อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1687 ชัยชนะเด็ดขาด
จางเซวียนโบกมือ จากนั้นก็รีบเก็บศพทั้งสองเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ
ตอนที่เขาเปิดเผยตัวเองก่อนหน้านี้ ก็ตั้งใจสกัดกั้นมิติที่อยู่ข้างล่างไว้เพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจของเหล่าพลทหาร เพราะไม่อย่างนั้น หากพวกมันรู้ว่ามีใครคนหนึ่งกำลังเล่นงานแม่ทัพใหญ่ เขาคงจะถูกสอยร่วงลงจากกลางอากาศก่อนที่จะทันได้ทำอะไร
จางเซวียนสำรวจพื้นที่ข้างล่างอย่างรวดเร็ว และหลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครเห็น ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็หันไปมองตัวโคลนด้วยสีหน้าเหยเกเล็กน้อย
เขารู้ว่ามีโอกาสที่แผนการสังหารอู๋ชู่จะล้มเหลว และนั่นคงจะทำให้เขารับมือกับสองแม่ทัพใหญ่ได้ยาก ดังนั้น จึงให้ตัวโคลนคอยสังเกตการณ์อยู่ในมิติที่ถูกสกัดกั้นไว้ โดยเตรียมพร้อมที่จะเข้าโจมตีสองแม่ทัพใหญ่หากแผนการของเขาล้มเหลว โชคดีที่เมื่อทุกอย่างเริ่มไม่เป็นไปอย่างที่คิด แผนสำรองก็ใช้การได้ทันท่วงที
แต่ถึงอย่างไร…อู๋ชู่กับเป่ยชิงก็เป็นนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 4 โลกจารึก เขาคิดว่าต่อให้ตัวโคลนทำให้พวกนั้นไม่ทันระมัดระวังตัวได้ ก็คงทำได้แค่เบี่ยงเบนความสนใจของพวกมันชั่วคราวและเล่นงานได้สักหน่อย ใครจะไปคิดว่าตัวโคลนของเขาจะระเบิดหัวของทั้งสองตัวได้ด้วยการใช้หมัดเพียงสองหมัด?
หรือว่าหมอนี่…แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม?
จางเซวียนเคยคิดว่าเขาคงสามารถสั่งสอนบทเรียนให้ตัวโคลนได้หลังจากที่ฝ่าด่านวรยุทธครั้งล่าสุดเป็นผลสำเร็จ แต่ดูเหมือนเขาจะมั่นใจมากเกินไป
หากทดลอง ก็คงลงเอยด้วยการที่ต้องฟกช้ำดำเขียวอีกรอบ
“คุณควรลงไปข้างล่างและหาโอกาสเปิดการโจมตี!” รู้ดีว่ามีแต่จะช้ำใจหากพูดอะไรกับตัวโคลนต่อ จางเซวียนจึงสั่งการขณะลงไปยังสนามรบข้างล่าง
ตอนที่เขาปรากฏตัวตรงหน้ากองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจ จางเซวียนก็ปลอมตัวเป็นอู๋ชู่เรียบร้อย
“ผมสังหารเจ้าเป่ยชิงแล้ว กองทัพอำมาตย์เฉินหลิง ฟังคำสั่งของผม! สังหารเจ้าพวกทรยศนั่น!”
แม้จะอยู่ท่ามกลางเสียงกึกก้องของอาวุธที่กระทบกันและเสียงโห่ร้องของการทำสงครามในสนามรบ แต่คำพูดเหล่านั้นก็ดังชัดเจนเข้าไปในหูของพลทหารทุกตัว
“ฆ่าไอ้พวกสารเลวนั่น!”
“ทำให้มันรู้ซึ้งถึงพละกำลังของพวกเรา!”
เมื่อได้ยินคำสั่งจากแม่ทัพใหญ่ พลทหารในสังกัดของอำมาตย์เฉินหลิงก็เกิดความฮึกเหิมถึงขีดสุด
ส่วนอีกด้านหนึ่ง พลทหารในสังกัดของอำมาตย์เฉินชิงก็ถูกเล่นงานจนย่ำแย่
ทั้ง 2 กลุ่มนี้เคยต่อสู้กันได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ แต่ไม่ช้า ความทัดเทียมกันนั้นก็เปลี่ยนไป
ขณะที่จำนวนผู้บาดเจ็บล้มตายของกองทัพอำมาตย์เฉินชิงเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ พลทหารก็เริ่มส่ออาการว่าจะหลบหนี
ในขณะที่กองกำลังของอำมาตย์เฉินชิงกำลังจะเพลี่ยงพล้ำ ร่างเปื้อนเลือดร่างหนึ่งก็ร่อนลงมาจากกลางอากาศแล้วต่อยอู๋ชู่
“ผม, เป่ยชิง จะยอมแพ้ง่ายๆได้อย่างไร? ผมแค่แกล้งตายเพื่อหลอกไอ้งั่งตัวนี้เท่านั้น พี่น้องของเรา, ตอนนี้ผมสังหารอู๋ชู่แล้ว ถึงเวลาที่พวกเราจะได้กลับมาเกรียงไกรอีกครั้ง! เราเป็นกองกำลังของอำมาตย์เฉินชิง ไม่มีทางพ่ายแพ้ให้กับเจ้าพวกอ่อนแอพวกนี้” ร่างเปื้อนเลือดประกาศด้วยน้ำเสียงใส่อารมณ์
คำพูดนั้นทำให้จิตวิญญาณการต่อสู้ของกองกำลังฝ่ายอำมาตย์เฉินชิงฮึกเหิมขึ้นอีกครั้ง พวกมันฮึดสู้ แต่ละตัวชูแขนขึ้นและคำรามกร้าว
ในเมื่อท่านแม่ทัพใหญ่อยู่กับพวกเราแล้ว เราจะทำให้เขาผิดหวังได้อย่างไร?
เราจะต้องสังหารพวกมัน และทำให้พวกมันรู้ว่าไม่มีใครโค่นล้มเราได้!
ขณะที่ความฮึกเหิมของกองกำลังอำมาตย์เฉินชิงถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง เสียงร้องอย่างสิ้นหวังก็ดังมาจากกองกำลังของอำมาตย์เฉินหลิง
จากการที่แม่ทัพใหญ่ของพวกมันประกาศชัยชนะในการต่อสู้ พวกมันก็คิดว่าคงจะชนะอย่างแน่นอนแล้ว ใครจะไปรู้ว่าเจ้าเป่ยชิงนั่นจะกลับมาได้!
แล้วตอนนี้ แม่ทัพใหญ่ของพวกมันก็หายตัวไป เหล่าพลทหารต่างก็รีบหนีด้วยความปั่นป่วน
ใช้เวลาไม่นาน สถานการณ์ก็พลิกผัน
กองกำลังของอำมาตย์เฉินชิงกลับมาแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว ไม่ช้า ฝ่ายอำมาตย์เฉินหลิงก็หนีตายกันอย่างอลหม่าน
แต่ขณะที่กองกำลังของอำมาตย์เฉินหลิงกำลังจะพ่ายแพ้ยับเยิน อีกร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวและสอยเป่ยชิงกระเด็นไป
“แกคิดว่าแกเป็นคนเดียวที่รู้จักวิธีแกล้งตายหรือ? ฉัน, อู๋ชู่ ก็ทำเป็น! ถึงอย่างไรฉันก็จะต้องเป็นคนที่หัวเราะทีหลัง พลทหาร, ผมสังหารเป่ยชิงแล้ว ชูอาวุธของพวกคุณขึ้นและแสดงแสนยานุภาพ ของกองกำลังอำมาตย์เฉินหลิง!”
เมื่อได้ยินแบบนั้น กองกำลังฝ่ายอำมาตย์เฉินหลิงก็เงยหน้าขึ้น และเห็นอู๋ชู่ซึ่งน่าจะตายไปแล้ว กำลังจ้องมองสนามรบด้วยทีท่าสง่างาม
พลทหารทั้งสองกลุ่มถึงกับจังงัง
ขณะที่พวกเราต้องพลีชีพ แม่ทัพใหญ่ก็พากันแกล้งตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า…
แบบนี้มันถูกแล้วหรือ?
ทำไมเราถึงรู้สึกว่าพวกเขาเห็นสงครามอันดุเดือดครั้งนี้ไม่ต่างอะไรกับของเด็กเล่น?
ที่สำคัญกว่านั้น…
พี่ชาย, อย่างน้อยพวกคุณก็ควรจะส่งสัญญาณให้ชัดเจนหน่อยไหมว่าใครยังอยู่หรือตาย?
คุณไม่รู้หรือไงว่าทำให้พวกเราสับสนปั่นป่วนเหลือเกิน!
เห็นพลทหารยังคงนิ่งงัน อู๋ชู่ตวาดก้องลงมาจากกลางอากาศ “พวกคุณรีรออะไรอยู่? เป่ยชิงถูกผมสังหารแล้ว รีบเล่นงานศัตรูเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นผมจะสังหารพวกคุณเสีย!”
“ฆ่ามัน!”
ได้ยินแม่ทัพใหญ่สั่งการ กองกำลังฝ่ายอำมาตย์เฉินหลิงต่างคำรามกร้าวและพุ่งเข้าใส่
เกิดการสังหารอย่างดุเดือดขึ้นอีกครั้ง และขณะที่ชัยชนะกำลังอยู่ตรงหน้า…
“ฮ่าฮ่าฮ่า! อู๋ชู่, แกคงไม่คิดสินะว่าฉันจะแกล้งตายได้อีกครั้ง ใช่ไหม? แกควรภูมิใจนะที่แกจะได้ตายด้วยคมหอกของฉัน! พวกเรา ฟังคำสั่งของผม! เข้าโจมตี และทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีสุนัขรับใช้ตัวไหนของอำมาตย์เฉินหลิงรอดชีวิตไปจากที่นี่ได้”
ร่างของเป่ยชิงปรากฏขึ้นอีกครั้ง และสอยอู๋ชู่กระเด็นไป
เหล่าพลทหารแทบคลุ้มคลั่ง
ท่านแม่ทัพใหญ่ทั้งสอง พวกคุณช่วยหยุดแกล้งตายสักทีได้ไหม?
ตายแล้วฟื้น ตายแล้วฟื้นครั้งแล้วครั้งเล่า…พวกเราจะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร?
ไม่รู้หรือไงว่าพวกคุณทำให้เราเหนื่อยมาก?
เป็นครั้งแรกที่เหล่าพลทหารรู้สึกว่าตัวเองกำลังคาดหวังให้แม่ทัพใหญ่ตายไปจริงๆ แทนที่จะมัวแกล้งตายอยู่แบบนี้ มันเหมือนกับการนั่งรถไฟเหาะตีลังกาที่ขึ้นสูงแล้วก็พุ่งลงต่ำ หัวใจของพวกมัน แบกรับความตื่นเต้นแบบนี้ไม่ไหว!
“เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว…”
จางเซวียนไม่แยแสพลทหารที่แทบจะเสียสติ เมื่อเห็นว่าเหลือพลทหารอยู่น้อยกว่าหมื่นตัวจากแรกเริ่มที่มีถึงแสนตัว เขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
พลทหารหมื่นตัวนี้ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เท่าที่ดูจากสภาพของพวกมัน มันไม่น่าจะผนึกกำลังกันสร้างค่ายกลที่แข็งแกร่งพอจะทำอันตรายเขาได้อีก
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจยังมีไม้ตายอื่นๆอยู่ในมืออีกหรือไม่ จางเซวียนจึงจัดการให้พลทหารต่อสู้กันเองอีกราว 1 ชั่วโมง เมื่อเวลา 1 ชั่วโมงนั้นจบลง เกินกว่าครึ่งของพลทหารหมื่นตัวที่รอดชีวิตก็ถูกกำจัดไป ทำให้เหลือพลทหารอยู่ไม่ถึงห้าพันตัว
ถึงตอนนี้ จางเซวียนยกมือขึ้น แล้วตัวโคลน หม้อต้นกำเนิดทองคำ กระบี่เปลวเพลิงสีดำ และหอกสวรรค์กระดูกมังกรก็พุ่งเข้าโจมตีพร้อมกัน
พลทหารเหล่านี้เป็นแค่นักรบระดับเซียนขั้น 3 และขั้น 4 แถมพวกมันส่วนใหญ่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วจะต้านทานการโจมตีจากของล้ำค่าที่มีวรยุทธทัดเทียมกับนักรบชั่วกัลปาวสานได้อย่างไร? ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที พวกมันก็ถูกกวาดเรียบ
จางเซวียนมองศพที่เรียงรายอยู่กับพื้นก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อความตึงเครียดหายไป เขาก็รู้สึกถึงความเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัสที่โถมเข้าใส่พร้อมกับอาการเวียนศีรษะเล็กน้อย
ตลอดทั้งการสู้รบ จางเซวียนทุ่มเทความพยายามให้กับการปลอมตัวเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครมองทะลุการปลอมตัวของเขาได้ และนั่นทำให้เขาสูญเสียพลังมาก
ตอนนี้พลังจิตวิญญาณของเขาเหือดแห้งไปเกือบหมด
แต่ก็โชคดีที่สุดท้ายเขาทำสำเร็จ
ไม่อย่างนั้น ถ้าใครรู้ว่านี่เป็นแผน ต่อให้กองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจเหลืออยู่เพียงหมื่นตัว สถานการณ์ก็อาจพลิกผันมาเล่นงานเขาได้ ซึ่งพละกำลังของนักรบระดับเซียนขั้น 3 จำนวนหมื่นตัวนั้นเป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้เช่นกัน
จางเซวียนเข้าไปในรังนางพญามด เขาทรุดตัวลงนั่ง จากนั้นก็นำของล้ำค่าที่ใช้เพื่อการฟื้นฟูพลังงานออกมา หลังจากซึมซับพลังงานอย่างดุเดือดอยู่ 1 ชั่วโมงเต็ม สุดท้ายจางเซวียนก็ฟื้นตัวได้เล็กน้อย
“ขอดูหน่อยเถอะว่าคราวนี้เราจะกวาดทรัพย์สมบัติได้มากแค่ไหน…”
ถือเป็นโชคดีที่เขาสังหารกองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีจำนวนนับแสนได้สำเร็จ ทำให้แผนการของพวกมันที่จะเข้าบุกทวีปแห่งปรมาจารย์ต้องล้มเหลว แต่สิ่งที่เขาสนใจมากกว่าในตอนนี้ก็คือจะมีทรัพย์สมบัติมากมายแค่ไหนที่เขาจะได้จากการทำสงคราม
นอกจากข้าวของส่วนตัวของกองทัพที่มีจำนวนนับแสนแล้ว ลำพังแค่ความมั่งคั่งของสองแม่ทัพใหญ่และนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานอีกหลายสิบตัว ก็มากเกินกว่าทรัพย์สมบัติที่ตระกูลจางและตระกูลหลัวสะสมมาตลอดหมื่นปี
“กระบี่สีทองเล่มนี้ทัดเทียมกับกระบี่เปลวเพลิงสีดำ…หอกนี่ดูท่าจะเป็นของล้ำค่าระดับกึ่งนักปราชญ์โบราณ…” จางเซวียนวิเคราะห์ขณะตาโตด้วยความตื่นเต้น
กระบี่สีทองของอู๋ชู่และหอกของเป่ยชิงเทียบได้กับกระบี่เปลวเพลิงสีดำของเหิงเจียง แต่เรื่องนี้ก็พอคาดเดาได้ เพราะถึงพวกมันจะถูกจางเซวียนสังหาร แต่มันก็เคยมีอำนาจควบคุมกองกำลังแข็งแกร่งที่มีจำนวนนับแสนมาก่อน
จางเซวียนขับเคลื่อนพลังปราณเทียบฟ้าของเขาและแปรสภาพมันให้กลายเป็นปราณสังหาร ไม่ช้าเขาก็ได้การยอมรับจากของล้ำค่าทั้ง 2 ชิ้น
“กระบี่ดำกระชากวิญญาณ, หอกทะลุเมฆ…เราได้อาวุธมาครอบครองสองชิ้นแล้ว”
“ขอดูหน่อยเถอะว่าจะหาเทคนิควรยุทธที่เหมาะสมได้หรือเปล่า ถึงจะไม่มีเทคนิควรยุทธที่เหนือกว่าขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ก็คงไม่เลวหากจะสำรวจเทคนิควรยุทธของเผ่าพันธุ์ปีศาจสักหน่อย บางทีเราอาจได้แรงบันดาลใจจากเทคนิควรยุทธของพวกมัน”
จางเซวียนค้นหาสมบัติจากแหวนเก็บสมบัติวงอื่นๆต่อไป แต่ก็ไม่พบอาวุธที่ดีกว่า จึงหันไปสนใจข้าวของอื่นๆ ที่อยู่บริเวณนั้น