ตอนที่ 1988 ยิ่งซ่อนยิ่งเห็นชัด
พอบรรดาแขกได้ยินคำว่ารอยแผลเป็นก็หูตั้ง แอบร้องเฮในใจว่ามีเรื่องสนุก ๆให้ดูแล้ว
คนที่สมองดีหน่อยเพียงแค่ขบคิดเล็กน้อยไม่นานก็สามารถประติดประต่อเรื่องราวเข้ากับรูปถ่ายของโจวจื่อหัวได้ เจ้าพ่อโจวบอกอย่างชัดเจนว่าชู้รักคนนั้นของเขาสักรูปนกฟินิกซ์ไว้ตรงช่วงไหล่มาถึงช่วงหน้าอกตัวหนึ่งอย่างสวยงาม นอกจากนี้ตรงไหปลาร้ายังมีไฝแดงอีกหนึ่งเม็ด
หลังจากนั้นเฮ่อเหลียนเช่อก็เงียบไปแต่อยู่ ๆก็จัดงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดให้หนิงเฉินเซวียน วันอากาศหนาวเหน็บอย่างนี้เจ้าภาพกลับสวมชุดตัวบางแบบนี้
ความหมายที่แอบแฝงอยู่ขอแค่มีสมองสักนิดก็คิดได้ทั้งนั้น!
มิน่าคุณหนูจ้าวกับคุณชายหมิงถึงร่วมมือกันเล่นงานคุณนายเฮ่อเหลียน!
อู่เยวี่ยก้มมองรอยแผลเป็นที่ตนอุตส่าห์หาทางปกปิดมันด้วยแววตาที่ฉายแววลนลานชั่ววูบ แผลพวกนี้มีมากเกินไป ต่อให้ใช้ยารักษาแผลเป็นที่ดีที่สุดก็ไม่หาย เธอจำใจต้องสักลายนกฟินิกซ์ทับรอยแผลเป็นพวกนี้
แต่ตอนนี้…
อู่เยวี่ยรู้สึกสลดใจ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?
จ้าวเหมยกลายเป็นคนฝีมือฉกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
“คุณหนูจ้าวจะตะโกนเสียงดังทำไม พวกนี้แค่แผลน้ำร้อนลวกเท่านั้นเอง สมัยที่เรียนต่างประเทศเมื่อไม่กี่ปีก่อน เพราะต้องทำงานหาค่าเทอมที่ร้านอาหารเลยโดนน้ำซุปร้อนลวกใส่โดยไม่ทันระวังตัวถึงได้มีสภาพน่ารังเกียจอย่างตอนนี้ ถ้าคุณจ้าวรู้สึกไม่สวยก็อย่ามองเถอะ”
ไม่นานอู่เยวี่ยก็ได้ทำการตอบโต้แถมยังรักษาภาพลักษณ์อันดีให้ตัวเองอย่างไม่มีวันตาย ช่างฉลาดเสียจริง
เหมยเหมยอมยิ้มน้อย ๆ “ที่แท้ก็แผลโดนน้ำร้อนลวกนี่เอง เมื่อกี้เห็นฉันคิดว่าโดนอะไรกรีดมาซะอีก อย่างเช่นกรีดเอาลายดอกไม้เอยดอกหญ้าเอยนกเอยปลาเอยอะไรเทือกนี้ออกไปจากบนผิวหนัง”
อู่เยวี่ยอดประชดไม่ได้ “จ้าวเหมยเธอไม่มีความรู้ก็อ่านหนังสือเยอะ ๆหน่อย ลบรอยสักใช้เลเซอร์ในการลบ กรีดบ้าบออะไรกัน!”
“ที่แท้ลบรอยสักใช้แสงเลเซอร์เองหรอกเหรอ ฉันคิดว่าใช้มีดกรีดเอาชั้นผิวหนังที่โดนสักทิ้งซะอีก ได้ความรู้ใหม่แล้วจริง ๆ โอหยางซานซานเธอรู้เยอะจัง เธอเคยลบมาหรือเปล่า?”
เหมยเหมยทำหน้าเกินจริงพร้อมการแสดงท่าทางเกินจริงซึ่งใคร ๆก็ดูออกว่าเธอกำลังปั่นหัวอยู่ ในตอนนี้อู่เยวี่ยเพิ่งรู้สึกตัวจึงลอบด่าอีกฝ่ายในใจ โดนวางกับดักเข้าเสียได้
“ฉันจะเคยลบรอยสักได้อย่างไรกัน ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายต้องขอตัวก่อนล่ะ”
อู่เยวี่ยตีหน้านิ่งเลิกชายกระโปรงขึ้นกลับเข้าห้องไป คราวนี้เหมยเหมยไม่ได้ห้ามเธอไว้ในเมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วนี่นา!
เชื่อว่าแขกในที่นี้ทุกคน ตอนนี้คงรู้แล้วว่าความจริงคืออะไร
“คุณชายเช่อ วันนี้ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ไว้กลับไปฉันจะให้คนเอาโสมป่าอายุห้าสิบปีมาให้เป็นการไถ่โทษ ขอให้คุณนายกับลูกสุขภาพแข็งแรงปลอดภัยนะ!” เหยียนหมิงซุ่นถ่อมตัว ต่อให้เฮ่อเหลียนเช่อจะมีไฟโทสะสุมอยู่เต็มอกก็ไม่อาจระบายออกมาได้ ทำได้เพียงเก็บอัดอั้นไว้อย่างนั้น
“ไม่จำเป็น บ้านฉันขาดแคลนโสมป่าซะเมื่อไร”
เสียงพูดเล็ดลอดไรฟัน เฮ่อเหลียนเช่อใช้สายตาดุดันมองมายังสองคนนี้ เขาเสียแรงวางแผนมาตั้งนานแต่ดันถูกสองคนนี้ทำลายจนไม่เหลือสภาพ
“พี่ คุณชายเช่อมีกิจการใหญ่โตทั้งเป็นคนใจกว้าง คงไม่ถือสาเราหรอก เรารีบไปทานข้าวกันเถอะ หิวจนท้องแฟบไปหมดแล้ว”
เหมยเหมยเสียดายโสมป่าแม้จะเป็นเพียงโสมอายุห้าสิบปีและไม่ใช่ของหายาก ในเมื่อมีคุณชายฉิวผู้มากความสามารถอยู่ ต่อให้เป็นโสมอายุห้าร้อยปีก็ไม่ใช่ปัญหา แต่เธอไม่อยากให้คนแพศยาอู่เยวี่ย ยอมป้อนให้หมากินยังจะดีเสียกว่า
“ตัวแสบ!”
เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยอย่างรักใคร่แล้วยิ้มให้เฮ่อเหลียนเช่อที่ทำสีหน้าถมึงทึง “ในเมื่อคุณชายเช่อไม่ถูกใจ งั้นฉันทำตามความต้องการของคุณแต่โดยดีแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะส่งแตงโมมาให้หนึ่งคันรถ คุณนายอารมณ์ฉุนเฉียวจะไม่ดีกับเด็กในท้อง ทานแตงโมช่วยดับไฟหน่อยแล้วกันนะ”
“แกเก็บไว้ทานเอง…”
เฮ่อเหลียนเช่อยังไม่ทันพูดจบเหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยกลับเดินหนีไปไกลเสียแล้ว เสียงของเขาจึงลอยหายไปตามสายลม…
ให้ตายเถอะ!
……………………….
ตอนที่ 1989 ของขวัญวันเกิดที่เตรียมไว้อย่างดี
หลังจากหนิงเฉินเซวียนรับแขกเสร็จก็รู้เรื่องที่เหมยเหมยทำกับอู่เยวี่ยจากลูกน้องจนสีหน้าถมึงทึงในฉับพลัน แม้ภายหลังได้พยายามเค้นรอยยิ้มแล้วแต่เพราะอารมณ์ไม่ดีเลยยิ้มได้ค่อนข้างน่าสะพรึงพอสมควร
บวกกับมีเจ้าคนที่เกรงว่าโลกนี้ยังป่วนไม่พออย่างเฮ่อเหลียนชิง หากอยู่ว่าง ๆก็ก่อเรื่องได้ ตอนนี้เปิดฉากได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ฉะนั้นเขาจะไม่ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ได้อย่างไร
เฮ่อเหลียนชิงออกตัวขอนั่งร่วมโต๊ะเจ้าของวันเกิดด้วยตัวเองด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นเพื่อนกับเจ้าของวันเกิดมาหลายปีเลยต้องนั่งด้วยกัน แบบนี้จะได้แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของพวกเขา
“ตาแก่หนิง ฉันให้เกียรติแกมากเลยนะที่หาเวลาว่างมาร่วมแสดงความยินดีกับแก ของขวัญวันเกิดฉันใช้เวลาตั้งสองเดือนกว่าจะได้มา เสียแรงไม่น้อยเชียว!”
เฮ่อเหลียนชิงยิ้มร่าหน้าสดใส ต่างไปจากหนิงเฉินเซวียนที่สีหน้าบึ้งตึงอารมณ์ไม่ดีจะแย่อยู่แล้ว
ตอนนี้เขาเห็นลูกสะใภ้จ้าวเหมยเข้าตาขึ้นเรื่อย ๆ ช่างถูกใจคนแก่อย่างเขาเหลือเกิน!
เหยียนหมิงซุ่นแววตาใช้ได้ ทั้งยังมีความแน่วแน่มั่นคงไม่ได้เปลี่ยนใจภายใต้คำขู่เข็ญจากเขา ไม่เลว ไม่เลวจริง ๆ
อนาคตลูกของสองคนนี้คงฉลาดซุกซนไม่เบา เห็นทีคงน่าสนุกยิ่งกว่าต้าหวงที่อ้วนขึ้นเรื่อย ๆตัวนั้นแน่ เฮ่อเหลียนชิงเริ่มจินตนาการถึงชีวิตอนาคตที่หยอกแมวเล่นกับหลานอย่างมีความสุข ใบหน้ายิ้มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
สีหน้าของหนิงเฉินเซวียนตรงกันข้ามกับเฮ่อเหลียนชิงอย่างเห็นได้ชัด หน้าบูดเสียยิ่งกว่าอะไร เขามองเฮ่อเหลียนชิงอย่างนึกแค้นใจก่อนจะโต้กลับอย่างไม่เกรงใจ “ฉันไม่ได้ต้องการให้แกมา ไม่ได้ส่งบัตรเชิญไปให้แกด้วยซ้ำ แกจะกลับเมื่อไรก็เชิญ”
แขกร่วมโต๊ะคนอื่น ๆส่วนมากเป็นเจ้าพ่อประจำเมืองหลวงและสถานะไม่ต่ำต้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พวกเขาไม่ได้เกรงกลัวหนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนชิงเหมือนคนอื่น ๆแต่กลับทานข้าวไปพลางยิ้มแย้มดูเรื่องสนุก ๆไป
“เหล่าหนิงอย่าโมโหไป อายุปูนนี้แล้วเราจะยังมีชีวิตดี ๆอีกสักกี่ปีเชียว เรื่องอดีตก็อย่าไปคิดถึงมันเลย ถือซะว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เราดื่มด่ำกับชีวิตบั้นปลายอันน้อยนิดนี้อย่างมีความสุขกันเถอะ!” มีคนพูดโน้มน้าว
คนอื่น ๆต่างพยักหน้าเห็นด้วย กว่าครึ่งชีวิตที่เอาแต่ลำบากต่อสู้เพื่อการปฏิวัติ ชีวิตบั้นปลายนี้ควรได้เสวยสุขสักทีแล้ว
เฮ่อเหลียนชิงตบโต๊ะทีหนึ่งพลางกล่าว “ฉันเป็นคนใจกว้าง เรื่องในอดีตก็ลืมเลือนไปบ้างแล้ว พวกแกดูตาแก่หนิงสิใจแคบเหลือเกินไม่ส่งบัตรเชิญมาให้ฉัน ฉันไม่ถือสามันถึงได้หน้าด้านมาร่วมงานด้วย ไหนจะเอาของขวัญวันเกิดที่อุตส่าห์เตรียมไว้ดิบดีมาด้วย ทำฉันเสียแรงไม่น้อยเชียว”
เขาเอ่ยถึงของขวัญวันเกิดเป็นครั้งที่สอง คนอื่น ๆอยากจะเพิกเฉยยังทำไม่ได้ ในเมื่อไม่ใช่คนหูตึงสักหน่อย
แต่คนพวกนี้รู้กันดีว่าเฮ่อเหลียนชิงจะใจกว้างขนาดนั้นได้อย่างไร?
ทั่วทั้งเมืองหลวงแทบจะหาคนใจแคบเท่าเขาไม่ได้อีกแล้ว เจ้าคิดเจ้าแค้นยิ่งกว่าผู้หญิง คนแบบนี้จะเตรียมของขวัญดี ๆอะไรไว้ได้กันล่ะ?
พวกเขาไม่อยากซวยไปด้วยหรอกนะ
“แกนี่ใส่ใจดีจังนะ รีบทานข้าว กับข้าวพวกนี้รสชาติดีไม่หยอก ฝีมือดีจริง ๆ” มีคนพูดกลบเกลื่อน
หนิงเฉินเซวียนจุดยิ้มจาง ๆ “ทุกอย่างอาเช่อเป็นคนเตรียมเองเลย เหมือนว่าจะเป็นเชฟที่เชิญมาจากโรงแรมเมืองหลวง วัตถุดิบก็ใช้เครื่องบินส่งมา ทุกคนทานได้ตามสบายเลยนะ รับรองว่าสดแน่นอน”
“อาเช่อช่างกตัญญูเสียจริง เป็นบุญของเหล่าหนิงละ!”
……
คนอื่น ๆก็พูดเอาใจคล้อยตามด้วยบางส่วน ล้วนมีแต่คำชมเฮ่อเหลียนเช่อกตัญญูนับเป็นบุญของหนิงเฉินเซวียน นี่จึงทำให้หนิงเฉินเซวียนอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย บรรยากาศก็ดีขึ้นตามลำดับ แต่เฮ่อเหลียนชิงกลับอารมณ์ไม่ดีแทน
ลูกชายกตัญญูที่ทุกคนเอ่ยถึงเดิมทีควรเป็นของเขา!
ตอนนี้กลับถูกไอ้สารเลวนี่แย่งไป!
เขาแค่นหัวเราะทีหนึ่งแล้วพูดเสียงดัง “ตาแก่หนิง ฉันยังไม่ได้เอาของขวัญวันเกิดให้แกสินะ งั้นก็ให้ซะตอนนี้เลย เสี่ยวเมิ่ง เอาของขวัญวันเกิดที่ฉันใช้เวลาสองเดือนกว่าจะหาเจอมาให้หน่อย ระวังหน่อยนะ เจ้าเขียวขี้กลัว อย่าทำให้มันตกใจล่ะ…”
เฮ่อเหลียนชิงจู้จี้ไม่หยุด เสี่ยวเมิ่งหน้าเรียบนิ่งแต่ตัวกลับแข็งทื่อรักษาท่าทีที่พร้อมจะถอนตัวกลับตลอดเวลา
………………………