ตอนที่ 2131 ถูกหลอกอีกแล้ว
พอเหมยเหมยรู้ว่าอู่เยวี่ยถูกจับกลับมาแล้วก็พลันนึกโล่งใจ แต่เพียงไม่นานก็รู้สึกกังวล
“คราวนี้เฮ่อเหลียนเช่อคงไม่ปล่อยเธอหนีไปอีกใช่ไหม?”
เหยียนหมิงซุ่นเห็นท่าทีตึงเครียดของเธอ ก็อดขำไม่ได้ “วางใจเถอะ เฮ่อเหลียนเช่อแทบจะกินอู่เยวี่ยทั้งเป็นอยู่แล้ว จะปล่อยเธอไปได้ยังไง ตอนนี้คงจะทรมานอู่เยวี่ยอยู่แน่นอน!”
“งั้นก็ดี ผู้หญิงชั้นต่ำยิ่งกว่าเดรัจฉาน ต่อให้ใช้ทัณฑ์หลิงฉือ[1]บั่นเอวทิ้งก็คงไม่หายโมโห ไม่มีความเป็นคนเลยสักนิด…” เหมยเหมยด่าทออย่างเคียดแค้น แค่เธอนึกถึงเสี่ยวเป่าที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินเพียงลำพัง ไฟโทสะก็ยิ่งปะทุสูงขึ้น ซ้ำยังนึกอยากกินอู่เยวี่ยทั้งเป็น
เจ้าบ้าเฮ่อเหลียนเช่อรักเสี่ยวเป่ามากยิ่งกว่าเดิม ดูท่าคงไม่ปล่อยยัยชั่วนั่นไปแน่ ๆ ครั้งนี้คงถึงคราวตายของอู่เยวี่ยแล้วจริง ๆ!
“แล้วเหยียนหมิงต๋าเป็นอย่างไรบ้าง? เฮ่อเหลียนเช่อยอมปล่อยเขาไปไหม?” เหมยเหมยนึกว่าไอ้คนวิปริตจอมใจแคบนั่นไม่มีทางปล่อยเหยียนหมิงต๋าไปแน่นอน แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นมีความเคลื่อนไหวอะไรจึงรู้สึกแปลกใจมาก!
เหยียนหมิงซุ่นเล่าเรื่องเดิมพันระหว่างเขากับเฮ่อเหลียนเช่อพร้อมแกะกุ้งมังกรน้อยให้เธอกินไปพลาง เจ้าพวกนี้แพร่พันธุ์ได้รวดเร็วนัก เมื่อปีก่อนเขาโยนพวกมันลงไปในสระหลังบ้านเพียงแค่ไม่กี่ตัว คิดไม่ถึงว่าปีนี้มันจะกลายเป็นหายนะไปเสียได้
ถ้าไม่ใช่เพราะไม่กี่วันก่อนฝนตกหนักจนกุ้งมังกรน้อยในบ่อปีนขึ้นมาเกลื่อนกลาดเต็มไปทั่วบริเวณนั้น เขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสระน้ำในบ้านของตนเองได้กลายเป็นโลกของกุ้งมังกรน้อยไปแล้ว!
สระบัวในบ้านก็ไม่ใช่เล็ก ๆ ลุงเหลาแค่งมหามาลวก ๆกับข้าวมื้อนั้นก็ตั้งเต็มโต๊ะแล้ว คาดว่าคงเพียงพอที่จะบริการให้ยัยปีศาจน้อยไปได้อีกครึ่งค่อนเดือนเชียวล่ะ
เหยียนหมิงซุ่นปวดขมับแต่เหมยเหมยกลับดีใจยกใหญ่ พูดสวยหรูว่าไม่ควรทำให้เสียของโดยเปล่าประโยชน์จึงให้ป้าฟางทำผัดเผ็ดกุ้งมังกรน้อยแทบทุกวัน เธอกินอย่างชอบใจทั้งยังลากฉิวฉิวมากินด้วยอีกต่างหาก ทั้งคนทั้งกระรอกกินอย่างเอร็ดอร่อย
ช่วงนี้ลุงเหลาป้าฟางคู่สามีภรรยาก็ถูกเหมยเหมยชักจูงไปด้วยจนทานหมดชามใหญ่ทุกวัน แม้แต่เขาที่ไม่ได้รู้สึกชื่นชอบกินกุ้งมังกรน้อยสักเท่าไรนักยังติดชอบทานไปด้วยจนต้องทานตามกันไป
ส่วนเมื่อก่อนที่เขาเคยตั้งกฎไว้ว่าในหนึ่งเดือนจะทานกุ้งมังกรน้อยได้แค่สามมื้อเท่านั้น โดยหนึ่งมื้อจะต้องไม่เกินหนึ่งกิโล แต่นั่นก็ถูกลืมไปตั้งนานแล้วและไม่มีใครเอ่ยถึงอีก!
เหยียนหมิงซุ่นนำเนื้อกุ้งมังกรน้อยที่แกะเสร็จแล้วแกว่งไปมาข้างมุมปากของเหมยเหมยอย่างยียวน จากนั้นก็ยิ้มแล้วส่งเข้าปากตัวเองไป หลังจากที่กินเจ้าสิ่งนี้มาหลายครั้งก็ถือว่ารสชาติไม่เลวเลย ตอนนี้เขาเริ่มที่จะเชื่อคำพูดของยัยปีศาจน้อยขึ้นมาแล้วว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเจ้ากุ้งมังกรน้อยพวกนี้คงถูกจับกินจนสูญพันธุ์ได้!
“ไอ้บ้า…”
เหมยเหมยโมโหจนต้องฟาดมือลงบนหลังมือของเหยียนหมิงซุ่นอย่างแรง จากนั้นก็หยิบอีกตัวหนึ่งขึ้นมาแกะ ฉิวฉิวที่อยู่ข้าง ๆมีภูเขาขนาดย่อมกองอยู่ตรงหน้านานแล้ว เขี้ยวของคุณชายฉิวแหลมคมมาก แกะได้ว่องไวเสียยิ่งกว่าเหยียนหมิงซุ่น แวบเดียวก็แกะมาได้ตัวหนึ่งแล้ว!
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะร่าพลางแกะอีกหนึ่งตัวและป้อนเหมยเหมยที่กำลังโมโหอยู่ นั่นจึงทำให้เธอยิ้มได้ จากนั้นจึงหันมาสนใจน้องชายหน้าโง่อย่างเหยียนหมิงต๋าต่อ!
“คนอย่างเหยียนหมิงต๋าจะเป็นคู่ปรับของเฮ่อเหลียนเช่อได้เหรอ? เธอลองพนันดูสิว่าครั้งนี้เหยียนหมิงต๋าจะรอดไหม?” เหมยเหมยรู้สึกแปลกใจต่อความคิดของเหยียนหมิงซุ่นมาก ทำไมถึงได้ผลักน้องชายตัวเองเข้าไปในเตาไฟอย่างนั้นล่ะ!
“ปีนี้ทั้งปีให้เหยียนหมิงต๋าไปอยู่ในหุบเขาลึก เขาจำเป็นต้องขังตัวสำนึกผิด คิดได้เมื่อไรค่อยออกมา”
เหยียนหมิงซุ่นวางแผนไว้อยู่แล้ว เหยียนหมิงต๋าอยู่ในกองทัพอีกต่อไปไม่ได้จึงเตรียมที่จะส่งเขาไปอยู่ในป่ารกร้างห่างไกลผู้คน ให้เขาได้อยู่เงียบ ๆและขบคิดสักปี ไม่มีไฟฟ้าไม่มีอินเทอร์เน็ตไม่มีโทรศัพท์ อยากรู้เหมือนกันว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะตามหาเหยียนหมิงต๋าเจอได้อย่างไร!
เหมยเหมยเข้าใจความหมายของเขาในทันทีจึงยกนิ้วโป้งให้เขา ผู้ชายของเธอช่างเยี่ยมจริง ๆ เฮ่อเหียนเช่อหน้าโง่นั่นโดนหลอกอีกแล้ว!
ในท่าทีสงบนิ่งของเหยียนหมิงซุ่นนั้นมีความพึงพอใจซุกซ่อนไว้อยู่ เขาชื่นชอบการได้รับคำชมจากภรรยาเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าถ้าเปลี่ยนสถานที่มันคงดีกว่านี้
“รีบกินเถอะ…กินเยอะ ๆล่ะ!”
เหยียนหมิงซุ่นดูขยันขันแข็งขึ้นมา รีบกินจะได้รีบเข้าห้องจัดการธุระไงล่ะ!
เหมยเหมยมองค้อนใส่แล้วบังเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นจึงยื่นเท้าออกไปเหยียบมั่วซั้วเรื่อยเปื่อย และไม่รู้ด้วยว่าเหยียบโดนส่วนไหนเข้า เหยียนหมิงซุ่นตัวแข็งทื่อทันที แววตาก็หม่นลงส่อแววอันตราย
“…เธอกำลังจุดประกายไฟอยู่นะ ที่รัก…อีกเดี๋ยวค่อยกินนะ!”
เหยียนหมิงซุ่นอุ้มเหมยเหมยขึ้นมอบกุ้งมังกรน้อยชามใหญ่เป็นรางวัลให้กับฉิวฉิว แล้วพุ่งตรงไปที่ห้องนอนอย่างอดใจไม่ไหว…
…………………………………………………………
ตอนที่ 2132 แบบสรีระ(มนุษย์)
อู่เยวี่ยถูกจับตัวได้แล้ว เหยียนหมิงต๋าเองก็ถูกส่งตัวไปเป็นนักพรตในเขตป่าลึก เรื่องน่ารำคาญใจถูกคลี่คลายลงไปเกือบหมดแล้ว เหมยเหมยจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก รวมถึงการที่มีกุ้งมังกรน้อยให้กินทุกวันไม่มีหมดยิ่งทำให้อารมณ์ดีมากขึ้นไปอีก!
แต่ในช่วงเวลานี้เธอรู้สึกว่ามีเรื่องบางอย่างที่เธอลืมเลือนไปแต่กลับนึกไม่ออก หลายครั้งที่ลอยแวบเข้ามาในหัวแต่ก็จับไว้ไม่ได้สักที
“เธอเป็นอะไรไป ดูใจลอยจัง คงไม่ใช่เพราะเมื่อคืนถูกผู้ชายของเธอจัดซะอ่วมหรอกนะ?”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนขยิบตาส่งให้เหมยเหมยอย่างมีเลศนัยด้วยเจตนาร้าย
ช่วงนี้เธอปลดปล่อยตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกมื้ออาหารต้องมีเนื้อสัตว์ ไม่มีเนื้อสัตว์ก็จะไม่มีความสุข ร่างกายก็พลันอวบอิ่มขึ้นทุกวัน หน้าตามีราศีราวกับจักรพรรดินีเจิ้งกง ผิวพรรณเปล่งปลั่ง แค่ดูก็รู้ว่าเป็นคนอ้วนที่มีความสุข
“ปากของหมาคายงาช้างออกมา[2]ไม่ได้จริง ๆ…รีบกินข้าวไปเลย!” เหมยเหมยจ้องเธอเขม็งอย่างโมโห
ระยะนี้แม่สาวอ้วนนี่เริ่มพูดจาเหิมเกริมขึ้นเรื่อย ๆ คำพูดอะไรก็กล้าพูดออกมาหมดราวกับคนที่ผ่านประสบการณ์ลิ้มลองเรื่องนั้นมาแล้วจึงกล้าพูดโต้ง ๆออกมาอย่างไม่อายปาก แถมยังชอบถามถึงเรื่องบนเตียงเป็นพิเศษด้วย
“ปากของหมาคายได้แค่เขี้ยวหมา ถ้าคายงาช้างออกมาได้ฉันคงเลี้ยงหมาเป็นคอก เก็บงาช้างขายแล้วเปิดร้านหม้อไฟเนื้อหมา จะว่าไปเรื่องการตุ๋นเนื้อหมาของแม่อิงจวี้กังก็นับว่าสุดยอดเหมือนกัน รสชาตินั้น…หอมที่สุดเลย ปีหน้าฉันจะเปิดร้านหม้อไฟเนื้อหมา ธุรกิจจะต้องไปไกลแน่นอน!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดจนน้ำลายสอ แววตาทอประกาย ในหัวคิดคำนวณถึงเงินทุนที่ต้องใช้ในการเปิดร้าน แม้แต่ชื่อร้านก็คิดไว้แล้ว
“ถ้าเธอยังกินไม่หยุด ระวังเอาไว้เถอะตอนแต่งงานเจ้าบ่าวจะอุ้มเธอไม่ไหว!” เหมยเหมยจงใจพูดประชด แต่ที่พูดไปก็คือความจริง
อิงจวี้กังเป็นหนุ่มแบบฉบับของชาวตะวันตกเฉียงใต้ ส่วนสูงปานกลางและค่อนข้างผอม น้ำหนักของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสามารถทับเขาได้เลย พละกำลังแค่นั้นของอิงจวี้กังจะอุ้มเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนในงานแต่งงานได้อย่างไร? คงโดนทับจนแบนแทนแน่!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก้มมองสำรวจร่างกายขาว ๆอวบอ้วนของตัวเอง แล้วมีท่าทีจริงจังขึ้นมา
“นั่นสิ…ต้องอุ้มท่าเจ้าหญิงด้วย…ไม่ได้การล่ะ ต้องเริ่มลงมือตอนนี้เลย!”
