ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น – บทที่ 2008 ไม่อยากมีลูก + ตอนที่ 2009 ผู้สมรู้ร่วมคิดที่เสียใจในภายหลัง

บทที่ 2008 ไม่อยากมีลูก + ตอนที่ 2009 ผู้สมรู้ร่วมคิดที่เสียใจในภายหลัง

ตอนที่ 2008 ไม่อยากมีลูก

เฮ่อเหลียนชิงตกอกตกใจยกใหญ่กับคำพูดของเหยียนหมิงซุ่น ทำหน้าสงสัย “ผู้เชี่ยวชาญเคยพูดอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ? แกอย่าคิดว่าฉันไม่เคยมีลูกแล้วจะไม่เข้าใจนะ!”

เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “หากพ่อไม่เชื่อก็ไปถามผู้เชี่ยวชาญด้วยตัวเองได้เลยครับ”

เฮ่อเหลียนชิงยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “ผู้หญิงสมัยก่อนอายุสิบหกสิบเจ็ดก็มีลูกกันแล้วไม่ใช่เหรอ คลอดลูกเจ็ดแปดคนก็ไม่มีปัญหาอะไร พอมาถึงรุ่นแกอายุยี่สิบก็คลอดลูกไม่ได้แล้วเหรอ?”

พูดไปสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปดูไม่ได้อีกครั้ง สีหน้าไม่ค่อยดีนัก เขาชี้ไปที่เหมยเหมยแล้วก่นด่าว่า “ต้องเป็นเธอที่ไม่อยากมีลูกแน่ ๆ แกตั้งใจหลอกฉันแทนหล่อนใช่ไหม จะต้องเป็นแบบนี้แน่ ๆเลย”

เฮ่อเหลียนชิงมองเหมยเหมยที่หดศีรษะหลบอยู่หลังเหยียนหมิงซุ่น เขาโมโหขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุจึงสบถด่าว่า “หลบอยู่หลังผู้ชายทำไม? ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”

เหมยเหมยตัวสั่นอีกครั้ง เธอไม่ได้โง่ถึงขนาดที่จะวิ่งออกมาให้โดนด่า เธองุดหน้าลงไม่พูดไม่จาทำหูทวนลมไป

เหยียนหมิงซุ่นจ้องไปที่เฮ่อเหลียนชิงอย่างไม่พอใจ “ผมก็บอกแล้วว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเหมยเหมย ถ้าหากพ่อยังว่าภรรยาของผมอีกก็อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจนะครับ”

“หน็อยแน่ แกยังคิดจะไม่เกรงใจฉันด้วยเหรอ? แล้วแกคิดจะไม่เกรงใจฉันด้วยวิธีไหนล่ะ ปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม?” เฮ่อเหลียนชิงหัวเราะแทนที่จะโกรธ เมื่อตระหนักว่าอำนาจของเขากำลังถูกท้าทาย สายตาที่มองเหยียนหมิงซุ่นจึงเปลี่ยนเป็นดุดันเย็นชา

ท่าทางของเหยียนหมิงซุ่นยังคงดูเคารพนบน้อมเหมือนเดิมแต่น้ำเสียงกลับเย็นชาขึ้น “ไม่กล้าหรอกครับ พ่อจะเป็นพ่อบุญธรรมของผมตลอดไป แต่บางเรื่องก็ได้โปรดพ่ออย่าบังคับผมเลย”

“แค่ให้แกมีลูกมันเป็นการบังคับแกอย่างไร? หรือว่าชีวิตนี้แกจะไม่มีลูกงั้นเหรอ?”

“แน่นอนว่าไม่ใช่แบบนั้น เพียงแต่ว่าตอนนี้ผมยังไม่อยากมีเพราะอยากดื่มด่ำกับเวลาของเราสองคนก่อน ผมเลยไม่อยากมีลูกมารบกวนเราสองคนครับ” เหยียนหมิงซุ่นถือโอกาสบอกความจริง

เหมยเหมยกลับนึกว่าเหยียนหมิงซุ่นพูดแบบนี้เพราะตั้งใจจะช่วยเธอพลันนึกซาบซึ้งใจ ในใจอบอวลไปด้วยความอบอุ่น

เฮ่อเหลียนชิงโกรธจนขนหัวลุก กล่าวด้วยน้ำเสียงแหลมสูงขึ้นกว่าเดิม “อะไรที่เรียกว่าอยากดื่มด่ำกับเวลาของเราสองคนก่อนเหรอ หากทุกคนเห็นแก่ตัวเหมือนแก แล้วสังคมนี้จะดำเนินต่อไปได้อย่างไร?”

เหยียนหมิงซุ่นกลอกตาใส่แล้วพูดเปิดโปงเขาว่า “พ่อไม่จำเป็นต้องพูดให้ดูน่าฟังหรอก วันนี้พ่อก็แค่โดนยุแหย่มาถึงให้ผมและเหมยเหมยมีลูกกันไม่ใช่เหรอครับ วันข้างหน้าลูกของผมจะเกิดมาภายใต้เงื่อนไขของความรักเท่านั้น แต่ไม่ใช่เพราะมาจากความโกรธของพ่อบุญธรรมแน่นอน”

นอกจากเรื่องที่เขาไม่สามารถมีลูกได้ในตอนนี้ นี่ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เขาปฏิเสธเช่นกัน

เขาและศัตรูโกรธแค้นกัน หากให้เอาลูกของเขามาเป็นเดิมพัน เขาจะเห็นด้วยได้อย่างไร?

พอโดนพูดจี้ใจดำเฮ่อเหลียนชิงก็รู้สึกผิดเล็กน้อย การแสดงออกบนใบหน้าของเขาดูไม่เป็นธรรมชาตินัก “พูดเหลวไหล ฉันไปโมโหตั้งแต่เมื่อไรกัน ฉันก็แค่อยากอุ้มหลานชาย ถึงอย่างไรก็อย่าเอาข้ออ้างที่ว่าอายุยังน้อยเกินไปจะทำให้ลูกพิการได้มาหลอกฉันเลย สายเลือดที่เละเทะของตระกูลตาแก่หนิงยังสามารถให้กำเนิดเด็กที่ดีเช่นนั้นได้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกกับเหมยเหมยจะมีลูกที่แข็งแร็งกว่าไม่ได้?”

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ทำไมพ่อถึงแน่ใจว่าหลานชายของหนิงเฉินเซวียนปกติดีนักล่ะครับ?”

เฮ่อเหลียนชิงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะแสดงท่าทีดีใจ

“นี่แกหมายความว่าไง? หรือว่าเด็กคนนั้นไม่ปกติเหรอ?” เฮ่อเหลียนชิงไม่ปกปิดความปิติยินดีของตัวเองเลยสักนิด

เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้า “เด็กคนนั้นตาบอดตั้งแต่เกิดและยังมีปัญหาอื่นอีก แต่ตอนนี้ผมยังตามสืบไม่พบ”

“ฮ่า ๆ…พระเจ้าช่างมีตาจริง ๆ!”

เฮ่อเหลียนชิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งราวกับเสียสติไปแล้วเป็นเวลาห้านาทีเต็ม ๆถึงจะหยุด เขาปาดน้ำตาที่หางตาของเขาพร้อมพูดกับเหยียนหมิงซุ่นว่า “จัดการเพิ่มคนไปตามสืบมา ฉันต้องการรู้ข่าวนี้โดยเร็วที่สุด”

เฮ่อเหลียนชิงที่รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก็ไม่สนใจประเด็นที่จะให้เหมยเหมยมีลูกอีก เขาโบกมืออย่างอดรนทนไม่ไหวรีบให้เหยียนหมิงซุ่นไปตามสืบมา เขายังให้เสี่ยวเมิ่งไปสั่งห้องครัวเพิ่มอาหารให้เขาเป็นพิเศษด้วย อารมณ์ดีก็ต้องกินให้มากขึ้นหน่อยสิ

เหมยเหมยลอบพรูลมหายใจ ถือว่าไม่เพ่งเล็งมาที่ท้องของเธอแล้ว

…………………………………………..

ตอนที่ 2009 ผู้สมรู้ร่วมคิดที่เสียใจในภายหลัง

ณ คฤหาสน์ตระกูลหนิง

อู่เยวี่ยรีบอุ้มเด็กกลับมาที่ห้อง เด็กดูเหมือนทุกข์ทรมานมาก ใบหน้าที่งดงามบิดเบี้ยวดูท่าทางแปลกเล็กน้อย แต่ต่อให้ทรมานแค่ไหนเด็กก็ไม่เปล่งเสียงร้องออกมา เขาทำแค่เพียงส่งเสียงครางเล็กน้อย

“อย่างอแงเลยนะ เดี๋ยวแม่จะให้กินนมเดี๋ยวนี้แหละ”

อู่เยวี่ยมองดูลูกชายที่เธอพยายามอย่างหนักในการให้กำเนิดแต่กลับปราศจากความรู้สึกใกล้ชิดใด ๆ หล่อนแค่รู้สึกปวดใจและหวาดกลัวอยู่บ้าง

“ฮืม ๆ…”

เด็กน้อยยังคงบิดตัวไปมาไม่หยุดและเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆจนถึงขนาดชักกระตุก หมอเกาตกใจมากจึงรีบวิ่งไปอุ้มเด็กน้อยมาปฐมพยาบาลอย่างเร่งด่วน

ด้วยความพยายามของหมอเกาในที่สุดเด็กก็หายแล้วกลับมาสงบลงอีกครั้ง แต่สีหน้ากลับยังดูเจ็บปวดอยู่มาก

“พวกเราจะทำแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ไม่งั้นเด็กคนนี้จะตายได้นะ” หมอเกาขอร้องอย่างขมขื่น เขาไม่ใช่คนโหดร้ายอะไร หมอเป็นผู้มีใจเมตตา เขามีความสุขกับความสำเร็จในการช่วยชีวิตคน แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยทำร้ายใครเลย

แต่เพราะการหลอกล่อของอู่เยวี่ยจึงทำให้เขาทำความชั่วครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก้าวเท้าลงเหวไปแล้วเลยไม่สามารถถอนตัวได้

แต่พอเห็นเด็กน้อยเจ็บปวดขนาดนี้ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของหมอเกาก็ได้รับความทุกข์ทรมานทุกวัน ฝันร้ายทุกคืนและมีชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น

อู่เยวี่ยแค่นเสียงเย็นชาแล้วกระชากเด็กกลับมา เธอปลดเสื้อผ้าต่อหน้าหมอเกาแล้วยัดหัวนมที่บวมเป่งเข้าปากลูก มันแปลกมากเพราะทันทีที่เด็กกินนมก็เงียบลงทันที พลันกลับกลายมาเป็นภาพที่งดงามดั่งเดิม

เด็กกำหมัดเล็ก ๆไว้แน่นพร้อมดูดนมเสียงดังจ๊วบจ๊าบ เหงื่อเม็ดเล็ก ๆบนหน้าผากของเขาช่างเป็นภาพที่สวยงามนัก ต่อให้คนที่มีจิตใจโหดเหี้ยมได้เห็นภาพนี้ก็ต้องใจอ่อนยวบจนละลายเป็นน้ำ

อารมณ์ของอู่เยวี่ยก็ดีขึ้นมากพลันปรากฏรอยยิ้มของคนเป็นแม่แต่งแต้มบนใบหน้าของเธอ เธอใช้นิ้วลูบไล้ใบหน้าอันบอบบางของเด็กเบา ๆ “เสี่ยวเป่าเป็นเด็กดีนะ กินนมเยอะจะได้โตเร็ว ๆ เติบโตเป็นผู้ชายที่ดีในอนาคตและสามารถปกป้องแม่ได้”

อารมณ์ของหมอเกาสงบลงมาแล้ว แต่ยังมีความเจ็บปวดในดวงตาของเขาอยู่ เพราะเขารู้ว่านี่เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น

เมื่อเวลาผ่านไปเด็กจะเจ็บปวดขึ้นเรื่อย ๆจนถึงตายได้

สิ่งนี้เป็นผลพวงที่เขาและอู่เยวี่ยสร้างกันขึ้นมา มันเป็นบาปกรรมที่เขาสร้างขึ้นมาเอง!

“คุณนาย ผมขอร้องคุณล่ะ ปล่อยเด็กคนนี้ไปได้ไหม? ผมจะช่วยคุณคิดหาวิธีอื่นเอง” หมอเกาวิงวอนจากใจจริง

อู่เยวี่ยสีหน้าดุดันขึ้นแล้วมองเขาอย่างดูถูก “สมองหมูอย่างนายจะคิดอะไรดี ๆได้? ถ้าฉันไม่ใจร้ายสักหน่อย งั้นสิ่งที่อยู่ตรงหน้านายตอนนี้ก็คงเป็นศพของฉันแล้ว ฉันจะบอกนายให้นะว่าฉันจะทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดของฉัน”

เสียงของเธอเหมือนดังแว่วมาจากนรกก็ไม่ปาน อึมครึมน่ากลัวมาก สีหน้าท่าทางของอู่เยวี่ยก็ดูเย็นชาขึ้น นัยน์ตาปล่อยความบ้าคลั่งออกมา

เธอเคยไปนรกมารอบหนึ่งแล้ว และเธอจะไม่ไปอีกเป็นครั้งที่สอง

เพื่อความอยู่รอด เพื่อการแก้แค้น เธอสามารถเสียสละได้ทุกอย่างซึ่งรวมถึงเด็กคนนี้ด้วย!

หมอเกาถึงกับผงะตกใจ เสียวสันหลังวาบ หัวใจจมดิ่งสู่ก้นบึ้ง ในเวลานี้เขาถึงได้รู้จักธาตุแท้ของอู่เยวี่ยพลันนึกเสียใจเหลือเกิน

ทำไมตอนนั้นเขาถึงโดนอู่เยวี่ยหลอกล่อได้นะ?

ตอนนี้ลงเรือลำเดียวกันแล้วคงหนีไม่พ้น เขาจึงทำได้แค่บ้าไปตามอู่เยวี่ย แต่จะมีสักวันที่เขาจะได้ปีนขึ้นฝั่งไหมนะ?

เฮ่อเหลียนเช่อเป็นห่วงเจ้าตัวน้อย หลังจากจัดการกับแขกเรียบร้อยแล้วจึงรีบกลับมาดู พอเห็นเด็กกินนมแม่อยู่ในอ้อมแขนของอู่เยวี่ยก็รู้สึกเบาใจและสบายใจขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังคงรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ดี

“ให้แม่นมที่หาได้เมื่อวานมาป้อนนมเสี่ยวเป่า” เฮ่อเหลียนเช่อสั่งลูกน้อง

…………………………………………..

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

จุดจบที่ความตาย กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นบันดาลให้เธอได้ย้อนกลับไปในปี 1985

เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างตัวเองวัย 12 ปี!

เมื่อได้รับชีวิตที่เหมือนได้เกิดใหม่คราวนี้ เธอจึงตัดสินใจลิขิตชะตาด้วยสองเป้าหมาย…

หนึ่ง… มีชีวิตอย่างอิสรเสรี ไม่สนใจสายตาใคร และไม่รับความรักอันน้อยนิดที่ญาติมิตรมีให้

สอง… แก้แค้น สิ่งที่พี่สาวกับอดีตคนรักติดค้างไว้ เธอจะต้องเอาคืนให้หมดในชาตินี้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท