ตอนที่ 2469 เป็นไปได้ว่าเป็นหุ่นเชิด
บรรยากาศของครอบครัวเหยียนตลอดช่วงบ่ายเต็มไปด้วยความเย็นชาและเศร้าหมอง ไม่มีใครสนใจเหยียนหมิงซุ่นสักคน เหมยเหมยขังตัวเองอยู่ในห้องตลอดทั้งบ่าย จากนั้นก็เป็นฝ่ายถามเหยียนหมิงซุ่นเรื่องจอบส์
“พี่สงสัยว่าคนนี้จะเป็นบอสใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังหัตถ์พระเจ้างั้นเหรอ?”
เหมยเหมยมองไปที่นิตยสารหลายเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชา หน้าปกล้วนเป็นรูปของจอบส์ทั้งนั้น เพลย์บอยคนนี้มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการแฟชั่นและมักจะถูกรับเชิญให้ไปถ่ายปกนิตยสารชั้นนำอยู่บ่อย ๆ เขาได้รับความนิยมยิ่งกว่านายแบบนางแบบเสียอีก
“ใช่ แต่ก็เป็นไปได้ว่าจอบส์จะเป็นแค่หุ่นเชิด ครอบครัวของเขาต่างหากที่เป็นบอสใหญ่!” เมื่ออยู่ต่อหน้าเหมยเหมยเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ปิดบังความสงสัยของเขาไว้เลย
องค์กรหัตถ์พระเจ้าเก็บตัวมิดชิดมากและกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลกเพราะต้องใช้ทรัพยากรและกำลังคนจำนวนมาก สิ่งสำคัญก็คือเมื่อก่อนชื่อหัตถ์พระเจ้าเป็นที่รู้จักทั่วโลกในนามองค์กรนักฆ่า
ตามที่เขาสืบหามาพบว่าองค์กรนักฆ่าก่อตั้งขึ้นมาอย่างน้อยสองทศวรรษแล้ว ซึ่งเมื่อยี่สิบปีที่แล้วจอบส์เพิ่งอายุครบหนึ่งขวบเท่านั้นจึงไม่น่าจะมีความสามารถขนาดนั้นได้
เหมยเหมยไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลยสักนิด เธอแค่อยากรู้ว่า
“เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อถูกจอบส์จับตัวไปใช่ไหม?”
“อยู่ในคฤหาสน์ของจอบส์”
เหมยเหมยจ้องเขาอย่างเยือกเย็น เหยียนหมิงซุ่นยิ้มออกมาอย่างจนใจ อยากจะพูดอะไรสักหน่อยแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี บรรยากาศจึงน่าอึดอัดขึ้นมาทันที
เสียงกริ่งดังขึ้นขัดบรรยากาศที่น่าอึดอัดของพวกเขาลง ป้าฟางพาผู้หญิงสองคนเข้ามา คนหนึ่งเป็นคนรู้จักซึ่งก็คือคุณหนูใหญ่เฝิงแม่ของเซียวเซ่อแต่กลับไม่รู้จักอีกคน
เวลาทำอะไรเฝิงไห่ถังไม่ได้เลยเพราะริ้วรอยแห่งวัยแทบจะไม่มีให้เห็นด้วยซ้ำ มีเพียงริ้วรอยเล็ก ๆที่หางตาของเธอซึ่งก็แค่ทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเท่านั้น
ผู้หญิงที่เฝิงไห่ถังพามาด้วยอายุราวสามสิบกว่า ผมสั้นเรียบร้อย ตาโตคิ้วเข้ม ร่างสูงโปร่ง บนใบหน้าไม่มีการแต่งแต้มใด ๆ ผิวดูหยาบกร้านเล็กน้อย เธอแต่งตัวเรียบง่ายด้วยเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบ
แต่ผู้หญิงคนนี้กลับมีบุคลิกพิเศษบางอย่าง สง่างามและดูเป็นอิสระ…ซึ่งเปล่งประกายออกมาจากตัวชวนให้คนที่เห็นรู้สึกดีไปด้วย
เป็นผู้หญิงที่แตกต่างจากคนทั่วไป!
ต่อให้ถูกคลุมด้วยถุงกระสอบยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ยังสะดุดตาอยู่ดี เพราะความสง่างามพิเศษบนตัวเธอ
“…คนนี้คือซังเฟย เธอเป็นแม่ของเทาเทา” เฝิงไห่ถังแนะนำ
เหมยเหมยยืนนิ่งชะงักไปไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบโตใด ๆไปชั่วขณะ เทาเทาคือใคร?
ซังเฟยโค้งคำนับเธอขอบคุณอย่างสุดซึ้งพร้อมพูดด้วยความตื้นตันใจว่า “ลูกสาวคุณเป็นคนช่วยชีวิตลูกชายฉันไว้ เดิมทีควรมาขอบคุณให้เร็วกว่านี้ แต่เกิดเรื่องราวมากมายขึ้นจนถึงตอนนี้ถึงเพิ่งแวะมาหาได้ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เสียมารยาท!”
เฝิงไห่ถังอธิบายต่อ “ช่วงนี้ซังเฟยอยู่เป็นเพื่อนเทาเทาที่โรงพยาบาลตลอด แถมยังเตรียมฟ้องร้องสามีเก่าของเธอด้วยเลยวุ่นไปหมด อีกอย่างเขาไม่รู้ว่าบ้านเธออยู่ที่ไหน พอดีเมื่อวานฉันคุยเล่นกับเขาถึงเพิ่งรู้ว่าเล่อเล่อทำเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ไว้ด้วย!”
เหมยเหมยถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงคนนี้ก็คือเป็นแม่แท้ ๆของเจ้าอ้วนน้อยเพื่อนของเล่อเล่อ เมื่อก่อนเหยียนหมิงซุ่นเคยพูดถึงว่าแม่ของเจ้าอ้วนน้อยเก่งมาก พอได้เห็นแบบนี้เธอเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถมากจริง ๆด้วย
แต่พอนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เล่อเล่ออยู่ที่ไหนไม่รู้ด้วยซ้ำ เหมยเหมยก็นึกปวดใจขึ้นมาแล้วพยายามฝืนยิ้มกล่าวว่า “ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ เล่อเล่อก็แค่บังเอิญเท่านั้นเอง ตอนนี้เทาเทาเป็นอย่างไรบ้างคะ ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
เหยียนหมิงซุ่นไม่รู้จะพูดอะไรกับพวกผู้หญิงจึงหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน แต่ในใจกลับมีเรื่องให้คิดมากมายจึงอ่านไม่เข้าหัวเลยสักตัวเดียว
“ออกจากโรงพยาบาลแล้วค่ะ จากนี้ก็คงต้องค่อย ๆบำรุงกันไป” ซังเฟยพูดพร้อมรอยยิ้มและแอบกังวลอยู่ในใจ
หมอบอกเธอแล้วว่าถ้าหากเทาเทามาช้ากว่านี้ไตคงใช้การไม่ได้แล้วจริง ๆ และอาจจะกลายเป็นโรคไตวายเรื้อรังได้…เธอไม่กล้าคิดด้วยซ้ำว่าถ้าลูกเธอเป็นโรคไตวายเรื้อรังขึ้นมาจะเป็นอย่างไรต่อไป…
……………………………………….
ตอนที่ 2470 นี่คือคนที่น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจ
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ วันหลังเอาใจใส่เทาเทาให้มากขึ้นหน่อย อย่าให้เขาทานของซี้ซั้วพวกนั้นอีก…” เหมยเหมยอดพูดออกไปไม่ได้
อันที่จริงเธอรู้สึกไม่พอใจซังเฟยเล็กน้อย ความรักฉันสามีภรรยาหากเข้ากันไม่ได้แล้วหย่ากันเป็นเรื่องปกติ แต่อย่างไรก็ต้องดูแลลูกให้ดีด้วย ถ้าเป็นเธอละก็ไม่ว่าลูกจะพูดอย่างไรเธอก็คงไม่วางใจให้ผู้หญิงคนอื่นมาดูแลเด็ดขาด!
แม่เลี้ยงจะดูแลได้ดีกว่าแม่แท้ ๆได้อย่างไรกัน?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแม่เลี้ยงบางคนที่แฝงเจตนาร้ายเลยเหมือนกับแม่เลี้ยงของเทาเทา ลอบทำร้ายเงียบ ๆ แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว!
ซังเฟยก็โทษตัวเองเช่นกัน “ฉันฟ้องร้องพ่อของเทาเทาแล้ว กำลังเตรียมตัวสู้คดีรับเทาเทามาเลี้ยงเอง เมื่อก่อนเป็นความผิดของฉันทั้งหมด วันหลังฉันจะดูแลเขาไม่ห่างและจะไม่มีวันจากเขาไปไหนอีก”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ…” เหมยเหมยรู้สึกดีใจกับเจ้าอ้วนตัวน้อยด้วยจริง ๆ
ผู้หญิงสามคนคุยกันเรื่องสัพเพเหระ ซังเฟยเป็นคนพูดเก่งและรอบรู้ ดูท่าแล้วน่าจะเคยไปหลายประเทศเลยเล่าเรื่องประเพณีวัฒนธรรมตามสถานที่ต่าง ๆได้หมด แค่ดูก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงที่ชอบยืนด้วยลำแข้งของตัวเองและมีความรู้ที่ไม่ธรรมดาเลย
สายตาของซังเฟยเหลือบไปเห็นนิตยสารบนโต๊ะน้ำชาพลันก็มุ่นคิ้วเล็กน้อย การแสดงออกที่เปลี่ยนไปไม่สามารถเล็ดลอดผ่านสายตาของเหมยเหมยไปได้จึงอดถามขึ้นไม่ได้ว่า “คุณรู้จักผู้ชายคนนี้ด้วยเหรอคะ?”
