ตอนที่ 1673 ของล้ำค่าระดับกึ่งนักปราชญ์โบราณ
การที่กล่องเหล่านั้นถูกจัดเรียงเป็นรูปแบบของค่ายกลที่ดูลึกลับทำให้จางเซวียนไม่ได้คิดในแง่นั้นมาก่อน แต่หลังจากเปิดใช้ดวงตาหยั่งรู้ เขาก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
ตัวกล่องแต่ละกล่องไม่ได้มีความแปลกประหลาดอะไร แต่เมื่อพวกมันถูกจัดเรียงเป็นรูปแบบเฉพาะ ก็จะให้ความรู้สึกเหมือนกับเมื่อครั้งที่เขาได้รับตอนเข้าสู่สมาคมผู้หยั่งรู้
มีความเป็นไปได้ที่จะใช้การรับรู้จิตวิญญาณและวิถีทางอื่นๆในสมาคมผู้หยั่งรู้ แต่จะใช้ศาสตร์แห่งการทำนายกับสมาคมผู้หยั่งรู้ไม่ได้เลย!
แน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าเหล่าผู้หยั่งรู้ไม่อาจทำนายจากในสมาคมผู้หยั่งรู้ได้ ความหมายที่แท้จริงของมันก็คือไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำนายใครหรืออะไรสักอย่างภายในสมาคมผู้หยั่งรู้ มันเหมือนกับกระจกเงาที่มีด้านเดียว ผู้ที่อยู่ภายในสมาคมผู้หยั่งรู้จะสามารถทำนายได้เฉพาะสิ่งที่อยู่ภายนอก แต่ผู้ที่อยู่ภายนอกไม่อาจทำนายสิ่งที่อยู่ในสมาคมผู้หยั่งรู้ได้
ในบรรดาเก้าสถานะระดับบน เก้าสถานะระดับกลาง และเก้าสถานะระดับล่าง คำว่า ‘เก้า’นั้นคือสัญลักษณ์ของความพิเศษ ไม่ได้หมายความว่าในแต่ละสถานะมีเพียงเก้าอาชีพ อันที่จริง มีอาชีพที่ได้การยอมรับอย่างเป็นทางการในโลกนี้อยู่มากกว่า 30 อาชีพด้วยซ้ำ
มีหลายอาชีพที่จางเซวียนไม่เคยร่ำเรียนมาก่อน แต่ด้วยหนังสือมากมายที่เขาได้อ่านตลอดปีที่ผ่านมา จึงพอเข้าใจบทสนทนาที่มีศัพท์เทคนิคเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้หยั่งรู้…เขาไม่รู้อะไรสักอย่าง!
เขาพยายามจะศึกษาศาสตร์แห่งการทำนายในสมาคมผู้หยั่งรู้อยู่หลายครั้ง แต่ทันทีที่พยายามจะศึกษา สายฟ้าจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนก็จะฟาดลงมาจากสวรรค์
หอสมุดเทียบฟ้าที่อยู่ในสมองของเขาเปรียบได้กับสวรรค์ และเหล่าผู้หยั่งรู้ที่พยายามค้นหาความลับของสวรรค์ก็ไม่ต่างอะไรกับหัวขโมย จึงเป็นธรรมดาที่หอสมุดเทียบฟ้าจะไม่ปล่อยให้มีศาสตร์แห่งการทำนายหลุดรอดเข้ามา ส่งผลให้จางเซวียนไม่สามารถเรียนรู้มันได้
ก็เพราะสิ่งนี้ที่ทำให้เขาไม่มีทางเลือก นอกจากต้องยอมถอดใจจากการเรียนรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการทำนาย
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังรู้สึกได้ว่ามันเป็นความรู้สึกเดียวกับที่ได้รับเมื่อครั้งอยู่ในสมาคมผู้หยั่งรู้ นั่นนั่นคือสิ่งที่จางเซวียนรู้สึกอยู่ในตอนนี้
เราเคยคิดว่าสมาคมผู้หยั่งรู้ร่วมมือกับเผ่าพันธุ์ปีศาจเพื่อช่วยพวกมันให้ลักลอบเข้าสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ แต่อาจไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ จางเซวียนคิด
นับตั้งแต่ร่างกายท่อนบนของไอ้โหดถูกขโมยไป เขาก็คิดมาตลอดว่าสมาคมผู้หยั่งรู้สาขาต่างๆได้ทรยศมวลมนุษย์ ไม่อย่างนั้น พวกเขาก็ควรจะทำนายการมาถึงของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณซึ่งเข้าสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ และรายงานเรื่องนี้ให้สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ได้รับรู้