ฉีฉีเก๋อพูดเย้าหยอก “เธอจะเตรียมตัวลดความอ้วนอีกแล้วเหรอ?”
“ฉันเหรอจะลด ต้องให้อิงจวี้กังไปออกกำลังที่ฟิตเนสวันละสองชั่วโมง อย่างน้อยต้องเล่นให้ได้ซิกซ์แพ็คสักแปดชั้น” เหริ่นเชี่ยเชี่ยนส่งสายตาระอาไปให้เธอ และกำหนดชีวิตอันน่าสงสารของอิงจวี้กังในอนาคตเอาไว้
เหมยเหมยกระตุกยิ้มที่มุมปาก…ขอไว้อาลัยให้กับเพื่อนอิงสามวินาที!
“รีบไปกินข้าวกัน ฉันหิวจะแย่แล้ว” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเร่ง ตลอดทั้งเช้าเอาแต่วาดสรีระมนุษย์ เหนื่อยเอาการต้องบำรุงสักหน่อย
“จะว่าไปฉันเองก็หิว เราไปกินข้าวที่ถนนด้านหลังกันเถอะ กับข้าวในโรงอาหารกินไม่ลง” เหมยเหมยเองก็เริ่มหิว จึงเสนอให้ไปกินที่ร้านอาหาร เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อต่างก็เห็นด้วย
“เอ๊ะ นั่นพี่จางไม่ใช่เหรอ?” ฉีฉีเก๋อหรี่ตามอง แวบเดียวก็มองเห็นหญิงสาวที่นั่งกินมื้อเที่ยงอยู่ในแปลงพุ่มดอกไม้
หญิงสาวสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าขาว ข้อศอกและรักแร้มีรอยปะอยู่หลายจุด กางเกงเองก็มีรอยปะเช่นกัน ขาลีบเล็กแต่ไม่ได้ดูน่าเกลียดนัก ทว่ากลับทำให้รู้สึกปวดใจอยู่ไม่น้อย
พี่จางเพิ่งมาทำงานในมหาวิทยาลัยหลังจากเปิดภาคเรียน ซึ่งจะรับผิดชอบดูแลเรื่องความสะอาดของแปลงดอกไม้ในสนามทิศตะวันตกของโรงเรียน งานหนักไม่เบา ว่ากันว่าพี่จางเป็นคนงานหญิงที่ถูกปลดออกจากโรงงานสิ่งทอ ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี ญาติห่าง ๆเพียงคนเดียวของเธอคือแม่บ้านจึงได้แนะนำเธอให้เข้ามาทำงานที่นี่ชั่วคราว
พวกเหมยเหมยรู้จักพี่จางเพราะคนที่เป็นแบบสรีระมนุษย์ที่พวกเธอวาดมาตลอดทั้งเช้าก็คือพี่จางนี่แหละ
การวาดสรีระมนุษย์คือหลักสูตรภาคบังคับของที่นี่ แต่ในฮวาเซี่ยค่อนข้างเป็นอนุรักษ์นิยม คนที่จะเต็มใจมาเป็นแบบนู้ดให้มีน้อยมาก ต่อให้ตีราคาสูงแค่ไหนก็ไม่มีใครยินยอมที่จะทำจนหาคนไม่ได้ ฉะนั้นเลยทำได้เพียงแลกเปลี่ยนกันวาด หรือส่องกระจกวาดตัวเองเอา
ทว่าพี่จางกลับเต็มใจมาเป็นแบบสรีระมนุษย์ให้ การวาดหนึ่งครั้งให้เงินหกสิบหยวน ในช่วงเวลานี้นับว่าเป็นรายได้ที่สูงมากแล้วล่ะ
พอเหมยเหมยเห็นว่าพี่จางกินแต่อาหารง่าย ๆแค่น้ำเปล่ากับหมั่นโถพร้อมผักดองทานตราฝูหลิงอีกหนึ่งถุงก็อดมุ่นคิ้วไม่ได้
………………………………………………………
[1] คือ ทัณฑ์ทรมานประเภทหนึ่งของพระนางซูสี เป็นการลงโทษด้วยวิธีแล่เนื้อเถือหนัง ตัดชิ้นส่วนร่างกาย เพื่อการประหารชีวิตนักโทษ
[2] เป็นสำนวนแปลว่า คนไม่ดีก็มีแต่จะพูดเรื่องไม่ดีออกมา