“เคยได้ยินค่ะ…เขาชื่อจอบส์เป็นเพลย์บอยโด่งดังในยุโรป มีความสัมพันธ์กิ๊กกั๊กกับดาราสาวหลายคนทีเดียว…” ซังเฟยชะงักไปชั่วขณะแล้วพูดเน้นย้ำว่า “เขาไม่ใช่คนดี…มีนิสัยประหลาด ๆอยู่หลายอย่าง ถ้าคุณเจอเขาจะต้องรักษาระยะห่างไว้นะคะ”
เหมยเหมยใจเต้นตึกตัก ดูท่าซังเฟยจะรู้อะไรเกี่ยวกับจอบส์ไม่น้อยเลย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดตรง ๆแต่ก็เห็นได้ชัดว่าพยายามเตือนเธอให้ระวังจอบส์ไว้
เฝิงไห่ถังก็เดินเข้ามาร่วมวงด้วย พอเห็นภาพหนุ่มหล่อบนนิตยสารก็พูดอย่างประชดประชันว่า “สังคมที่เรียกว่าสังคมชั้นสูงเหล่านี้แท้จริงแล้วคือสิ่งสกปรกโสมม มีแค่บางคนที่เป็นคนดีเท่านั้น…ซังเฟยเธอก็เคยโดนผู้ชายคนนี้ทำร้ายเหมือนกันใช่ไหม?”
ซังเฟยส่ายศีรษะ “ฉันไม่เคยเจอเขา แต่ฉันเคยได้ยินจากเพื่อนคนหนึ่ง เพื่อนฉันบอกว่าบุคคลคนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจ ถ้าฉันเจอเขาต้องอยู่ห่างเอาไว้!”
“น่ากลัวกว่าปีศาจ?” จะเทียบได้กับคุณชายเช่อเหรอ? เพื่อนของเธอพูดเว่อร์ไปหรือเปล่า?” เฝิงไห่ถังไม่เชื่อ เธออยู่มาครึ่งค่อนชีวิต ผู้ชายที่เคยเจอแล้วน่ากลัวที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเฮ่อเหลียนเช่อเพียงผู้เดียว
แต่ทว่าเมื่อคุณชายเช่อเจอรักแท้ก็เปลี่ยนเป็นคนดีขึ้นมา ตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ลาออกบวชเพื่อรักแท้ คาดไม่ถึงจริง ๆ!
ที่แท้เฮ่อเหลียนเช่อก็ป่าวประกาศว่าตนเสียใจเรื่องความรัก มองเห็นสัจธรรมของชีวิตจึงขอลาออกบวชนี่เอง คนในเมืองต่างคิดว่าเป็นเช่นนั้น
ซังเฟยก็เคยได้ยินชื่อเสียงของเฮ่อเหลียนเช่อมาเช่นกัน แต่เธอโต้กลับไปว่า “ไม่เลย…คุณชายเช่อยังจิตใจดีกว่าเขา เพื่อนฉันไม่โกหกฉันแน่นอน เพลย์บอยคนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจจริง ๆ”
เหยียนหมิงซุ่นถามแทรกขึ้นมาว่า “สามารถติดต่อเพื่อนของคุณได้ไหม? ผมมีเรื่องจะถามเขา”
ซังเฟยพยักหน้าเป็นเชิงตอบกลับอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “ฉันจะลองดู ยังไม่รับปากนะคะ”
เธอล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋า ถือว่าโชคยังเข้าข้างเพราะเพื่อนของเธอรับสายพอดี ซังเฟยพูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว ดูท่าแล้วเพื่อนของเธอจะเป็นชาวต่างชาติ
ซังเฟยยื่นมือถือส่งให้เหยียนหมิงซุ่นแล้วกระซิบว่า “ฉันแนะนำเพื่อนฉันว่าคุณเป็นคนมีอิทธิพลมากในฮวาเซี่ย เพื่อนฉันมีอะไรจะพูดกับคุณหน่อย ต้องให้ฉันช่วยแปลไหมคะ?”
“ไม่ต้องครับ ขอบคุณครับ”
เหยียนหมิงซุ่นถนัดภาษาต่างประเทศหลายภาษา แน่นอนว่าภาษาอังกฤษก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาพูดสองสามประโยคกับอีกฝ่าย สีหน้าของเขาเคร่งขรึมลง หัวใจของเหมยเหมยเต้นขึ้นมาถึงคอหอย เหงื่อออกชุ่มเต็มฝ่ามือ
“เพื่อนของคุณกำลังพักผ่อนอยู่ที่ญี่ปุ่น ตอนนี้กำลังรีบไปสนามบิน คิดว่าตอนเย็นน่าจะถึงเมืองหลวงแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นบอกข่าวที่ทุกคนต่างคาดไม่ถึง
ซังเฟยก็ตกใจเช่นกัน ทำไมบทจะมาก็มาเลยล่ะ
…………………………