แต่มาคิดอีกที เผ่าพันธุ์ปีศาจก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากสมาคมผู้หยั่งรู้เพื่อทำสิ่งนั้น สิ่งที่พวกมันต้องการก็คือผู้หยั่งรู้ระดับ 9 ดาวสักคนหนึ่งเพื่อร่วมมือกับพวกมันในการสร้างของล้ำค่าขึ้นมา เมื่อมีของล้ำค่าที่ต้านทานการทำนายได้ ก็จะสามารถปกปิดการปรากฏตัวของนักปราชญ์โบราณจากสายตาของสวรรค์ทำให้การทำนายของสมาคมผู้หยั่งรู้ไม่เป็นผล
แต่ทำไมของล้ำค่าที่ต่อต้านการทำนายถึงมาอยู่ที่นี่? เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นการสู้รบที่ยืดเยื้อ บรรดาสมาคมผู้หยั่งรู้ก็ไม่น่าจะเป็นภัยคุกคามอะไรมากมายกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ หรือว่าพวกมันกำลังวางแผนจะใช้ของล้ำค่าเหล่านี้สังหารเซียนดาบชิงเหมิง? ความคิดของจางเซวียนล่องลอยไปไกล
ด้วยความสามารถในการทำนายอนาคต เหล่าผู้หยั่งรู้จึงเป็นผู้ที่รับมือด้วยได้ยาก แต่พวกเขาก็มีขีดจำกัดของตัวเอง คือสามารถทำนายบุคคลหรือสภาวะของเหตุการณ์ทั่วไปได้เท่านั้น บรรดาผู้หยั่งรู้จะทำอะไรไม่ได้มากนักในการเปิดเผยความลับสุดยอดทางการทหาร อย่างเช่นแผนการและยุทธวิธีของศัตรู ดังนั้น ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาจึงมีจำกัด
ด้วยเหตุนี้ ตระกูลจางจึงไม่ได้นำผู้หยั่งรู้ของตระกูลเข้าสู่สนามรบ
เผ่าพันธุ์ปีศาจก็น่าจะรู้เรื่องนี้เหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นไปได้ที่กล่องเหล่านี้จะถูกจัดเตรียมไว้เพื่อรับมือกับเหล่าผู้หยั่งรู้
แล้วถ้าตัดบรรดาผู้หยั่งรู้ออกไป ผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากเครื่องรางต่อต้านการทำนายก็มีแต่เซียนดาบชิงเหมิงเท่านั้น
เซียนดาบชิงเหมิงเป็นนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3-แรงผลักดันสัญชาตญาณ ซึ่งทำให้พวกเขารับรู้ถึงอันตรายได้โดยสัญชาตญาณและสามารถหลบเลี่ยงได้ทันท่วงที กล่องเหล่านี้จะสกัดกั้นความสามารถของพวกเขาไว้ ทำให้การสังหารทั้งคู่เป็นไปได้ง่ายขึ้น
หากเราไม่รู้ก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ในเมื่อเราตอนนี้เรารู้แล้ว ก็จะไม่มัวมีพิธีรีตองอยู่ละนะ…จางเซวียนคิดขณะเหยียดริมฝีปากยิ้ม
คนอื่นๆอาจไม่รู้วิธีที่จะเข้าโจมตีและทำลายของล้ำค่าที่ต่อต้านการทำนาย แต่สำหรับเขานั้นไม่ใช่ ทั้งหมดที่จางเซวียนต้องทำก็คือแตะหอสมุดเทียบฟ้า แล้วสายฟ้าก็จะฟาดลงมา…
ตอนนี้เราไม่ควรรีบร้อน เราให้สัญญากับเล่ยเล่ยน้อยไว้ว่าจะให้คำชี้แนะ หากเราเรียกมันมาตอนนี้ อย่างน้อยเราก็ควรจะได้ให้คำชี้แนะกับมันสักหน่อยเพื่อที่มันจะได้แข็งแกร่งขึ้น หากเราทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นได้มากพอที่จะทำลายเผ่าพันธุ์ปีศาจได้ทั้งหมด ก็คงจะเยี่ยมยอด…จางเซวียนคิด
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเรียกการทดสอบสายฟ้าเข้าสู่อาณาจักรใต้ดินแต่ด้วยการยั่วยุจากของล้ำค่าเหล่านั้น สวรรค์ย่อมจะตอบสนองคำขอของหอสมุดเทียบฟ้า และส่งการลงทัณฑ์มายังคนทรยศ!
เพียงแต่…เขาเคยเผชิญหน้ากับการทดสอบสายฟ้าที่ส่งการลงทัณฑ์เข้าใส่เหล่าผู้หยั่งรู้มาหลายครั้งแล้ว ซึ่งอานุภาพทำลายล้างของมันไม่เหมือนกับการทดสอบวรยุทธ การทดสอบสายฟ้านี้จะเล่นงานเพียงแค่ของล้ำค่าหรือตัวบุคคลเท่านั้น…แล้วเขาจะต้องทำอย่างไร ถึงจะเรียกการทดสอบสายฟ้าที่มีขนาดใหญ่โตพอจะสังหารเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งหมดได้?
เผ่าพันธุ์ปีศาจพวกนี้ไม่ได้เป็นพวกที่เล่นตามกฎเกณฑ์เหมือนอย่างเหล่านักรบจากศาลาว่าการที่ราบธารน้ำแข็งและปูชนียสถานนักปราชญ์ หากการทดสอบสายฟ้ามาปรากฏเหนือพวกมันในตอนนี้พวกมันคงจะขับไล่การทดสอบสายฟ้าไปก่อนที่จะทันได้ทำอย่างอื่น
เมื่อต้องเผชิญกับทั้งกองทัพ ก็ไม่มีทางที่การทดสอบสายฟ้าจะทำอะไรได้
อีกอย่าง การทดสอบสายฟ้าโดยทั่วไปไม่มีอันตรายมากนักกับนักรบที่มีระดับวรยุทธเหนือกว่าขั้นร่างอันทรงเกียรติหากพวกมันเตรียมตัวพร้อม ในวรยุทธระดับนี้ มีแต่เปลวเพลิงสวรรค์เท่านั้นที่สามารถทำอันตรายพวกมันได้
เผ่าพันธุ์ปีศาจที่ได้เผชิญหน้ากับเซียนดาบชิงเหมิงน่าจะเป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานเป็นอย่างน้อย เพราะฉะนั้น การทดสอบสายฟ้าแบบทั่วไปจึงทำอันตรายมันไม่ได้มาก
หากเราจะทำจริงๆ ก็ต้องเรียกการทดสอบสายฟ้าที่มีพลังมากพอตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นก็มีแต่จะทำให้พวกมันรู้ตัว…จางเซวียนคิดขณะที่พยายามระงับความอยากใช้หอสมุดเทียบฟ้าเอาไว้
“หยุด!”
ขณะที่ความคิดของจางเซวียนกำลังล่องลอยไป เขาก็ยังคงเดินไปพร้อมกับพลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวอื่น พวกเขาเดินทางมาหลายลี้ก่อนที่นายพลอ้าววั่วจะยกมือขึ้นและสั่งการให้หยุด
เห็นเผ่าพันธุ์ปีศาจทุกตัวชะงักฝีเท้า จางเซวียนก็ไม่กล้าทำอะไรให้เป็นที่ผิดสังเกต
“วางกล่องลงที่นี่ แล้วพวกคุณก็กลับไปได้!”
“ขอรับ”
ทุกตัวรีบพยักหน้า พวกมันวางกล่องลงก่อนจะออกจากพื้นที่นั้นไป
จางเซวียนออกมาพร้อมกับพลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวอื่นๆ แต่หลังจากเดินมาได้ระยะหนึ่ง เขาก็แอบสร้างฉนวนแห่งมิติขึ้นล้อมรอบตัวเองเพื่อพรางตัวไว้ ก่อนจะลักลอบกลับไป
หลังจากที่เขาเดินกลับไปได้ไม่นาน ก็เห็นเผ่าพันธุ์ปีศาจร่างใหญ่โตตัวหนึ่งกำลังเดินเข้ามา
เผ่าพันธุ์ปีศาจร่างใหญ่ตัวนั้นแผ่รังสีที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าตัวอื่นๆทำให้เกิดความน่าเกรงขามอย่างน่าทึ่ง เจตนาสังหารอันทรงพลังที่มันแผ่ออกมารอบตัวมันนั้นดำมืดราวกับหมึก แค่การเหลือบมองเพียงครั้งเดียวก็มากพอจะทำให้เจตนาสังหารเข้าเล่นงานจิตใจของอีกฝ่ายจนสูญสิ้นประสิทธิภาพการต่อสู้แล้ว
ฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจ! จางเซวียนหรี่ตา
ลำพังแค่ความเข้มข้นของเจตนาสังหารที่เผ่าพันธุ์ปีศาจร่างใหญ่แผ่ออกมา ก็เหนือชั้นกว่าฮ่องเต้ฉิงเทียนมาก จางเซวียนรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่คล้ายคลึงกับไอ้โหดและเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณที่เขาเพิ่งสังหารไป แน่นอนว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนี้อ่อนด้อยกว่ามากหากเปรียบเทียบกับทั้งคู่ แต่ก็ยังถือว่าไร้เทียมทานอยู่ดี
ต่อให้มันไม่ใช่ฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจ ก็คงจะใกล้เคียง
“คารวะท่านแม่ทัพ” นายพลอ้าววั่วรีบประสานมือและทักทายเผ่าพันธุ์ปีศาจร่างใหญ่ตัวนั้น
“อือ!” แม่ทัพพยักหน้า “ตอนนี้คุณไปได้แล้ว ผมไม่อยากให้ใครรบกวน”
“ขอรับ ท่านแม่ทัพ” นายพลอ้าววั่วพยักหน้าก่อนจะรีบเดินจากมา
หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ แม่ทัพเผ่าพันธุ์ปีศาจก็เดินเข้าหากล่องเหล่านั้น ด้วยการโบกมืออย่างสง่างาม ทุกกล่องก็ระเบิดออก เปิดเผยให้เห็นความลับที่อยู่ภายใน
ภายในแต่ละกล่องคือแผ่นหินที่มีความสูงเท่าๆกัน มีกระจกเงาบานหนึ่งวางอยู่บนแผ่นหินแต่ละแผ่น กระจกเงาเหล่านี้อยู่ในมุมแตกต่างกันไป เมื่อส่งแสงสะท้อนออกมาก็ก่อเกิดเป็นภาพสามมิติที่มีรูปร่างเหมือนกระดองเต่าอยู่กลางอากาศ
การปรากฏขึ้นของภาพ 3 มิติกระตุกความรู้สึกของจางเซวียน มันคือสัญญาณที่บ่งบอกว่าปราการที่ปกปิดบางอย่างจากสวรรค์ไว้มีความแข็งแกร่งขึ้น หากเขาไม่เห็นกับตา เขาจะไม่รู้เลยว่ามีของล้ำค่าแบบนี้ซ่อนอยู่
ยังมีอีกกล่องหนึ่งอยู่ตรงนั้น
ถึงตอนนี้ จางเซวียนสังเกตเห็นว่ายังมีอีกกล่องหนึ่งอยู่ตรงกลางซึ่งยังไม่ถูกเปิดออก
แม่ทัพเผ่าพันธุ์ปีศาจหลับตาและสัมผัสรังสีที่อยู่รอบตัวก่อนจะเดินไปยังกล่องที่อยู่ตรงกลาง มันทาบฝ่ามือลงไปบนฝากล่อง
บึ้มมม!
กล่องนั้นระเบิดออก เผยให้เห็นกระบี่สีแดงก่ำราวกับเลือดที่ลอยอยู่กลางอากาศ ด้ามกระบี่เป็นรูปหัวกระโหลกที่มีสีหน้าดุร้ายกระบี่เล่มนั้นให้ความรู้สึกที่ดูโหดเหี้ยม
ช่างเป็นกระบี่ที่ไร้เทียมทานอะไรอย่างนี้…ถึงจะยังเทียบไม่ได้กับหอกสวรรค์กระดูกมังกร แต่แน่นอนว่าจะต้องเป็นของล้ำค่าที่ไม่ธรรมดา…จางเซวียนหรี่ตา
รังสีอันตรายที่แผ่ออกมาจากกระบี่นั้นแข็งแกร่งกว่าดาบของนักปราชญ์โบราณจื่อร่งที่หนานกงหยวนเฟิงมอบให้ตระกูลหลัวเสียอีก!
“นี่มันของล้ำค่าระดับกึ่งนักปราชญ์โบราณนี่!” เสียงหอกสวรรค์กระดูกมังกรดังขึ้นในหัวของจางเซวียน