ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น – บทที่ 2745 ส่งผลให้ป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว + ตอนที่ 2746 มีแต่คำลวง

บทที่ 2745 ส่งผลให้ป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว + ตอนที่ 2746 มีแต่คำลวง

ตอนที่ 2745 ส่งผลให้ป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว

เหมยเหมยโมโหจนแทบหงายหลัง คนผิดชิงฟ้องก่อนงั้นหรือ?

เธอชี้ไปที่รองเท้าบนเท้าพี่ฮวาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “เธอรู้ไหมว่าทำไมเธอชอบปวดหัว? รองเท้าคู่นี้ราคาแค่แปดหยวน เงินแปดหยวนแม้แต่รองเท้าผ้าสักคู่ยังหาซื้อไม่ได้ รองเท้าที่ทำจากพลาสติกใครจะรู้บ้างว่าเอามาจากไหน ไม่แน่อาจเป็นพลาสติกที่โรงพยาบาลเอาไปทิ้ง ไม่รู้ด้วยว่ามีเชื้อโรคติดอยู่มากแค่ไหน”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นึกถึงหลอดถ่ายของเหลวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดตามถังขยะในโรงพยาบาลก็ตัวสะท้านเฮือกอย่างอดไม่ได้พานก็รู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว

“แล้วก็กลิ่นพวกนี้ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอย่างน้อยเธอก็เรียนจบมหาวิทยาลัยไม่มีความรู้รอบตัวสักนิดเลยเหรอ ไม่รู้หรือไงว่ากลิ่นจากพลาสติกไร้คุณภาพจะก่อให้เกิดโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว? โดยเฉพาะเด็กตัวเล็กขนาดนันนันที่ภูมิคุ้มกันต่ำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธออยากให้นันนันป่วยหรือไง!”

เหมยเหมยโมโหพี่ฮวาจนพูดอะไรไม่ทันคิด ทุกอย่างเป็นเพราะเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนคุยง่ายเกินไปถึงทำให้พี่ฮวาทำอะไรตามอำเภอใจ เธอไม่ด่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแล้วจะให้ด่าใคร!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ยินคำว่ามะเร็งในเม็ดเลือดขาวก็ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ยิ่งตกใจจนเหงื่อผุดขึ้นเต็มแผ่นหลัง

“จริงเหรอ…พวกเธออย่าหลอกฉันนะ…”

“เธอมีเพื่อนเรียนหมอหรือเปล่า ลองโทรไปถามเองสิ ฉันโกหกเธอแล้วจะได้เงินฟรีหรือไง!” เหมยเหมยถลึงตาใส่

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเดินตัวสั่นไปโทรหาเพื่อนที่เรียนแพทย์ จากนั้นไม่นานก็เดินกลับมาในสภาพวิญญาณหลุดออกจากร่างด้วยสีหน้าย่ำแย่ “ฉันจะพานันนันไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย”

“เธอจะรีบอะไร…แค่ไม่กี่วันยังไม่เป็นอะไรหรอก ตอนนี้รีบจัดการของมีสารพิษพวกนี้สำคัญกว่า!”

เหมยเหมยกระชากแขนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไว้ ทำตัวตื่นตูมไปได้ เสื้อผ้ารองเท้าของพี่ฮวาเพิ่งซื้อกลับมาได้สามสี่วันแล้วจะส่งผลอะไรได้ ทำเอาตัวเองตกใจเกินเหตุ

“พี่ฮวารีบทิ้งของพวกนี้ไปเลยนะ…อย่ามาพูดไร้สาระกับฉัน เร็ว ๆเลย…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงไม่ดีเท่าไรเพราะมีส่วนเกี่ยวข้องถึงสุขภาพของเด็ก เธอย่อมผ่อนปรนไม่ได้ พี่ฮวาสะดุ้งเฮือกกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปฉับพลันของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน เมื่อก่อนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มให้เธอตลอดและเจรจาง่าย พอตอนนี้ฟังคำยุยงของเพื่อนกลับชักสีหน้าใส่แล้ว…ทำไมชีวิตเธอถึงได้ลำบากขนาดนี้นะ!

ไม่เคยหาเรื่องใคร ทำไมทุกคนถึงได้หาเรื่องเธออยู่เรื่อยล่ะ?

พี่ฮวากล้าแข็งข้อต่อเหมยเหมยแต่กลับไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนผู้ที่เป็นคนจ่ายเงินเดือนให้เธอ เธอเลยจำต้องตอบรับด้วยเสียงอ่อนแล้วถอดรองเท้าหนังอย่างปวดใจ จากนั้นก็ไปเอากระเป๋าหนังในห้องที่เธอเพิ่งซื้อมาใหม่ซึ่งมีกลิ่นฉุนเหมือนรองเท้าตามคาด ยังดีที่เก็บไว้ในห้อง ถ้าวางไว้บนชั้นเหมือนรองเท้าเกรงว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนต้องปวดศีรษะยิ่งกว่าเดิมแน่

“คุณนาย…ของพวกนี้ตั้งยี่สิบหยวนแหนะ หรือว่าฉันเอาไปเก็บไว้ในห้อง ไม่ทิ้งแล้วได้ไหม?” พี่ฮวาขอร้อง

“ทิ้งไปให้หมด…แล้วก็รองเท้าคู่นี้ด้วย เธอคิดว่าครอบครัวฉันเป็นครอบครัวตกอับเหรอถึงได้เก็บขยะกลับมา…เธอจะทิ้งเองหรือจะให้ฉันเป็นคนทิ้งให้!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอามือปิดจมูกแล้วหยิบรองเท้าหนังคุณภาพต่ำอีกคู่บนชั้นขึ้นมาด้วยความโกรธ จากนั้นค่อยแย่งกระเป๋ากับรองเท้าในมือพี่ฮวามาแล้ววิ่งออกไปนอกบ้านอย่างขุ่นเคืองแล้วโยนใส่ถังขยะทั้งหมดทีเดียวซึ่งช่วงบ่ายจะมีพนักงานทำความสะอาดมาเก็บขยะตามแต่ละบ้านในชุมชน

พี่ฮวาหน้าซีดเผือดและรู้สึกปวดใจเหมือนโดนมีดกรีด รองเท้าสองคู่กับกระเป๋าหนึ่งใบเสียเงินเธอไปตั้งยี่สิบห้าหยวนแหนะ คุณนายไม่ทำงานบ้านไม่รู้ว่าข้าวยากหมากแพง แล้วยังรู้จักกับกลุ่มเพื่อนนิสัยไม่ดีที่ไม่เห็นความสำคัญของการใช้เงิน ไม่คู่ควรจะเป็นนายคนเลย!

ทางเหมยเหมยกลับค้นพบสิ่งใหม่ เมื่อครู่พี่ฮวาฉุดกระชากลากถูกับเธออยู่พักหนึ่งทำให้สร้อยคอเส้นนั้นโผล่ออกมา จี้สร้อยคอไม่เล็กทีเดียว พอคำนวณเงินคร่าว ๆแล้วสร้อยทองคำเส้นนี้ไม่ใช่แค่ราคาพันเดียวแต่อย่างน้อยต้องมากกว่าพันห้าขึ้นล่ะ!

……………………….

ตอนที่ 2746 มีแต่คำลวง

เหมยเหมยก็ไม่มั่นใจว่าสร้อยคอทองคำนั่นเป็นของพี่ฮวาแต่เดิมอยู่แล้วหรือบางทีอาจได้มาจากสามีคนเก่า พอเธอหย่าไปก็ทำใจขายทิ้งไม่ได้…ซึ่งความเป็นไปได้นี้ค่อนข้างสูงมากทีเดียว

แต่เธอก็คิดว่าสร้อยคอทองคำเส้นนี้มันน่าสงสัยมาก เมื่อก่อนเธอเคยมาบ้านหลังนี้หลายครั้งก็ไม่เห็นพี่ฮวาใส่สร้อยคอเลย น่าจะเพิ่งซื้อไม่นานมานี้ แต่คำถามคือพี่ฮวาเพิ่งได้เงินเดือนเดือนเดียว รวม ๆกันแล้วแค่หนึ่งพันหยวนไม่พอซื้อสร้อยเส้นนี้แน่ ๆ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังโมโหพี่ฮวาไม่หายเลยพูดด้วยถ้อยคำไม่น่าฟังเท่าไร พี่ฮวาร่ำไห้น้ำตานองหน้าที่ทำให้คนมองรู้สึกโกรธยิ่งกว่าเดิม เล่อเล่อกับเป่ารื่อน่าก็หยุดเล่นแล้ววิ่งมาดูเรื่องสนุก ๆด้วยอีกคน ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณน้าเชี่ยนเชี่ยนจะต้องโมโหขนาดนี้ด้วย

“ร้อง ๆ…ร้องอยู่นั่นแหละ เธอทำผิดแล้วฉันว่าไม่ได้หรือไง? ตอนนี้รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวเก่าซะ เปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าที่ฉันซื้อให้ รีบไปเลย!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นเสื้อผ้าราคาถูกบนตัวพี่ฮวาก็ปวดศีรษะตุบ ๆ ภายใต้ค่าสายตาสี่จุดห้าของเธอทำให้เห็นแต่จุดบกพร่องของเสื้อตัวนี้ ต่อให้เอามาใช้เป็นผ้าขี้ริ้วเธอยังรังเกียจเสียด้วยซ้ำ!

“คุณนาย…ฉันใส่แบบนี้สบายตัวดี…ถ้ารังเกียจที่เสื้อตัวนี้ไม่สวยไว้ฉันจะซื้อตัวที่ราคาแพงกว่านี้อีกนิด…ไม่ทิ้งได้หรือเปล่า เสียเงินซื้อกลับมาทั้งนั้นเลย…”

พี่ฮวาทำหน้าลนลานชั่ววูบแต่ไม่ยอมขยับฝีเท้า พร่ำพูดอยู่ตั้งนานและร้องไห้อยู่พักใหญ่ก็ไม่ยอมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสักที

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคุกรุ่นยิ่งกว่าเดิม “มีเสื้ออยู่แล้วจะไปซื้อทำไมอีก? บ้านฉันไม่ขาดแคลนเงินแค่นั้นหรอก นี่คือเสื้อทำงานที่ฉันซื้อให้เธอ เธอไปเปลี่ยนตอนนี้เลย ฉันจะนับถึงสาม…หนึ่ง…สอง…สาม…เธอไม่ไปใช่ไหม ได้ ฉันไปหยิบเอง!”

พี่ฮวาหดตัวเหมือนกุ้งโดนน้ำร้อนลวก ร้องไห้น้ำตานองแต่ไม่ยอมก้าวขาสักที คิดจะยื้อเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอย่างถึงที่สุดแล้ว

เหมยเหมยเห็นแล้วได้แต่ส่ายหน้ารัว ๆ คนรับใช้ที่ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งเจ้านายแบบนี้ต่อให้ดีแค่ไหนเธอก็ไม่มีวันรับเข้าทำงานเด็ดขาด เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดีทุกอย่างเสียแค่ชอบใจดีผิดที่ผิดทางเป็นประจำ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธแทบแย่เพราะยิ่งกว่านั้นคือรู้สึกเสียหน้าต่อหน้าเพื่อน เธอปั้นหน้าถมึงทึงก้าวยาวไปยังห้องของพี่ฮวา พี่ฮวาสะดุ้งตกใจพลางกระชากแขนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไว้ไม่ยอมให้เธอเข้าห้อง

“คุณนาย…ฉันจะเปลี่ยนพรุ่งนี้ วันนี้ไม่เปลี่ยนแล้วได้ไหม…”

“เปลี่ยนวันนี้เลย เธอปล่อยมือฉันนะ…ได้ยินไหม…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหจนปวดตับแต่ขืนมือออกจากการกอบกุมของพี่ฮวาไม่ได้ เมื่อก่อนต่อให้เธอมีไขมันทั้งตัวก็ไม่ได้จะมีแรงมากมาย ตอนนี้ตัวผอมบางลงก็ยิ่งบอบบางเข้าไปกันใหญ่ เหมยเหมยยังแรงเยอะกว่าเธอประมาณหนึ่งด้วยซ้ำแล้วจะสู้พี่ฮวาที่พละกำลังเต็มเปี่ยมได้อย่างไรไหว

เหมยเหมยเกิดความสงสัยหนักกว่าเดิม ดูท่าทางพี่ฮวากำลังกลัวเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเข้าห้องของเธออยู่ หรือว่า…

เธอเดินไปสกัดจุดของพี่ฮวาแรง ๆทีหนึ่งจนพี่ฮวามือไม้อ่อนแรงแล้วผละมือออก เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพุ่งเข้าห้องไป แต่พอเธอค้นทั่วห้องไปรอบหนึ่งก็ไม่เจอเสื้อผ้ารองเท้ากับกระเป๋าที่เธอซื้อให้…

“เสื้อผ้าที่ฉันซื้อให้ล่ะหายไปไหนแล้ว?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้โง่ พอปะติดปะต่อกันหน่อยก็รู้ว่าต้องมีเงื่อนงำบางอย่าง สีหน้าจึงเย็นชาลง

พี่ฮวาเอ่ยพร้อมน้ำตา “ฉัน…ฉันฝากไว้ที่บ้านเพื่อนคนหนึ่ง…ไม่สิ เพื่อนฉันเห็นว่าเสื้อของฉันสวยดีเลยยืมไปใส่สักวันสองวัน คุณนาย…พรุ่งนี้ฉันจะไปเอามาคืน อย่าโกรธเลย…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งขณะที่เหมยเหมยกลับไม่เชื่อเลยสักนิด ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าพี่ฮวากำลังโกหกทั้งเพ พูดไปสิบประโยคคงไม่เป็นความจริงเลยสักประโยคเดียว

“ตกลงเพื่อนยืมไปหรือเอาไปขายแล้ว?” เหมยเหมยจงใจหลอกถามเธอ

พี่ฮวาตัวสะท้านส่ายศีรษะแรง ๆ “ปะ…เปล่า แค่ยืมไปเฉย ๆ พรุ่งนี้ฉันจะไปขอคืน”

เหมยเหมยแค่นหัวเราะพลางชี้ไปที่สร้อยคอทองคำบนคอของเธอแล้วถามประชด “แล้วสร้อยคอทองคำเส้นนี้ของเธอได้มาจากไหนล่ะ?”

…………………

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

จุดจบที่ความตาย กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นบันดาลให้เธอได้ย้อนกลับไปในปี 1985

เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างตัวเองวัย 12 ปี!

เมื่อได้รับชีวิตที่เหมือนได้เกิดใหม่คราวนี้ เธอจึงตัดสินใจลิขิตชะตาด้วยสองเป้าหมาย…

หนึ่ง… มีชีวิตอย่างอิสรเสรี ไม่สนใจสายตาใคร และไม่รับความรักอันน้อยนิดที่ญาติมิตรมีให้

สอง… แก้แค้น สิ่งที่พี่สาวกับอดีตคนรักติดค้างไว้ เธอจะต้องเอาคืนให้หมดในชาตินี้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท