุณย่าหยางเดินไปตามเหยียนหมิงต๋า เธอจึงปลีกตัวไปดูทีวี เรื่องแบบนี้เธอไม่ควรเข้าไปข้องเกี่ยว
ผ่านไปได้สักพักเหยียนหมิงต๋าก็เดินออกมาพร้อมกับคุณย่าหยาง ขอบตาแดงก่ำดูเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มา แต่อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อยเพราะมุมปากประดับด้วยรอยยิ้ม
“ย่าไปทำเกี๊ยวน้ำให้หลานนะ หลานไม่ต้องกินเยอะ อีกสักพักก็จะได้เวลากินมื้อเที่ยงแล้ว ”
คุณย่าหยางเองก็อารมณ์ดีขึ้นมาก คาดผ้ากันเปื้อนเตรียมจะเดินเข้าห้องครัว
“ผมไม่หิว เดี๋ยวรอกินมื้อเที่ยงเลยก็ได้ พี่ผมละครับ?” เหยียนหมิงต๋ายื่นมือไปคว้าแอปเปิลลูกหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชาขึ้นมากัดพร้อมถามว่าเหยียนหมิงซุ่นไปไหน
“พี่ของหลานออกไปโทรศัพท์สั่งให้คนรับแม่ของหลานกลับมา โธ่ แอปเปิลยังไม่ได้ปอกเลยกัดเข้าไปได้ไง ไม่รู้กฎรู้เกณฑ์เอาเสียเลย รีบปอกเปลือกเลยนะ”
คุณย่าหยางยื่นมีดปอกผลไม้ให้เหยียนหมิงต๋าพลางจ้องเขาปอกเปลือก ปากบ่นอุบอิบไม่หยุด ตอนนี้แอปเปิลใส่ยาฆ่าแมลงเยอะ ถ้าไม่ปอกเปลือกกินไม่ได้…
“การกินไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องความสะอาดนักหรอกครับ คุณย่านับวันยิ่งขี้บ่นขึ้นเรื่อย ๆนะเนี่ย!”
แม้ว่าเหยียนหมิงต๋าจะนึกรำคาญแต่ก็ยอมปอกเปลือกอย่างเชื่อฟัง สายตากลับจับจ้องลานบ้านตลอดเวลาเฝ้ารอเหยียนหมิงซุ่นกลับมา
เหมยเหมยทอดถอนหายใจ ต่อให้ถานซูฟางจะน่ารังเกียจแค่ไหน แต่ในใจของเหยียนหมิงต๋าเธอกลับอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญมาก และถานซูฟางก็เป็นแม่ที่ใจดีสำหรับเหยียนหมิงต๋า เหยียนหมิงต๋าจะยอมอยู่เฉยแล้วปล่อยให้แม่ตัวเองไปตายได้อย่างไรเล่า!
ช่างเป็นเนื้อร้ายที่ดึงไม่ออกตัดไม่ขาดกันจริง ๆ!
ช่วงมื้อเที่ยงเหยียนหมิงซุ่นก็กลับเข้ามา เขาพยักหน้าให้เหยียนหมิงต๋า “แจ้งพวกเขาไปแล้ว นายคงได้เจอกับแม่ช่วงเทศกาลโคมไฟ”
ใบหน้าของเหยียนหมิงต๋าเต็มไปด้วยรอยยิ้มโผเข้าหาตัวเหยียนหมิงซุ่น “ขอบคุณครับพี่!”
ขอเพียงแม่ยังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว!
ต่อให้อยู่ที่ไหนก็ย่อมได้ ตอนนี้เขาโตแล้วสามารถดูแลพ่อแม่ได้แล้ว เขาจะพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อให้พวกท่านใช้ชีวิตในเขตภูเขาทุรกันดารอย่างสุขสบายมากขึ้น
เรื่องอื่นเขาจะไม่ทำให้พี่ชายลำบากใจอีก!
เหยียนหมิงต๋าไม่ใช่พวกดื้อดึงเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว เขารู้จักคิด รู้ว่าเรื่องที่แม่ของเขาทำมันเกินกว่าเหตุ ไม่ใช่คนดีอะไร แต่เขาก็ทำใจไม่ได้ที่จะต้องตัดขาดกับแม่ตัวเอง เป็นเหมือนอย่างตอนนี้มันก็ดีมากพอแล้วล่ะ
เหยียนหมิงซุ่นตบไหล่น้องชายตัวเองโดยไม่พูดอะไร ดวงตาฉายแววอบอุ่น เหมยเหมยเองก็ยิ้มอย่างปิติ นี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว!
