Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร – Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 1631

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1631

การเก็บความจำด้วยการรับรู้จิตวิญญาณ, ผลงานของหนังสือพันเล่ม
“คนรุ่นหลัง?”

ฝูงชนอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำนั้น

จางจิ่วเซี่ยวอายุมากกว่าคุณไม่ใช่หรือ?

ชายหนุ่มอายุ 20 ปีคนหนึ่งเรียกผู้ที่แก่กว่าว่า ‘คนรุ่นหลัง’…เอาเถอะ ในแง่ของอาวุโส จางจิ่วเซี่ยวเป็นลูกศิษย์ของเขา การเรียกแบบนี้จึงไม่ถือว่าผิดอะไร เพียงแต่…

มันให้ความรู้สึกที่ประหลาดชอบกล!

อีกอย่าง…

“จางจิ่วเซี่ยวเป็นแค่นักรบระดับเซียนขั้น 8 สูงสุดเท่านั้น ถึงสายเลือดของเขาจะบริสุทธิ์ แต่ก็ไม่เคยร่ำเรียนเทคนิควรยุทธและเทคนิคการต่อสู้ที่เป็นแก่นสารของตระกูลจางมาก่อน พ่อเกรงว่า…” เซียนดาบชิงพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว

เป็นเพราะการประลองที่จัดขึ้นในตระกูลจางที่ทำให้จางจิ่วเซี่ยวฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบระดับเซียนขั้น 8 ขั้นต้น และในระหว่างช่วงเวลานั้น ทางตระกูลจางก็ได้ทุ่มเททรัพยากรให้กับการบ่มเพาะเขา ด้วยเหตุนี้ ผ่านไปไม่นาน จางจิ่วเซี่ยวก็ยกระดับวรยุทธขึ้นเป็นนักรบระดับเซียนขั้น 8 สูงสุดได้สำเร็จ

ด้วยระดับวรยุทธที่มี ถือได้ว่าเขาเป็นนักรบที่โดดเด่นที่สุดในบรรดานักรบรุ่นเดียวกันของตระกูลจาง แต่คู่ต่อสู้ที่เขาจะต้องเผชิญเป็นถึงอัจฉริยะจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์, ถานไท่เจี้ยนขุย!

แถมทุกอย่างยังเลวร้ายลงไปอีก เพราะจางจิ่วเซี่ยวมาจากครอบครัวสาขา จึงไม่เคยมีโอกาสได้เข้าถึงมรดกตกทอดที่เป็นแก่นสารของตระกูลจาง

ไม่ว่าจะมองอย่างไร จางจิ่วเซี่ยวก็ไม่น่าจะมีโอกาสมากนัก

เรื่องนี้มีเครื่องรางฟ้าประทานในตำนานเป็นเดิมพัน แต่จางเซวียนกลับทำราวกับเป็นเรื่องไม่สำคัญ ทำแบบนี้จะดีหรือ?

จางเซวียนไม่ใส่ใจคำแนะนำที่ดังขึ้นรอบตัว เขาโบกมือและสั่งการ “ไม่มีปัญหาหรอกน่ะ เชิญตัวเขามา!”

“ขอรับ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งโค้งคำนับเพื่อรับคำสั่งขณะเดินออกจากห้องโถงใหญ่ ไม่ช้าก็กลับมา พร้อมกับชายหนุ่มที่ถูกพูดถึง

“ท่านอาจารย์!” จางจิ่วเซี่ยวรี่เข้าหาจางเซวียนและโค้งคำนับอย่างงาม

“อือ ผมเชื่อว่าผู้อาวุโสที่ 9 คงบอกกล่าวคุณถึงสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ผมอยากให้คุณเป็นตัวแทนของตระกูลจางในการดวลกับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ และขอบอกให้คุณรู้ไว้ด้วยว่าผมไม่ยอมรับความพ่ายแพ้!” จางเซวียนเอาสองมือไพล่หลัง

“ผมแพ้ไม่ได้?” จางจิ่วเซี่ยวขมวดคิ้ว “ท่านอาจารย์ ผมเพิ่งฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จเมื่อวานนี้เอง จึงยังขัดเกลาวรยุทธไม่ได้เต็มที่…”

เขารู้เรื่องราวจากผู้อาวุโสที่ 9 แล้วระหว่างทางที่เดินมา และรู้ดีว่าการดวลกับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์นั้นสำคัญขนาดไหน หากเขาแพ้ คงต้องกลายเป็นตัวกาลกิณีของตระกูลจางแน่!

“คุณยังขัดเกลาวรยุทธได้ไม่เต็มที่หรือ? เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาเลย” จางเซวียนลุกขึ้นยืนและสั่งการจางจิ่วเซี่ยว “นั่งลง!”

“ขอรับ ท่านอาจารย์”

จางจิ่วเซี่ยวไม่รู้ว่าท่านอาจารย์ของเขากำลังจะทำอะไร แต่รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่สั่งการโดยปราศจากเหตุผล จึงทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิกับพื้นโดยไม่รีรอ

จางเซวียนเดินอ้อมไปด้านหลังจางจิ่วเซี่ยว เขายื่นมือออกมาและวางลงบนศีรษะของอีกฝ่าย

จางจิ่วเซี่ยวประหลาดใจเล็กน้อยกับการกระทำของจางเซวียน เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา ก็พอดีกับที่รู้สึกได้ว่ามีกระแสพลังงานอุ่นๆไหลเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งมาจากฝ่ามือนั้น

กระแสพลังงานอุ่นนี้ไหลเวียนไปทั่วร่างของเขาอย่างรวดเร็ว ขจัดสิ่งอุดตันและซ่อมแซมร่างกายบางส่วนที่บอบช้ำของเขาซึ่งเป็นผลมาจากการฝ่าด่านวรยุทธที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน

ในชั่วพริบตา วรยุทธของเขาก็กลมกลืนกันอย่างสมบูรณ์แบบกับสมอง จิตวิญญาณ และกายเนื้อ ความคลาดเคลื่อนในการควบคุมวรยุทธหายวับไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้พลังปราณไหลเวียนได้อย่างราบรื่นตามใจปรารถนา จางจิ่วเซี่ยวรู้สึกราวกับตัวเองเป็นนักรบผู้ช่ำชองซึ่งสำเร็จวรยุทธขั้นนี้มาหลายปีแล้ว

“เอ่อ…”

หนานกงหยวนเฟิงกับถานไท่เจินชิงมองหน้ากันอย่างตกตะลึง ทั้งคู่แทบไม่เชื่อสายตา

นี่ไม่ใช่การถ่ายทอดวรยุทธ จึงไม่ถือว่าผิดกฎ

สิ่งที่ชายหนุ่มกำลังทำคือผสานวรยุทธของลูกศิษย์ของเขาให้กลมกลืนกันกับกายเนื้อและจิตวิญญาณโดยใช้ศาสตร์ลับบางอย่าง เป็นการกระทำที่บอกได้เลยว่าการพูดนั้นง่ายกว่าการทำมาก

เพราะนอกจากจะต้องมีพลังปราณที่บริสุทธิ์อย่างน่าทึ่งและสามารถควบคุมพลังงานของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เขาต้องเข้าใจสภาวะร่างกายของลูกศิษย์อย่างถ่องแท้ด้วย

สำนักขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่มีผู้เชี่ยวชาญมากมาย แต่ไม่มีใครสักคนที่ทำแบบนี้ได้ อันที่จริง แม้แต่นักปราชญ์โบราณก็คงไม่กล้าอวดอ้างอย่างมั่นใจว่าพวกเขาจะทำมันได้สำเร็จ!

แต่นักรบระดับเซียนขั้น 9 สูงสุดคนหนึ่งทำสิ่งนี้ได้อย่างง่ายดาย…

หัวหน้าตระกูลจางจะเก่งกาจไร้เทียมทานไปหน่อยไหม?

“เอาล่ะ ตอนนี้คุณคงขัดเกลาวรยุทธระดับเซียนขั้น 8 สูงสุดได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ส่วนเรื่องมรดกตกทอดของตระกูลจาง…” จางเซวียนย่นหน้าผากเล็กน้อย เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

ครู่ต่อมา เขาก็เงยหน้ามองถานไท่เจินชิง จากนั้นก็ประสานมือและโค้งคำนับให้อีกฝ่ายด้วยสีหน้าขอโทษขอโพย “ผู้อาวุโสถานไท่ ลูกศิษย์ของผมเพิ่งกลับสู่ตระกูลจางได้ไม่นาน จึงเชี่ยวชาญในเทคนิควรยุทธของครอบครัวสาขาเท่านั้น ถ้าคุณให้เวลาผมสักระยะหนึ่ง ผมจะถ่ายทอดบางกระบวนท่าให้เขา ด้วยวิธีนี้ เขาจะพร้อมกว่าเดิมสำหรับการดวลกับลูกศิษย์ของคุณ”

“คุณจะถ่ายทอดบางกระบวนท่าให้กับลูกศิษย์ของคุณตอนนี้หรือ?”

ขนาดคนรักษากิริยาอย่างถานไท่เจินชิงก็ยังอดชะงักไม่ได้กับคำขอของจางเซวียน

กฎเกณฑ์แห่งเวลานั้นเป็นที่รู้กันว่าเป็นนามธรรมและยากที่จะทำความเข้าใจ ซึ่งก็จะยากขึ้นไปอีกหากเป็นศิลปะที่เกี่ยวข้องกับกาลเวลาซึ่งแตกแขนงมาจากกฎเกณฑ์ของเวลา แม้แต่ลูกศิษย์ของเขาก็ยังต้องใช้เวลาหลายปีภายใต้คำชี้แนะของเขากว่าจะเข้าใจหลักการพื้นฐานของมัน แต่ชายหนุ่มบอกว่าจะตั้งต้นสอนลูกศิษย์ของเขาตอนนี้

เอาจริงๆสิ?

จางเซวียนคิดว่าถานไท่เจินชิงกำลังกังวลว่าเขาจะใช้เวลานานเกินไป จึงพูดเสริมพร้อมกับยิ้มให้ “ไม่ต้องห่วงนะ ผมไม่ใช้เวลานานหรอก หนึ่งชั่วโมงก็พอแล้ว”

“หนึ่งชั่วโมง…” ถานไท่เจินชิงยิ่งจังงังหนักกว่าเดิมหลังจากได้ยิน

หมอนั่นจะเรียนอะไรได้ภายในเวลาชั่วโมงเดียว?

อีกอย่าง คู่ต่อสู้ที่จะต้องเผชิญก็คือลูกศิษย์ของเขาซึ่งเป็นนักรบขั้นการพักฟื้นภายใน!

ไม่ใช่ถานไท่เจินชิงคนเดียวที่งงงันกับคำขอซึ่งดูเหลวไหล หนานกงหยวนเฟิงกับบรรดาลูกศิษย์ของเขาก็มองหน้ากันอย่างงุนงง

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะเข้ามาใกล้อีกนิด อยากเห็นว่าจางเซวียนจะถ่ายทอดศิลปะแห่งกาลเวลาให้กับลูกศิษย์ของเขาภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงได้อย่างไร แต่ในตอนนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงร้อนรนของเซียนดาบชิง

“เซวียนเอ๋อ ลูกเพิ่งกลับตระกูลจางได้เพียง 2 วันนะ! ยังไม่ได้รับการถ่ายทอดมรดกตกทอดของตระกูลเลย แล้วจะเอาอะไรถ่ายทอดให้จิ่วเซี่ยว?”

“….” หนานกงหยวนเฟิงกับถานไท่เจินชิงถึงกับเซ

ลงท้าย แม้ตัวชายหนุ่มเองก็ยังไม่ได้เชี่ยวชาญในศิลปะแห่งกาลเวลาเลยด้วยซ้ำ แต่กล้าประกาศว่าจะถ่ายทอดมันให้กับลูกศิษย์ของเขาภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง

เอาจริงๆสิ คุณบอกพวกเราหน่อยได้ไหมว่าในสมองของคุณคิดอะไรอยู่?

หัวหน้าตระกูลจางปัญญาอ่อนขนาดนี้เลยหรือ?

“ไม่มีปัญหา ผมศึกษามันตอนนี้เลยก็ได้…ผู้อาวุโสที่ 8, คุณถือกุญแจหอสมุดของตระกูลจางนี่ ผมอยากให้คุณนำหนังสือเทคนิควรยุทธและหนังสือเทคนิคการต่อสู้ทั้งหมดของตระกูลมาที่นี่ ตอนนี้เลยนะ” จางเซวียนสั่งการ

“ขอรับ ท่านหัวหน้า”

ผู้อาวุโสที่ 8 รีบออกไปจากห้องโถงใหญ่ ครู่ต่อมาเขาก็กลับมาอีกครั้ง ด้วยการสะบัดข้อมือ หนังสือจำนวนมากที่อัดแน่นอยู่บนชั้นหนังสือก็ปรากฏต่อหน้าฝูงชน มันมีจำนวนมากมายมหาศาล รวมแล้วก็หลายแสนเล่ม

เหตุผลที่ตระกูลจางสามารถบ่มเพาะผู้เชี่ยวชาญติดต่อกันได้หลายชั่วคนและรักษาตำแหน่งของตัวเองในฐานะตระกูลนักปราชญ์หมายเลข 1 ของทวีปแห่งปรมาจารย์ไว้ได้ก็เป็นเพราะมรดกตกทอดที่มีมากมายของพวกเขา หนังสือเทคนิควรยุทธและเทคนิคการต่อสู้ที่ถูกสะสมมาหลายต่อหลายปีนั้นถือเป็นภาพอันน่าประทับใจ

อันที่จริง ผู้อาวุโสที่ 8 นำหนังสือมาเพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะเวลาที่มีจำกัด เขาจึงไม่อาจนำมาทั้งหมดได้

“ผมรบกวนคุณด้วยนะ” จางเซวียนหันไปขอบคุณผู้อาวุโสที่ 8 ก่อนจะหันกลับมามองหนังสือที่อยู่ตรงหน้า

เขาใช้การรับรู้จิตวิญญาณกวาดไปทั่วทั้งชั้นหนังสืออย่างรวดเร็ว พริบตาต่อมา หนังสือหลายแสนเล่มก็ลอยขึ้นสู่กลางอากาศและพลิกหน้าของมันเองโดยอัตโนมัติ

“นี่มัน…การเก็บความจำด้วยการรับรู้จิตวิญญาณ ผลงานของหนังสือพันเล่ม? ทำได้อย่างไร?”

ถานไท่เจินชิงนัยน์ตาเบิกโพลงอย่างไม่อยากเชื่อ

“การเก็บความจำด้วยการรับรู้จิตวิญญาณนั้นคือการที่นักรบจะต้องแบ่งการรับรู้จิตวิญญาณของเขาเป็นเศษเสี้ยวมากมายนับไม่ถ้วน เพื่อเข้าซึมซาบและเก็บรายละเอียดในหนังสือเล่มต่างๆไว้เป็นความทรงจำในเวลาพร้อมๆกัน”

“แม้แต่ขงซือเหยาซึ่งเป็นที่รู้กันว่ามีสติปัญญาปราดเปรื่องที่สุดในสำนักแห่งขงจื๊อก็ทำได้เพียงแค่เก็บความจำจากหนังสือพร้อมกันทีเดียว 3,000 เล่ม เพียงเท่านั้นก็เป็นวีรกรรมที่ไม่มีใครทำลายสถิติได้ตลอดหลายหมื่นปีที่ผ่านมาแล้ว…”

“แต่ชายหนุ่มคนนี้พลิกหน้าหนังสือทีเดียวหลายแสนเล่มพร้อมๆกัน การรับรู้จิตวิญญาณของเขาจะต้องทรงพลังขนาดไหน?”

หนานกงหยวนเฟิงอ้าปากค้าง

นักรบระดับเซียนขั้น 2 ทุกคนสามารถใช้การรับรู้จิตวิญญาณของตัวเองจดจำข้อความในหนังสือได้อย่างรวดเร็ว แต่เรื่องนี้จะแตกต่างออกไปมากหากเป็นการจดจำข้อความในหนังสือพร้อมกันทีเดียวหลายเล่ม เพียงแค่อ่านหนังสือพร้อมกัน 2 เล่ม นักรบผู้นั้นก็จะต้องแบ่งแยกสมาธิระหว่างหนังสือทั้งสองเล่มแล้ว และนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนักรบขั้นจิตวิญญาณต้นกำเนิดที่จะทำได้

สำนักขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่มีผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมาย แต่แม้ผู้ที่ปราดเปรื่องที่สุดก็สามารถเก็บความจำจากหนังสือได้พร้อมกันทีเดียว 3,000 เล่มเท่านั้น ส่วนหมอนี่เก็บความจำจากหนังสือได้ทีเดียวพร้อมกันหลายแสนเล่ม…

เขาไม่กลัวว่าหัวสมองจะระเบิดเพราะข้อมูลที่หนักเกินกำลังหรืออย่างไร? ไม่กลัวพิการหรือ?

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Status: Ongoing

ตอนที่ 1 – 2100 อ่านนิยาย

อ่านต่อเลือกตอนข้างล่าง


จางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท