ตอนที่ 1675 ทำให้กระบี่ปีศาจยอมจำนน
นี่เป็นครั้งแรกที่แม่ทัพรู้สึกเหมือนจะคลั่ง เขาพบว่าตัวเองใกล้เสียสติเต็มที
ร้องเพลง ร้องเพลง ร้องบ้านแกสิ!
ฉันเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจชั้นสูง เป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสาน แล้วแกจะให้ฉันร้องเพลงกับแกนี่นะ?
หัวแกไปกระแทกหินที่ไหนมาหรือเปล่า?
นายพลอ้าววั่วเป็นลูกน้องที่มีความเก่งกาจและมีกลยุทธเป็นเลิศ แม่ทัพมักพูดถึงเขาด้วยความนิยมชมชอบอยู่เสมอและไว้ใจให้เป็นคนใกล้ชิด อีกฝ่ายรู้กาลเทศะเป็นอย่างดีและไม่เคยทำอะไรล้ำเส้น แต่ทำไมวันนี้ ปุบปับถึงทำตัวน่ารำคาญขึ้นมาได้?
ฉันบอกแกแล้วว่าอย่ามารบกวน แต่แกก็เที่ยวหาเรื่องไร้สาระมาป่วนฉันอยู่นั่น แกจงใจทำแบบนี้ใช่ไหม?
แม่ทัพเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เขารีบพิจารณานายพลอ้าววั่วอย่างถี่ถ้วน แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา รังสี เจตนาสังหาร และสำเนียงการพูด ทุกอย่างก็ล้วนแต่เหมือนกับนายพลอ้าววั่วที่เขารู้จัก…
ถ้าจะมีสิ่งเดียวที่เขาเห็นว่าแตกต่างไปจากเดิม ก็คงจะเป็นหมวกเกราะ
เดี๋ยวก่อน ทำไมหมวกเกราะถึงไม่เหมือนเดิมล่ะ?
หรือว่าหมอนี่จะไม่ใช่นายพลอ้าววั่ว แต่เป็นคนอื่นปลอมตัวมา? แต่เขาก็ไม่เคยได้ยินว่ามีใครในโลกนี้ที่สามารถปลอมตัวได้ถึงขนาดที่แม้แต่เขาก็ยังมองไม่ออก!
ขณะที่แม่ทัพกำลังคิดหนัก นายพลอ้าววั่วก็สูดหายใจลึกและพูดว่า “เอาล่ะ งั้นผมเริ่มก่อนนะ…ปรมาจารย์ขงมีลูกแมวเหมียว, ลูกแมวเหมียว, ลูกแมวเหมียว…”
“พลั่ก!” แม่ทัพกระอักเลือดออกมาอีกกองหนึ่ง นัยน์ตาแดงก่ำด้วยความเกรี้ยวกราด เขาตวาดก้อง “ฉันจะฆ่าแกก่อนเลย!”
เมื่อไม่อาจทนกับความไร้สาระนี้ได้อีกต่อไป แม่ทัพตัดสินใจถอนฝ่ามือจากกระบี่ปีศาจแล้วปล่อยพลังเข้าใส่นายพลอ้าววั่ว
การก่อกวนของนายพลอ้าววั่วทำให้เขาตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบในการรับมือกับกระบี่ปีศาจ และช่วงเวลาเพียงแวบเดียวก็ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงมาก รังสีอันตรายแผ่ซ่านไปทั่วร่างของเขา ทำให้เขาเวียนหัวไปหมด
กระบวนท่าเดียวนี้ทำให้จิตวิญญาณต้นกำเนิดของแม่ทัพได้รับความบอบช้ำอย่างหนัก เขารู้เลยว่าจะต้องใช้เวลาพักฟื้นอย่างน้อยครึ่งปีกว่าจะกลับสู่สภาพเดิม แต่เขาทนไม่ไหวแล้ว
แม้แต่แม่ของเขายังไม่วุ่นวายขนาดนี้!
หากเขาไม่สังหารไอ้สารเลวนี่ หัวใจของเขาคงระเบิดเพราะความโกรธเกรี้ยวที่สะสมอยู่แน่!
ฟิ้ววว!
พละกำลังจากฝ่ามือของแม่ทัพระเบิดออกมาราวกับมังกรผงาด มันพุ่งออกไปด้วยแรงผลักดันหนักหน่วง ในชั่วพริบตาก็ไปอยู่ตรงหน้านายพลอ้าววั่ว
นายพลอ้าววั่วรีบเข้าไปหลบหลังแผ่นหินแผ่นหนึ่งด้วยความพรั่นพรึงขณะร้องออกมา “ท่านแม่ทัพ ผมคืออ้าววั่วคนโปรดของคุณนะ!”
กระจกเงาต้านทานคำทำนายแผ่นหนึ่งตั้งอยู่บนแผ่นหินนั้น ถ้าแม่ทัพปล่อยการโจมตีใส่เขา ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากระจกจะต้องถูกทำลาย และนั่นจะเป็นการเปิดเผยการมีอยู่ของกระบี่ปีศาจ
เมื่อไม่มีทางเลือก แม่ทัพจึงจำเป็นต้องดึงพละกำลังจากฝ่ามือกลับ
ทันทีที่เขาถอนพลังจากฝ่ามือ เสียงร้อนรนของนายพลอ้าววั่วก็ดังขึ้นในหู “ท่านแม่ทัพ ระวังด้วย มีใครคนหนึ่งกำลังโจมตีคุณจากด้านบน!”
แม่ทัพรีบเงยหน้ามอง แต่นอกจากชั้นหมอกหนา ก็ไม่มีใครให้เห็นเลย
ฉึก!
เมื่อรู้ตัวแล้วว่าหลงกล แม่ทัพรีบลดสายตาลง และเห็นหอกเล่มหนึ่งแทงทะลุแผงอกของเขา
ด้วยความที่ไม่ทันระมัดระวังตัว ผนวกกับความแข็งแกร่งและความเร็วอย่างน่าทึ่งในการโจมตีของนายพลอ้าววั่ว แม่ทัพมีสีหน้าเคร่งเครียด เขารีบบิดตัวเพื่อจะหลบการจ้วงแทง
แต่หอกก็ถูกแทงลึกเข้าไปในแผงอกของเขาแล้ว ทำให้เลือดพุ่งกระฉูดออกมา
“ของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่?”
แม่ทัพหรี่ตาด้วยความตกตะลึง
ร่างกายของเขาได้รับการบ่มเพาะจากการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์ ดังนั้นอาวุธทั่วไปจึงไม่อาจทำให้เขาได้รับบาดเจ็บได้ การที่สร้างบาดแผลให้กับร่างอันทรงเกียรติของเขาได้นั้น ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหอกเล่มนี้จะต้องเป็นของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่
เรื่องนี้ทำให้เขาแน่ใจว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่นายพลอ้าววั่ว ต่อให้ทั้งสองจะหน้าตาเหมือนกันแค่ไหนก็เถอะ
เพราะนายพลอ้าววั่วไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้ครอบครองอาวุธระดับนี้ หรือต่อให้เขามี ก็ไม่มีทางที่จะปลดปล่อยพละกำลังของมันออกมาได้ด้วยวรยุทธระดับเซียนขั้น 8 ของเขา
“แกเป็นใคร?” แม่ทัพคำรามอย่างดุร้าย
สมาชิกส่วนใหญ่ของตระกูลจางรวมทั้งเซียนดาบชิงเหมิงล้วนแต่เป็นนักดาบ อันเนื่องจากมรดกตกทอดของพวกเขา ในตระกูลจางไม่น่าจะมีใครที่เชี่ยวชาญศิลปะเพลงหอก
ความสงสัยผุดขึ้นมาในใจของแม่ทัพอย่างฉับพลัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาช้าลง การที่เขารู้ตัวว่าตกอยู่ในอันตรายทำให้กระบวนท่าของเขาเฉียบคมขึ้น หลังจากหลบการจ้วงแทงของหอก แม่ทัพก็ปล่อยพละกำลังจากฝ่ามือเข้าใส่อีกฝ่าย
เขาใช้พละกำลังเต็มพิกัดในฐานะนักรบชั่วกัลปาวสานเพื่อทุ่มเทให้กับการโจมตีครั้งนี้ พละกำลังทำลายล้างของเขาทำให้รอยแยกของมิติถูกเปิดออก แม้แต่อากาศโดยรอบก็ส่งเสียงหวีดหวิวราวกับจะประท้วงความตึงเครียดหนักหน่วงที่มันได้รับ
แต่ก่อนที่พลังฝ่ามือจะเข้าปะทะอีกฝ่าย นายพลอ้าววั่วก็ร้องขึ้นด้วยความตกใจอีกครั้ง “อันตราย! ท่านแม่ทัพ ระวังด้วย!”
แม่ทัพปลดปล่อยการรับรู้จิตวิญญาณของเขาออกมาโดยสัญชาตญาณ แต่พื้นที่ตรงหน้าก็ว่างเปล่าเหมือนเดิม เมื่อรู้ตัวว่าหลงกลอีกครั้ง เขาก็คำรามด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้านเพราะความโกรธเกรี้ยว “แกเตรียมตัวไว้ให้ดีเถอะ!”
พลังปราณของเขาพุ่งออกไปอย่างดุเดือด เพิ่มพละกำลังจากฝ่ามือให้หนักหน่วงขึ้นอีก
ฟึ่บ!
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ทรงพลังระดับนั้น นายพลอ้าววั่วที่อยู่ตรงหน้าเขาก็หลบเข้าไปอยู่หลังแผ่นหินแผ่นหนึ่งด้วยความพรั่นพรึง
“แก ไอ้สารเลว!” เมื่อมีกระจกอีกเงาอีกบานหนึ่งขวางเส้นทางการโจมตีอยู่ แม่ทัพก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องถอนพละกำลังจากฝ่ามือกลับ “เมื่อไหร่แกจะเลิกขี้ขลาดและเผชิญหน้ากับฉันอย่างลูกผู้ชายเสียที?”
ความจริงที่ว่าอีกฝ่ายสามารถทำให้เขาได้รับบาดเจ็บได้นั้นหมายความว่าหมอนั่นจะต้องมีพละกำลังที่ใกล้เคียงกับนักรบขั้นชั่วกัลปาวสาน หรืออาจจะทัดเทียมกัน ผู้ที่มีความแข็งแกร่งระดับนี้จะภาคภูมิใจในศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของตัวเอง และจะทำเต็มที่เพื่อรักษาสองสิ่งนี้ไว้ แต่หมอนี่ กลับเข้าไปซ่อนอยู่หลังกระจกเงา ไม่กล้าเผชิญหน้ากับการโจมตีของเขา ผู้เชี่ยวชาญเขามีนิสัยแบบนี้กันหรือ?
หน้าไม่อาย! ขี้ขลาดตาขาว!
แกไม่คิดบ้างหรือว่าคนที่ทรงพลังอย่างแกไม่ควรจะใช้การเล่นสกปรกแบบนี้?
แม่ทัพเคยปะทะกับเหล่าปรมาจารย์มาก่อน พวกเขาล้วนแต่รักศักดิ์ศรีและมีความชอบธรรม ยอมตายเสียดีกว่าจะให้ศักดิ์ศรีของตัวเองถูกย่ำยี…แต่นั่นดูเหมือนจะยังไม่พอสำหรับหมอนี่ที่ปลอมตัวเป็นนายพลอ้าววั่วมารบกวนเขาระหว่างการฝึกฝนวรยุทธ หมอนี่ยังกล้าพูดพล่ามเรื่องโกหกออกมาราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยและเอาแต่หลบซ่อนอยู่หลังกระจกเงา
เลิกทำตัวเป็นไอ้ขี้ขลาดตาขาวที่หน้าไม่อายและมาเผชิญหน้ากับฉันเสียที! ถ้าแกกล้าพอจะทำในสิ่งที่แกทำลงไปแล้ว แกก็ควรจะกล้าเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของฉันด้วย!
แม่ทัพคำรามและพุ่งเข้าใส่เพื่อจะฉีกอีกฝ่ายให้เป็นชิ้นๆ ก็พอดีกับพี่นายพลอ้าววั่วชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้งและร้องออกมา “ระวังด้วย! อันตราย!”
“อันตรายบ้านแกสิ!” รู้ดีว่านี่เป็นแค่กลยุทธการเบี่ยงเบนความสนใจอีกครั้ง แม่ทัพไม่ใส่ใจคำพูดนั้น แล้วปล่อยการโจมตีต่อไป
แต่ยังไม่ทันที่ฝ่ามือของเขาจะถึงตัวเป้าหมาย ร่างของเขาก็ขนลุกขนชันไปทั้งตัว เขารู้สึกได้ถึงพละกำลังมหาศาลที่ร่วงลงมาจากกลางอากาศ มันเหนือชั้นเกินกว่าที่ขอบเขตการรับรู้จิตวิญญาณของเขาจะรู้สึกได้ว่ามันคืออะไร และด้วยความเร็วในการเดินทางของสิ่งนั้น ไม่มีทางที่เขาจะหลบมันพ้น
พลั่ก!
ร่างของแม่ทัพบี้แบนอยู่กับพื้น ในชั่วพริบตา ร่างกายของเขาก็แหลกละเอียด เลือดสีแดงก่ำกระอักออกจากปากราวกับน้ำพุ
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ในที่สุด ผม, ติงติง ก็ได้กลับมาแล้ว! โลกจะต้องแตกเป็นเสี่ยงๆอยู่ใต้ก้นของผม!” เสียงร้องอย่างตื่นเต้นดังมาจากสิ่งที่อยู่เหนือร่างของแม่ทัพ
ก้นขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายอิฐบิดไปมาอยู่บนร่างของแม่ทัพ ทำให้เกิดเสียงกรุบกรับ ในการบิดตัวแต่ละครั้ง เลือดกองแล้วกองเล่าก็กระอักออกจากร่างของเขา
“….”
แม่ทัพอยากจะกู่ก้องร้องตะโกนออกมา
ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ การจะสร้างมันขึ้นก็เป็นไปได้ด้วยความยากลำบาก ทำให้เป็นของล้ำค่าที่แสนจะหายาก แม้แต่นักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังต้องอิจฉาตาร้อนหากเขามีของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่ในครอบครอง แต่หอกและก้อนอิฐที่หมอนั่นมีก็เป็นของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ…
เจ้าปีศาจตนนี้มาจากไหน?
“ผมเตือนคุณแล้วนะ ผมบอกให้คุณระวัง แต่คุณก็ไม่สนใจคำเตือนของผมเลย…” จางเซวียนส่ายหน้าอย่างผิดหวัง ราวกับกำลังตำหนิเด็กดื้อที่ไม่ยอมฟังคำแนะนำของผู้ใหญ่
เขาถอนหายใจเฮือก จากนั้นก็เดินเข้าหาร่างของแม่ทัพและรูดแหวนเก็บสมบัติออกจากนิ้วของเขา
“….” แม่ทัพ
ฉันยังไม่ตาย!
“ฉันจะยกหมอนี่ให้พวกแกนะ” หลังจากถอดแหวนเก็บสมบัติออกมาแล้ว จางเซวียนก็โบกมือก่อนจะเลิกสนใจแม่ทัพที่นอนแน่นิ่งอยู่
ทั้งหอกสวรรค์กระดูกมังกรและหม้อต้นกำเนิดทองคำต่างยินดีปรีดาที่ได้รับคำสั่งนั้น เนิ่นนานมาแล้วที่พวกมันไม่มีโอกาสได้สำแดงพลัง ดังนั้น หม้อต้นกำเนิดทองคำจึงบิดก้นของมันไปมาเพื่อรีดเลือดหยดสุดท้ายออกจากร่างของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่อยู่ใต้ก้นของมัน ขณะที่หอกสวรรค์กระดูกมังกรก็จ้วงแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า…
เมื่อมอบหมายภารกิจให้กับของล้ำค่าทั้ง 2 ชิ้นของเขาแล้ว จางเซวียนก็หันไปสนใจกระบี่ปีศาจ
กระบี่ปีศาจเล่มนี้แข็งแกร่งกว่าหม้อต้นกำเนิดทองคำเสียอีก รังสีอันตรายที่มันแผ่ออกมามีอานุภาพโจมตีจิตวิญญาณที่รุนแรงถึงขนาดที่ทำให้แม้แต่เผ่าพันธุ์ปีศาจก็ยังต้องจังงัง ถ้าเขามีอาวุธชิ้นนี้ไว้ในครอบครอง คงจะเอาชนะบรรดาแม่ทัพได้ง่ายกว่าเดิมมาก
ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็คือนำกระบี่ปีศาจเล่มนี้มาผนึกกำลังกันกับหอกสวรรค์กระดูกมังกรและหม้อต้นกำเนิดทองคำ แล้วทั้งสามก็จะทำให้แม่ทัพทุกคนถึงจุดจบได้เพียงแค่เขากระดิกปลายนิ้ว
“ขอลองดูหน่อยเถอะ!”
จางเซวียนหวนนึกถึงสิ่งที่แม่ทัพทำเมื่อครู่นี้ เขาเดินเข้าไปแล้วคว้าด้ามจับของกระบี่ปีศาจไว้
บึ้มมม!
เจตนาสังหารพวยพุ่งเข้าสู่ร่างของเขา แทงทะลุเข้าสู่จิตวิญญาณต้นกำเนิด
วิ้ง!
จิตวิญญาณต้นกำเนิดของจางเซวียนเรืองแสงสีทองออกมา และสลายเจตนาสังหารนั้นไป
“ช่างเป็นการโจมตีที่น่าทึ่งจริงๆ…”
แม้จะสกัดกั้นการโจมตีได้สำเร็จ แต่จางเซวียนก็ยังต้องถอยไปก้าวหนึ่งเพราะพลังจากเจตนาสังหารนั้น
ถ้าเขาไม่ได้บ่มเพาะจิตวิญญาณต้นกำเนิดด้วยเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุดมาก่อน การโจมตีครั้งนี้คงจะสร้างความบอบช้ำสาหัสให้เขาแน่
“ขอดูหน่อยเถอะว่าเจตนาสังหารของแกจะเหนือชั้นกว่าฉันหรือเปล่า!”
ถ้าแกคิดจะใช้เจตนาสังหารเล่นงานฉัน ฉันก็จะไม่มีพิธีรีตองแล้วนะ
จางเซวียนขับเคลื่อนพลังปราณเทียบฟ้า และในชั่วพริบตา เจตนาสังหารดุเดือดก็พุ่งเข้าใส่กระบี่ปีศาจ มันเป็นเจตนาสังหารดิบๆที่ยังไม่ได้ผ่านการขัดเกลา แต่ความบริสุทธิ์ของมันนั้นสามารถทำให้เลือดในกายของคู่ต่อสู้ถึงกับแข็งตัวได้
แต่แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดคิด ยังไม่ทันที่เจตนาสังหารจะเข้าถึงกระบี่ปีศาจที่แสนหยิ่งเล่มนั้น กระบี่ปีศาจก็ร่วงลงกับพื้น แล้วโน้มตัวลงต่ำอย่างนอบน้อมราวกับกำลังคารวะเจ้านายคนใหม่ ร่างของมันสั่นสะท้านไม่หยุด บ่งบอกถึงความหวาดกลัวอย่างล้ำลึกในตัวบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“….”
แม่ทัพมองเห็นภาพนั้นผ่านนัยน์ตาที่บวมเป่ง น้ำตาไหลเป็นทางอาบใบหน้าของเขา
แกควรจะเป็นอาวุธที่เย่อหยิ่งและรักศักดิ์ศรีไม่ใช่หรือ?
ทำไมถึงยอมจำนนให้หมอนั่นรวดเร็วขนาดนี้? ศักดิ์ศรีและความโอหังของแกหายไปไหนหมด?