คุณเป็นใคร?
ฟึ่บ!
ทันทีที่พูดจบ ตราหยกอันหนึ่งก็ลอยออกจากฝ่ามือของเจียงฟังโหย่ว มันลอยออกไปนอกหน้าต่างของขุมสมบัติ ครู่ต่อมา บริเวณโดยรอบก็พลันมีชีวิต รังสีเจิดจ้าเปล่งประกายครอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่
ด้วยความสามารถในการหยั่งรู้ของเจียงฟังโหย่ว เขาบอกได้ว่าทรัพย์สมบัติเหล่านี้เพิ่งถูกนำออกไปได้ไม่นาน จากการคำนวณอันรวดเร็ว เขาสรุปได้ว่าเจ้าหัวขโมยนั่นคงยังไม่ได้ออกจากขุมสมบัติ
หากเขาปิดกั้นพื้นที่ทั้งหมดไว้ด้วยค่ายกลและตรวจตราทั่วทั้งขุมสมบัติอย่างถี่ถ้วน ก็แน่ใจว่าจะต้องลากคอเจ้าหัวขโมยนั่นออกมาได้!
หลังจากปิดกั้นทั่วทั้งบริเวณไว้แล้ว ทั้งคู่ก็เดินขึ้นไปชั้น 3, เมื่อเห็นว่าชั้น 3 ก็ว่างเปล่า เจียงฟังโหย่วขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด เขาแน่นหน้าอกเสียจนรู้สึกเหมือนจะระเบิดได้ทุกขณะ
สิ่งนี้คือความมั่งคั่งที่ตระกูลเจียงสั่งสมมาด้วยความยากลำบากตลอดหลายปีที่ผ่านมา! หมอนั่นบังอาจขโมยทรัพย์สมบัติของพวกเขาไปหมด…
รอให้ฉันจับตัวแกได้ก่อนเถอะ ฉันสาบานเลยว่าฉันจะฉีกแกเป็นชิ้นๆ!
…..
จางเซวียนระบายลมหายใจยาว จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน
เรียบร้อย!
เขาห่อหุ้มร่างของตัวเองไว้ด้วยพลังจิตวิญญาณ จากนั้นก็เดินไปที่แท่นหินซึ่งอยู่ใจกลางห้อง
เป็นอย่างที่คาดไว้ แรงกดดันจากแท่นหินนั้นลดต่ำลงจนถึงระดับที่เขารับมือได้
จางเซวียนเดินหน้าไป 2-3 ก้าว และคว้าฉนวนที่ลอยอยู่เหนือแท่นหิน
ฟึ่บ!
จางเซวียนต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ามือของเขาทะลุผ่านฉนวนไป คว้าได้แต่อากาศว่างเปล่า
“อะไรกัน? หมายความว่า…ฉนวนนี่เป็นของปลอมหรือ?” จางเซวียนถึงกับผงะ
ด้วยแรงกดดันหนักหน่วงที่ฉนวนแผ่ออกมา เขาคิดว่ามันจะต้องเป็นของล้ำค่าที่อย่างน้อยก็อยู่ในระดับขั้นเดียวกับหินหมึกของนักปราชญ์โบราณจื้อหยู่ แต่เขากลับไม่สามารถแตะต้องมันได้
หรือว่ามันคือภาพลวงตา?
ถ้าเขารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ จะไม่มีวันเสียเวลาไปกับการฝึกฝนวรยุทธและทำความเข้าใจแก่นสารของจิตวิญญาณเลย…
เขาเสียเวลาอยู่ที่นี่ตั้งสิบอึดใจแล้ว!
ขณะที่จางเซวียนกำลังจะออกจากห้องด้วยความผิดหวัง ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามา เดี๋ยวก่อน ของล้ำค่าชิ้นนี้มีชื่อว่าฉนวนของจิตวิญญาณไม่ใช่หรือ? หรือว่าจะจับมันได้…ก็ต้องใช้จิตวิญญาณเท่านั้น?
จางเซวียนแน่ใจว่ารู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากฉนวนที่พุ่งเข้าใส่จิตวิญญาณของเขา มันไม่มีทางเป็นของปลอมไปได้…ในเมื่อแรงกดดันเป็นของจริง ก็ดูไม่สมเหตุสมผลหากจะคิดว่าของล้ำค่านั้นเป็นภาพลวงตา แต่เขาก็ยังไม่สามารถจับมันได้ด้วยมือเปล่า
ในเมื่อเป็นแบบนั้น จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าฉนวนนั้นเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้เหมือนกับจิตวิญญาณ? ถ้าจะจับมันได้ ก็ต้องใช้จิตวิญญาณต้นกำเนิดเพียงอย่างเดียว
จางเซวียนทรุดตัวลงนั่งกับพื้นและถอดจิตวิญญาณต้นกำเนิดออกจากหว่างคิ้ว ด้วยการโบกมือ เขารู้สึกได้ถึงคลื่นความเย็นที่สั่นสะท้านไปทั่วจิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขาขณะที่คว้าบางสิ่งที่จับต้องได้เอาไว้
จางเซวียนรู้ทันทีว่าข้อสันนิษฐานของเขาถูกต้อง นัยน์ตาของเขาเบิกโพลงด้วยความตื่นเต้น เขารีบคว้าฉนวนนั้นและพยายามดึงมันออกมา
ฟึ่บ!
จางเซวียนเกือบล้มลงไปกองกับพื้นขณะที่พยายามทำแบบนั้น
หนักจริงๆ! เขาหรี่ตาด้วยความประหลาดใจ
ถึงฉนวนจะดูไม่ใหญ่โตนัก แต่กลับหนักอึ้งราวกับภูเขา ด้วยวรยุทธของจิตวิญญาณขั้นการพักฟื้นภายใน เขายังไม่อาจนำมันออกมาได้หากไม่ได้เตรียมพร้อม
ขอดูหน่อยเถอะว่าจะหนักขนาดไหน! จางเซวียนคิดขณะสูดหายใจลึก
เขารวบรวมพละกำลังและพยายามยกฉนวนอีกครั้ง
ฉนวนค่อยๆลอยตัวสูงขึ้นเมื่อมีกระแสพลังจิตวิญญาณนับไม่ถ้วนล้อมรอบมันอยู่ จากนั้น ขุมสมบัติที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาก็สั่นสะท้านไม่หยุด ราวกับฉนวนนั้นทำหน้าที่ปกป้องทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่อยู่ภายในอาคารหลังนี้เอาไว้ และการนำฉนวนออกไปก็หมายถึงอาคารจะต้องพังทลาย
…..
“แย่แล้ว! มีคนอยู่ชั้นบนสุด!”
ที่ชั้นล่าง เจียงฟังโหย่วรู้สึกได้ว่าขุมสมบัติทั้งหมดกำลังสั่นสะท้าน สีหน้าของเขาเคร่งเครียด รู้ดีว่าไม่มีเวลาจะเสียแล้ว จึงพรวดพราดขึ้นบันไดไป
…..
“เก็บ!”
รู้ดีว่าการสั่นสะท้านของขุมสมบัติจะต้องทำให้ผู้คนแห่กันมา การอยู่ตรงนี้ย่อมไม่ปลอดภัยอีกต่อไป จางเซวียนจึงรีบเก็บฉนวนของจิตวิญญาณไว้ในแหวนเก็บสมบัติ
แม้ขุมสมบัติจะสั่นสะท้านอย่างรุนแรงขณะที่เขานำฉนวนออกมา แต่ก็ไม่ได้พังทลายอย่างที่คิดไว้
จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอกและดึงจิตวิญญาณต้นกำเนิดกลับเข้าร่าง ขณะที่กำลังจะกลับออกไป ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังอยู่ด้านล่าง ใครคนหนึ่งกำลังรีบขึ้นมา
“เร็วจัง?” จางเซวียนหรี่ตาด้วยความระแวง
เขาสะบัดมือ จากนั้นก็บิดเบือนมิติรอบตัว ทำให้ร่างของเขาหายวับไป
ฟึ่บ!
พริบตาต่อมา เจียงฟังโหย่วกับเจียงเฟยเฟยก็พรวดพราดเข้ามาในห้อง
เมื่อเห็นแท่นหินว่างเปล่า เจียงฟังโหย่วแทบเสียสติ เขารีบใช้การรับรู้จิตวิญญาณตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ ทำให้ทั่วทั้งบริเวณหนักอึ้งเหมือนปรอท
“ท่านพ่อ…”
เป็นครั้งแรกที่เจียงเฟยเฟยได้เห็นท่านพ่อของเธอมีสีหน้าพรั่นพรึงขนาดนี้ เธอตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
“ตรวจสอบให้ทั่ว ไอ้หัวขโมยนั่นคงยังไปได้ไม่ไกลหรอก!” เจียงฟังโหย่วสั่งการด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“ได้!” เจียงเฟยเฟยพยักหน้าและรีบลงบันไดไป
ทันทีที่สาวน้อยจากไป เจียงฟังโหย่วเดินไปที่แท่นหินและลูบผิวหน้าของมันอย่างแผ่วเบา ดูเหมือนไม่อยากเชื่อว่าใครคนหนึ่งขโมยฉนวนของจิตวิญญาณไปแล้วจริงๆ เขาคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “ไอ้สารเลวตัวไหนที่ทำแบบนี้ได้…”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันขวับและจิ้มนิ้วพรวดเข้าไปที่มุมหนึ่งของห้องซึ่งว่างเปล่า
จิ้งจอกเจ้าเล่ห์!
เห็นนิ้วพุ่งสวนมายังทิศทางที่เขาอยู่ จางเซวียนไม่สามารถซ่อนตัวได้อีกต่อไป เขารีบกระโจนหลบ
การที่เจียงฟังโหย่วจะมีพละกำลังทัดเทียมกับเซียนดาบชิงและคนอื่นๆก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ที่สำคัญกว่านั้น เขามีพลังจิตวิญญาณที่เหนือกว่าใครๆด้วย อันที่จริง เจียงฟังโหย่วรับรู้ได้ถึงการปรากฏตัวของจางเซวียนตั้งแต่ตอนที่ใช้การรับรู้จิตวิญญาณตรวจสอบเมื่อครู่นี้แล้ว แต่เลือกที่จะทำเป็นไม่รู้อะไรเพื่อทำให้อีกฝ่ายไม่ทันระวังตัว
ฟิ้วววว!
การโจมตีของเขามีพลังแผดเผาของนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ นิ้วของเจียงฟังโหย่วทำลายปราการมิติของจางเซวียน เมื่อรู้ตัวว่าคงหลบไม่ทันแน่ จางเซวียนขนลุกด้วยความประหลาดใจ
เรียกพลัง!
รู้ดีว่าไม่มีทางเอาชีวิตรอดได้หากต้องเผชิญหน้าตัวต่อตัวกับเจียงฟังโหย่ว จางเซวียนจึงรีบเรียกพลังจากหยดเลือดของตระกูลจางภายในร่างของเขาทันที
ในชั่วพริบตานั้น เวลาก็ดูจะช้าลง
นิ้วที่เขามองตามแทบไม่ทันอยู่เมื่อครู่ดูเหมือนจะแข็งทื่ออยู่กลางอากาศ และความเกรี้ยวกราดของอีกฝ่ายก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาอย่างชัดเจน
เมื่อรู้สึกได้ถึงพละกำลังมหาศาลที่อยู่รอบตัว เส้นผมของจางเซวียนถึงกับตั้งชัน เขาแข็งแกร่งจริงๆ! ขนาดเราใช้การเร่งเวลาแล้ว ก็ยังยื้อเวลาได้ไม่นาน…
ครั้งล่าสุดที่เขาเห็นเจียงฟังโหย่ว ใบหน้าของอีกฝ่ายมีแต่รอยยิ้ม ใครจะไปคิดว่าเขาจะมีพละกำลังที่น่าสะพรึงขนาดนี้!
โดยเฉพาะสำหรับแรงกดดันของจิตวิญญาณที่มีพละกำลังมหาศาลที่เขากำลังแผ่ออกมา ขนาดเรียกพลังจากหยดเลือดของตระกูลจางมาแล้ว แต่จางเซวียนก็รู้ดีว่าเขาคงใช้พลังของมันได้ไม่นานนัก ในเวลาเดียวกัน ปราการของมิติที่เขามีอยู่ก็ไม่มีประโยชน์มากนักเช่นกัน
เพราะเมื่อจิตวิญญาณทรงพลังมาก ก็สามารถกดข่มทั้งเวลาและมิติได้!
ลงท้าย ปัญหาก็คือระดับวรยุทธที่อ่อนด้อยของเขา หากทั้งคู่มีวรยุทธระดับเดียวกัน จางเซวียนก็คงสามารถยื้อเวลาได้สบายโดยที่เจียงฟังโหย่วไม่ทันรู้ตัว
รู้ดีว่าตอนนี้เขาสู้กับเจียงฟังโหย่วไม่ได้ จางเซวียนจึงพุ่งพรวดออกจากห้องโดยไม่ลังเล
แต่ยังไม่ทันจะไปได้ไกล ศิลปะการใช้นิ้วมือของเจียงฟังโหย่วก็ทำลายการเร่งเวลาของจางเซวียน ก่อนที่ปราการมิติที่เขาสร้างไว้จะแตกกระจาย
คลื่นความสั่นสะเทือนจากการแตกกระจายนั้นระเบิดออกไปทั่วทั้งบริเวณและกระแทกเข้ากับแผ่นหลังของจางเซวียน เลือดเอ่อขึ้นมาในลำคอของเขา จางเซวียนเกือบกระอักเลือดออกมา
“คุณมาจากตระกูลจางหรือตระกูลหลัว?” เจียงฟังโหย่วถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
ก่อนหน้านี้ ไอ้สารเลวนั่นซ่อนตัวอยู่ในปราการมิติ แต่เมื่อรู้แล้วว่าที่ซ่อนของตัวเองถูกเปิดเผย ก็รีบใช้พลังของเวลาเพื่อหลบหนี
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมองไม่เห็นหน้าตาของอีกฝ่าย
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครในโลกนี้ที่สำเร็จความเข้าใจทั้งแก่นสารของมิติและแก่นสารของเวลา!
หมอนี่เป็นใครกัน?
ฟึ่บ!
จางเซวียนไม่สนใจคำถามของเจียงฟังโหย่ว เขารีบพุ่งเข้าหาหน้าต่าง
จะมีอะไรที่เขาควรทำเมื่อกอบโกยทรัพย์สมบัติของอีกฝ่ายไปหมดแล้วนอกจากหลบหนี? จะนั่งรอให้อีกฝ่ายมาเสิร์ฟชาให้หรือไง?
เห็นไอ้หัวขโมยกำลังจะหลบหนีจากขุมสมบัติ เจียงฟังโหย่วคำรามก้อง “แกคิดจะไปไหน?”
ฟิ้ววววว!
พลังจิตวิญญาณของเขาส่งคลื่นความสั่นสะเทือนออกมาและครอบคลุมทั่วทั้งขุมสมบัติไว้อย่างรวดเร็ว เกิดเป็นปราการขนาดใหญ่
แต่ทันทีที่เจียงฟังโหย่วสร้างปราการเสร็จ เสียงล้ำลึกที่บ่งบอกถึงความเป็นปฏิปักษ์ก็ดังก้อง
“ทำลายมันซะ!”
จากนั้น ปราการที่เจียงฟังโหย่วสร้างขึ้นจากพลังจิตวิญญาณก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
“นี่มัน…แก่นสารของจิตวิญญาณ? คะ-คุณ…คุณเป็นใคร?” เจียงฟังโหย่วถึงกับผงะ