อู่เยวี่ยนอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าที่ดูไม่ดีเอาเสียเลย เธอผ่าตัดมาแล้วถึงสามครั้ง รอยสักตรงสะบักและหน้าอกถูกลบออกไปแล้ว ตำแหน่งที่ถูกลบเกิดรอยแดงจ้ำ ๆและรอยแผลจาง ๆแต่ก็ถือว่าดีกว่าตอนนั้นมาก พอจะกลบด้วยแป้งได้
การผ่าตัดทั้งสามครั้งทำให้อู่เยวี่ยเจ็บปวดเจียนตาย ในใจที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นนั้นมีมากขึ้นกว่าเดิม
เธอเกลียดทุกคน ทั้งเฮ่อเหลียนเช่อ หนิงเฉินเซวียน เหยียนหมิงซุ่น จ้าวเหมย โจวจื่อหัว…
คนพวกนี้ล้วนทำผิดต่อเธอ!
เฮ่อเหลียนเช่อเดินเข้ามามองอู่เยวี่ยที่อยู่บนเตียงด้วยสายตาเย็นชา “คุณลุงจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดในเดือนมีนาคม ครั้งนี้เป็นงานฉลอง(เจิ่งโซ่ว[1]) จำเป็นต้องจัดอย่างยิ่งใหญ่ เธอรักษาร่างกายให้แข็งแรง ถึงเวลานั้นต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดด้วย”
อู่เยวี่ยตกปากรับคำอย่างว่าง่าย เธอนึกถึงข่าวที่ได้ยินมาก่อนหน้านั้นก็พลันเกิดแผนการในใจ หันไปพูดกับเฮ่อเหลียนเช่อว่า “คุณชายเช่อ เหยียนหมิงต๋ากลับมาแล้ว เขาต้องคิดถึงแม่ของเขามากแน่นอน”
[1] เป็นการจัดเลี้ยงเพื่อต่ออายุ เนื่องจากคนโบราณมีอายุสั้น บุคคลที่มีอายุถึง 50 ปีถือได้ว่าอายุยืน ดังนั้นการจัดฉลองวันเกิดอย่างยิ่งใหญ่จึงมักจะจัดในช่วงอายุ 50 60 70 ปี เป็นต้นไป
…………………………………………………
ตอนที่ 1973 เกิดเรื่องแล้ว
ข่าวคราวเรื่องงานเลี้ยงวันเกิด(เจิ่งโซ่ว)ครบรอบเจ็ดสิบปีของหนิงเฉินเซวียน เพิ่งผ่านพ้นวันที่สามของวันตรุษจีนไปก็เริ่มแจกจ่ายบัตรเชิญอย่างกว้างขวางซึ่งต่างไปจากนิสัยในอดีตของหนิงเฉินเซวียนที่ไม่เคยสนใจใคร แต่ครั้งนี้กลับกลายเป็นว่าทำตัวเป็นจุดสนใจ เฮ่อเหลียนชิงและเหยียนหมิงซุ่นต่างก็ได้รับบัตรเชิญเช่นกัน
งานเลี้ยงวันเกิดกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 3 ของเดือนมีนาคม เข้าสู่ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิพอดี สภาพอากาศค่อย ๆอบอุ่นขึ้น
จ้าวอิงหัวเองก็ได้รับบัตรเชิญเช่นเดียวกันจนรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย “ไอ้แก่หนิงนี่นิสัยเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไรกัน? เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเขาจัดงานเลี้ยงวันเกิดเลย ครั้งนี้มันเกิดอะไรขึ้น!”
“อาจจะเพราะอายุเยอะแล้วเลยอยากเชิญแขกมากหน้าหลายตามาร่วมอวยพรให้เขามั้ง ส่วนใหญ่แล้วอายุยิ่งมากก็ยิ่งกลัวตายกันไม่ใช่เหรอ!” จ้าวเสวียหลินคาดเดา
เหมยเหมยเองก็คิดเช่นเดียวกัน รู้สึกว่ามันคงจะเป็นเช่นนั้นแหละ!
แต่เธอก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย ตอนแรกคิดว่าอู่เยวี่ยไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆอย่างแน่นอน แต่นึกไม่ถึงเลยว่าการยั่วยุของโจวจื่อหัวในครั้งนี้จะทำให้ยัยชั่วอู่เยวี่ยเป็นเหมือนกับเต่าที่หดหัวอยู่ในกระดอง ไม่ใช่สไตล์การกระทำของเธอเหมือนแต่ก่อนเลยสักนิด
“พี่คะ ตอนนี้อู่เยวี่ยท้องกี่เดือนแล้ว คงใกล้คลอดแล้วใช่ไหม?” เหมยเหมยเป็นห่วงก้อนเนื้อในท้องของอู่เยวี่ยก้อนนั้นมาก
“เพิ่งห้าเดือนกว่า ๆเอง ไม่เร็วขนาดนั้นหรอก” เหยียนหมิงซุ่นตอบ
เขาให้คนคำนวณไว้นานแล้ว เด็กในท้องของอู่เยวี่ยจะคลอดช่วงประมาณปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายน เพราะเขาเองก็รอคอยอยู่เหมือนกัน!
ไม่นานก็ใกล้จะถึงเทศกาลโคมไฟแล้ว กลิ่นอายประเพณีของปีใหม่ก็ค่อย ๆจางหายไป เหยียนหมิงต๋ารอคอยการกลับมาของถานซูฟางอย่างใจจดใจจ่อ
คำนวณเวลาดูแล้ว ถานซูฟางคงจะอยู่ในระหว่างการเดินทางแล้วล่ะ
คุณย่าหยางแม้จะไม่ได้ยินดีกับการกลับมาของผู้หญิงคนนี้ แต่เพื่อความสุขของหลานชายคนเล็กเธอจึงเลือกที่จะทำความสะอาดห้องรับแขกห้องหนึ่ง ถึงอย่างไรเสียก็มาพักแค่ไม่กี่วันไม่ชอบใจแค่ไหนก็ต้องอดทนไว้
“พี่คะ ช่วงไม่กี่วันนี้เรากลับไปพักที่บ้านเถอะ” เหมยเหมยออกความเห็น เธอไม่อยากเจอถานซูฟางเลยสักนิด
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มน้อย ๆ ลูบหัวของเธอเบา ๆ “ได้สิ!”
เมื่อสักครู่ลูกน้องโทรเข้ามาหาเขาแจ้งว่าเขาไปรับถานซูฟางที่สนามรบประเทศ F เรียบร้อย หากไม่เกินกว่าที่คาด พรุ่งนี้ก็คงได้เจอถานซูฟางแล้ว อารมณ์ของเขาในตอนนี้เหมือนกับเหมยเหมยไม่อยากเจอหน้าถานซูฟางเลยสักนิด
ทั้งบ้านก็คงไม่มีใครดีใจมากไปกว่าเหยียนหมิงต๋าแล้วล่ะ ถึงแม้เขาจะพยายามเก็บซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ แต่ใคร ๆ ต่างก็สัมผัสได้ว่าเขาตั้งตารอคอยการกลับมาของถานซูฟางมากเหลือเกิน
แม้ว่าจะเป็นกฎธรรมชาติของมนุษย์แต่ก็ทำให้รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
ไม่กี่วันมานี้บรรยากาศในบ้านตระกูลเหยียนค่อนข้างมาคุ คุณย่าหยางและคุณปู่เหยียนยิ่งไม่ค่อยสบายใจ แต่เพื่อเหยียนหมิงต๋าแล้วพวกเขาจำต้องฝืนยิ้ม
พรุ่งนี้เป็นเทศกาลโคมไฟแล้ว ถนนทุกเส้นในเมืองหลวงกลับมาครึกครื้นมีชีวิตชีวาอีกครั้ง คุณย่าหยางก็เริ่มยุ่งเตรียมทำบัวลอยไส้งาดำ
เหมยเหมยกลับนอนขี้เกียจอยู่บนเตียง การนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มในวันที่อากาศเหน็บหนาวเป็นสิ่งที่สบายใจที่สุด เธอยื่นมือออกไปลูบคลำข้าง ๆเตียงกลับพบความว่างเปล่า
ไม่รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นไปไหน
เธอกำลังจะเรียกหาแต่เหยียนหมิงซุ่นก็เดินเข้ามาพอดีพร้อมกลิ่นอายสังหาร เหมยเหมยหวาดผวาระคนตัวสั่น และได้สติขึ้นมาทันที
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เหมยเหมยถามขึ้นอย่างเป็นกังวล
เธอเห็นสายตาเย็นชาดุดันของเหยียนหมิงซุ่นก็มั่นใจได้ว่าจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ แถมยังเป็นเรื่องใหญ่เสียด้วย ในใจเธอพลันรู้สึกถึงเรื่องไม่ดีเอามาก ๆ ใจหายวูบดิ่งลงเหว
“ระหว่างทางกลับมาถานซูฟางถูกศัตรูโจมตี คนที่ไปรับเธอบาดเจ็บสาหัสไปสองราย ตายไปหนึ่งราย” เหยียนหมิงซุ่นตอบกลับเสียงเย็นชา ไฟโทสะในใจปะทุขึ้น
เหมยเหมยใจเต้นแรง เหมยเหมยแอบขอพรในใจอย่าให้เรื่องมันแย่ไปกว่าที่เป็นเลย เธอถามอย่างระแวดระวัง “ถานซูฟางเป็นอย่างไรบ้างคะ?”
“ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อช่วยชีวิตแล้ว ตอนนี้ยังไม่รู้ผล” เหยียนหมิงซุ่นพูดพลางเปลี่ยนเสื้อผ้า หันหน้ากลับมาพูดอีกว่า “พี่จะรีบไปชายแดนเดี๋ยวนี้ เธอเป็นเด็กดีอยู่ที่บ้านนะ”
…………………………………………………….