ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น – บทที่ 2721 เป็นผู้หญิงต้องโหด + ตอนที่ 2722 อาการป่วยกำเริบ

บทที่ 2721 เป็นผู้หญิงต้องโหด + ตอนที่ 2722 อาการป่วยกำเริบ

ตอนที่ 2721 เป็นผู้หญิงต้องโหด

“ไม่ต้องพูดต่อแล้ว ฉันไม่มีทางถอนฟ้องแน่นอน ทรัพย์สมบัติพวกนั้นฉันควรได้มันมาอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าพวกคุณต้องบริจาคให้ฉันสักหน่อย ส่วนเรื่องงานของน้องชายฉันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย!” เฝิงอวี้ตัดสินใจอย่างมุ่งมั่นแล้วเอ่ยปฏิเสธน้องชายของหยางอันคังอย่างเย็นชา

เธอทนทุกข์ทรมานมายี่สิบปี ความคับแค้นใจที่ล้นปรี่…จะเอาคำพูดไกล่เกลี่ยอันบางเบามากลบเกลื่อนให้ผ่านไปงั้นเหรอ?

เธอไม่เพียงแค่ฟ้องร้องต่อศาลเท่านั้น แต่จะแฉความปลิ้นปล้อนของหยางอันคังให้คนทั้งโลกได้รู้กันว่าศาสตราจารย์หยางอันคังที่สุภาพดูภูมิฐานคนนี้ อันที่จริงเป็นโรคจิตที่น่ากลัวคนหนึ่ง!

เหมยเหมยที่เป็นกังวลมาตลอด พอได้ยินคำตอบของเฝิงอวี้ก็พรูลมหายใจยาวโล่งอก

เป็นตัวอย่างที่ดี…ผู้หญิงต้องแบบนี้แหละ!

เฝิงอวี้ลุกขึ้นมายืดหยัดได้แล้ว!

“อาอวี้สมองแกเลอะเลือนไปแล้วหรือไง แกไม่สนใจน้องชายแกเลยเหรอ…เก็บคำพูดเมื่อกี้กลับไปเลยนะ!” คุณแม่ของเฝิงอวี้ร้อนใจ เนื้อเป็ดอันโอชะที่คาบไว้ได้กระเด็นลอยหายไปแล้ว ไม่ร้อนใจสิแปลก!

“เขาเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่ ไม่ใช่ลูกของหนูสักหน่อย ทำไมหนูต้องสนใจเขาด้วย? ชีวิตต่อจากนี้ของหนูจะสนใจแค่เสี่ยวจวิน คนอื่นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหนูอีกแล้ว!” เฝิงอวี้เอ่ยคำพูดโหดร้ายที่สุดในตลอดสามสิบห้าปีที่ผ่านมาหนึ่งประโยค

ครั้นเห็นสีหน้าดูไม่ได้ของพ่อและเหล่าน้อง ๆ เฝิงอวี้พลันรู้สึกแค่ว่ามีความสุขเหลือเกิน สบายเหมือนได้กินเปปิโน เมล่อนเลย

ไม่ต้องเอ่ยถึงคุณพ่อหรอก แม้แต่น้องชายน้องสาวที่แสนดีจนถึงตอนนี้ยังไม่เคยถามเธอเลยว่าใช้ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง ต้องการความช่วยเหลืออะไรไหม…ถึงอันที่จริงเธอไม่ต้องการก็เถอะ แต่ถามสักหน่อยมันจะตายหรือไง?

พฤติกรรมของน้องชายน้องสาวแท้ ๆตัวเองยังเทียบไม่ได้กับคนแปลกหน้าอย่างพวกเหมยเหมยเลย เฝิงอวี้รู้สึกแย่กับคนในครอบครัวจับใจ!

คุณแม่ของเฝิงอวี้ร้องไห้โวยวายยกใหญ่ ศาลทนฟังไม่ไหวเลยให้ตำรวจในชั้นศาลพาตัวออกไปอยู่เป็นเพื่อนแม่สามีเฝิงอวี้ด้านนอก

ในเมื่อเฝิงอวี้ไม่ยอมไกล่เกลี่ยศาลจึงตัดสิน ภายใต้คำโน้มน้าวของน้องชายหยางอันคังทุกคนในครอบครัวเลยจำยอมให้เป็นไปตามเงื่อนไขทรัพย์สินที่เฝิงอวี้ต้องการ แต่สิทธิ์ในการปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียวจะพูดอย่างไรหยางอันคังก็ไม่ยอมง่าย ๆ พ่อแม่ของเขาก็มีท่าทีเช่นนั้นเหมือนกัน

“เงื่อนไขเรื่องเงินทองของเราเหนือกว่าตระกูลเฝิงอย่างชัดเจน อีกอย่างพวกเราต่างก็เป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัย หากเด็กอยู่กับเราจะดีต่ออนาคตมากกว่า…” พ่อสามีของเฝิงอวี้เอ่ยออกมา

ผู้พิพากษาเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน เรื่องนี้เป็นความจริง สภาพแวดล้อมในการเติบโตของเด็กสำคัญมากจริง ๆ

ทนายกัวเอ่ยเสียงดัง “อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องเงินทองดีกว่า แค่เอาเรื่องโรคทางจิตของจำเลยมาพูด ท่านผู้พิพากษาคิดว่าคนมีปัญหาทางจิตแบบเขาสมควรเป็นผู้ปกครองเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยหรือคะ? ถ้าเด็กต้องใช้ชีวิตกับคนแบบนี้ คงมีความเป็นไปได้มากว่าจะเลียนแบบพฤติกรรมทารุณเอาได้!”

“ลูกความของผมไม่ใช่คนโรคจิต เดิมทีมันไม่ใช่เรื่องจริงเลยสักนิด อีกอย่างเสือไม่กินลูกตัวเอง ลูกความของผมจะทำร้ายลูกชายแท้ ๆของตัวเองได้อย่างไร!” ทนายฝ่ายจำเลยของหยางอันคังโต้กลับ

ทนายกัวแสยะยิ้ม “แม้แต่ภรรยาที่ร่วมหมอนนอนเตียงเดียวกันมานับยี่สิบปียังทำได้เลย แล้วทำไมจะลงมือกับลูกแท้ ๆของตัวเองไม่ได้? หรือว่าต้องให้เกิดเรื่องขึ้นก่อนถึงค่อยมาช่วยหรือไง?”

……

ทนายทั้งสองโต้กันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร จากนั้นเสียงก็เงียบลงในฉับพลัน

ถึงอย่างไรเสียเรื่องอาการป่วยทางจิตของหยางอันคังก็เป็นแค่คำพูดลอย ๆและไม่มีใบรับรองผลการตรวจจากแพทย์มาสนับสนุน ศาลจึงไม่อาจกล่าวหาว่าหยางอันคังมีอาการทางจิตได้

เฝิงอวี้เป็นกังวลมาก เมื่อเทียบระหว่างทรัพย์สินกับลูกแล้ว เธอสนใจเรื่องลูกชายมากกว่า

ถ้าลูกอยู่ในการดูแลของเธอไม่ได้ แม้แต่แรงจูงใจอยากให้เธอมีชีวิตต่อยังไม่มีเลย

มีตำรวจนายหนึ่งเดินเข้ามากระซิบคุยกับผู้พิพากษาเสียงเบา ผู้พิพากษาแสดงสีหน้าประหลาดใจและพยักหน้าน้อย ๆ ทุกคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ภายในศาลก็ตกอยู่ในความสงบ

………………………………………………

ตอนที่ 2722 อาการป่วยกำเริบ

เสียงประตูดังแอ๊ดเปิดออก เด็กผู้ชายร่างบางคนหนึ่งก็เดินเข้ามา เฝิงอวี้และคนตระกูลหยางต่างตกใจยกใหญ่

“เสี่ยวจวิน แม่บอกให้ลูกตั้งใจเรียนไม่ใช่เหรอ? ทำไมลูกถึงโดดเรียนมาล่ะ?” เฝิงอวี้กล่าวตำหนิ

“ผมไม่ได้โดดเรียนนะครับ ผมขอลากับคุณครูแล้ว”

เสี่ยวจวินพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง รูปร่างเขาไม่ได้สูงมากนักซึ่งถอดแบบมาจากแม่ทุกอย่าง ดูท่าทางเป็นเด็กที่มีโลกส่วนตัวสูงและขี้กลัว พอเดินเข้ามาในศาลที่บรรยากาศเงียบกริบ เผชิญหน้ากับคนมากมายขนาดนี้ เสี่ยวจวินเลยอดงอตัวห่อไหล่ไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ดึงความกล้ายืดตัวตรงอีกครั้ง

“คุณลุงผู้พิพากษาครับ ผมมีอะไรอยากจะพูดหน่อยครับ”

“หนูอยากพูดอะไรล่ะ?” ผู้พิพากษาปรับน้ำเสียงอ่อนโยนลง

เสี่ยวจวินกลืนน้ำลายอึกใหญ่ อ้าปากอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เปล่งเสียงออกมาสักที เขาตื่นเต้นเหลือเกิน

ผู้พิพากษาอมยิ้มแล้วสั่งให้คนยกน้ำมาแก้วหนึ่งเอาให้เขาดื่ม เสี่ยวจวินเลียริมฝีปากและในที่สุดก็เอ่ยออกมา “ผม…ผมอยากบอกว่า ผมอยากใช้ชีวิตอยู่กับแม่ครับ โปรดคุณลุงอย่าพลัดพรากผมไปจากแม่เลยครับ!”

น้ำตาของเฝิงอวี้เอ่อล้นออกมา เอื้อนเอ่ยคำพูดใดไม่ออก

พอได้ยินคำพูดนี้ของลูกชาย พลันเธอก็รู้สึกว่าต่อให้ทนทุกข์ทรมานมายี่สิบปี…มันก็คุ้มค่าแล้ว!

“เสี่ยวจวิน…ลูกยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่ไหม คุณปู่คุณย่าก็ดีต่อลูกเหมือนกัน ทำไมลูกถึงไม่ต้องการพวกเราแล้วล่ะ?” แม่สามีของเฝิงอวี้ที่อยู่ด้านนอกได้ยินเช่นนั้นพลันโมโหจนอยากบุกเข้ามา แต่ก็ถูกตำรวจลากตัวออกไปอีก

เสี่ยวจวินงุดหน้าด้วยความละอายใจ ภายในใจรู้สึกแย่เหลือเกิน ถ้าเลือกได้เขาไม่อยากให้พ่อแม่หย่ากันเลย อยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนดีจะตายไป

“แต่พ่อชอบตบตีแม่ ทำไม่ดีต่อแม่ คุณปู่คุณย่ายังมีน้องเชี่ยนเชี่ยนอยู่ แต่แม่มีแค่ผมคนเดียว…ผมห่างจากแม่ไม่ได้หรอกครับ…” เสี่ยวจวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

น้องเชี่ยนเชี่ยนเป็นลูกสาวของคุณอา อันที่จริงเขาไม่ชอบน้องสาวคนนี้เลยสักนิด นิสัยไม่ดีแถมยังไม่ให้ความเคารพคุณแม่ของเขาด้วย แต่คุณปู่คุณย่ากลับโปรดปรานเธอมาก กระทั่งยามที่น้องสาวคนนี้ตวาดใส่คุณแม่ คุณปู่คุณย่ายังหัวเราะชอบใจ ทำให้ภายในใจเสี่ยวจวินรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นัก

“แกมันลูกอกตัญญู…เสียงแรงที่ดีกลับแก…แกมันอกตัญญูเหมือนแม่แกไม่มีผิด!” ฉับพลันหยางอันคังก็คำรามขึ้นมาด้วยสีหน้าดุดัน ดวงตาแดงก่ำ

“คุณพ่อครับ…”

เสี่ยวจวินตกใจขวัญเสียเซถอยหลังหลายก้าว เฝิงอวี้กระโจนออกจากที่นั่งฝ่ายโจทก์อย่างไม่ต้องคิดแล้วเข้ามากอดเสี่ยวจวินไว้แน่น เอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่ต้องกลัวนะ…แม่อยู่นี่…”

ท่าทางของหยางอันคังในตอนนี้ดูผิดปกติมาก แต่คนในตระกูลหยางกลับรู้แก่ใจดีว่าหยางอันคังมีอาการป่วยทางจิตเล็กน้อยทว่าไม่ได้ร้ายแรงเท่าไรนัก ขอแค่ไม่ได้รับความกระทบกระเทือนรุนแรงก็จะเหมือนคนปกติทั่วไปและไม่มีใครสังเกตเห็น

แต่พวกเขานึกไม่ถึงว่าหยางอันคังจะมาอาการกำเริบในศาล…

คนตระกูลหยางจะกล้าโวยวายต่อได้อย่างไร กลัวก็แต่หยางอันคังจะคลุ้มคลั่งขึ้นมาจริง ๆ ถ้าเช่นนั้นก็ต้องอับอายขายหน้าน่าดู พวกเขาจึงปล่อยหลานไปและยอมทุกข้อเสนอของเฝิงอวี้ทั้งหมด จากนั้นพวกเขาก็รีบพาตัวหยางอันคังออกจากศาลไปอย่างรวดเร็ว

คดีจบลงอย่างสวยงาม เฝิงอวี้กอดลูกชายพร้อมปล่อยโฮออกมาด้วยความดีใจ ในที่สุดเธอก็เป็นอิสระแล้ว

เหมยเหมยคำนวณทรัพย์สินให้เฝิงอวี้คร่าว ๆ ถึงแม้หยางอันคังจะเป็นศาสตราจารย์แต่ก็มีการลงทุนไม่น้อย นอกจากบ้านที่เขาอยู่แล้ว เขายังมีบ้านอีกหลังปล่อยเช่าด้วย แถมยังมีเงินเก็บหลายแสน รวมถึงหุ้นเกือบห้าแสน เขามีทรัพย์สินอยู่ไม่น้อยเลย

รวมถึงค่าชดเชยที่เขาต้องจ่ายให้เฝิงอวี้อีกหนึ่งล้าน ต่อให้เฝิงอวี้ต้องเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวแต่ก็คงไม่กดดันมากเท่าไหร่แล้ว

“รอถ่ายโอนชื่อบ้านเสร็จ เงินเข้าบัญชีแล้ว ฉันจะติดต่อทางสำนักพิมพ์ให้เขียนข่าวเปิดโปงความปลิ้นปล้อนของคนตระกูลหยาง คนแบบนี้จะเป็นศาสตราจารย์ได้อย่างไร พลอยจะทำให้เด็กรุ่นหลังเข้าใจผิดเสียเปล่า เธอคิดว่าไง?” เหมยเหมยไม่ปล่อยตระกูลหยางไปง่าย ๆอยู่แล้ว แต่เธอก็ต้องถามความเห็นของเฝิงอวี้ก่อน เพราะในเมื่อเกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัวของหล่อนด้วย

เฝิงอวี้มีสีหน้าลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยด้วยความรู้สึกผิดว่า “มันจะแรงไปไหม? ในเมื่อพวกเขาเป็นพ่อ ปู่กับย่าของเสี่ยวจวิน ฉันกลัววันข้างหน้าเสี่ยวจวินจะเกลียดฉันเอาได้!”

………………………..

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

จุดจบที่ความตาย กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นบันดาลให้เธอได้ย้อนกลับไปในปี 1985

เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างตัวเองวัย 12 ปี!

เมื่อได้รับชีวิตที่เหมือนได้เกิดใหม่คราวนี้ เธอจึงตัดสินใจลิขิตชะตาด้วยสองเป้าหมาย…

หนึ่ง… มีชีวิตอย่างอิสรเสรี ไม่สนใจสายตาใคร และไม่รับความรักอันน้อยนิดที่ญาติมิตรมีให้

สอง… แก้แค้น สิ่งที่พี่สาวกับอดีตคนรักติดค้างไว้ เธอจะต้องเอาคืนให้หมดในชาตินี้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท