อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1719 เปิดใช้งานแท่นบูชา
เท่าที่เห็น ดูเหมือนเราจะยังล้าหลังคนอื่นๆอยู่ ต้องเร่งมือหน่อยแล้ว…
จางเซวียนเสียเวลาไปเกือบ 10 ชั่วโมงกับการเดินทางผ่านมิติทั้ง 3 มิติ ซึ่งหากใครสักคนเข้าถึงหอบริวารได้ระหว่างช่วงเวลานี้ ทรัพย์สมบัติที่อยู่ภายในก็คงถูกกวาดเกลี้ยง
เขาต้องทำเวลา จะมัวเสียเวลาไปกับการค้นหาทางออกไม่ได้
จางเซวียนหันกลับไปมองเผ่าพันธุ์ปีศาจ และเห็นว่าพวกมันจัดเตรียมของล้ำค่าสำหรับแท่นบูชาเกือบเสร็จแล้ว รู้ดีว่าไม่มีเวลาจะเสีย จางเซวียนทาบนิ้วลงไปบนเส้นด้ายที่สกัดกั้นวรยุทธของเขาไว้
วิ้ง!
เกิดการกระตุก หนังสือเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในหอสมุดเทียบฟ้า
ข้อมูลที่อยู่ภายในหนังสือนั้นลอยเข้าสู่สมองของเขา
“พันธนาการถ่วงวิญญาณ, ของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอานุภาพในการสกัดกั้นพลังปราณและจิตวิญญาณของนักรบไว้ ทำจากเส้นเอ็นของอสูรที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึก, ปลานรกดึกดำบรรพ์ แม้แต่นักรบขั้นชั่วกัลปาวสาน โลกจารึกก็ยังหนีรอดจากมันได้ยาก ข้อบกพร่อง : …”
เมื่ออ่านรายละเอียดจบ จางเซวียนพยักหน้า
เป็นอย่างที่เขาคาดเดาไว้ ของล้ำค่าที่คุมขังคนกลุ่มนี้เป็นของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ถ้าเขาเลือกสังหารเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวที่สวมชุดเกราะสีดำแทนที่จะปล่อยให้ตัวเองถูกจับ หูเหยาเหย่ากับคนอื่นๆจะต้องถูกพวกมันฆ่าทิ้งแน่!
เราต้องจัดการกับสิ่งนี้ก่อน…จางเซวียนสูดหายใจลึกก่อนจะเปิดใช้ดวงตาหยั่งรู้
เมื่อรู้ข้อบกพร่องของเส้นด้ายแล้ว เขาก็หาวิธีจัดการมันได้อย่างรวดเร็ว
ฟึ่บ!
เพียงแค่ใช้ความคิด จิตวิญญาณต้นกำเนิดของจางเซวียนก็สลัดเอาเส้นด้ายนั้นออกไปได้อย่างแผ่วเบา พลังปราณของเขาทำลายของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่และไหลเวียนทั่วร่างกายได้อย่างราบรื่นอีกครั้ง
แต่จางเซวียนก็ไม่กระโตกกระตาก เขาหันไปส่งโทรจิตหาผู้อาวุโสที่อยู่ข้างๆ “ผู้อาวุโส คุณอยากฆ่าเผ่าพันธุ์ปีศาจพวกนี้ไหม?”
ผู้อาวุโสถึงกับผงะ
การที่อีกฝ่ายสามารถส่งโทรจิตหาเขาได้ก็หมายความว่าชายหนุ่มไม่ได้ถูกสกัดกั้นวรยุทธไว้
เกรงว่าผู้อาวุโสจะพูดอะไรที่ทำให้เผ่าพันธุ์ปีศาจรู้ตัว จางเซวียนรีบพูดต่อ “อย่าเพิ่งพูดอะไรนะ แค่ทำตามคำสั่งของผม ผมมีกระแสพลังปราณอยู่ ผมอยากให้คุณทำตามคำสั่งและถ่ายทอดพลังปราณเข้าสู่เส้นด้ายที่พันรอบข้อมือของคุณ”
รู้ดีว่ามีความจำเป็นสูงสุดที่จะต้องไม่ทำให้เผ่าพันธุ์ปีศาจรู้ตัว ผู้อาวุโสพยักหน้าอย่างเงียบๆ
“เพื่อทำลายเส้นด้ายที่พันธนาการพวกเราไว้ เราต้องใช้คน 10 คนร่วมมือกัน ผมจึงอยากให้คุณถ่ายทอดพลังปราณนี้ไปยังคนอื่นๆด้วย” จางเซวียนสั่งการขณะถ่ายทอดกระแสพลังปราณเข้าสู่ร่างของผู้อาวุโส
วิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกับของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็คือต้องทำให้มันยอมจำนนและนำมาใช้ประโยชน์ ซึ่งวิธีการที่จะทำให้มันยอมจำนนได้นั้นจะต้องเล่นงานจุดอ่อนของมันให้ได้ 10 ข้อพร้อมกัน แต่ในเมื่อตอนนี้ทุกคนถูกคุมตัวไว้ และเขาก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรมากไปเพราะเกรงจะทำให้เผ่าพันธุ์ปีศาจรู้ตัว จางเซวียนจึงต้องยืมมือคนเหล่านี้เพื่อสำแดงพลังปราณของเขา
ผู้อาวุโสพยักหน้าขณะทำปากบุ้ยใบ้ ได้สิ
ด้วยการใช้ร่างของตัวเองเป็นสะพาน ผู้อาวุโสถ่ายทอดกระแสพลังปราณไปยังนักรบที่อยู่ติดกับเขา
นักรบที่ได้รับกระแสพลังปราณไปนั้นถึงกับผงะไปครู่หนึ่ง แต่ก็ได้รับโทรจิตจากจางเซวียนอย่างรวดเร็ว กระบวนการนี้จึงดำเนินต่อไป
รู้ดีว่านี่เป็นหนทางเดียวที่จะเอาชีวิตรอด ทุกคนจึงทำตามคำสั่งของจางเซวียนอย่างเคร่งครัดโดยไม่พูดอะไรสักคำ กระแสพลังปราณเดินทางไปเป็นรูปครึ่งวงกลมก่อนจะถึงตัวหูเหยาเหย่า
เป็นคุณจริงๆด้วย…
เมื่อได้ยินและรับรู้ได้ถึงกระแสพลังปราณที่ไหลเข้าสู่ร่างของเธอ ภาพชายหนุ่มคนหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวสมองของหูเหยาเหย่า ร่างของเธอกระตุกและรีบหันขวับไปมอง
เซวียนจาง…จางเซวียน! เป็นเขาจริงๆ!
เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยๆเมื่อได้ยินอีกฝ่ายประกาศชื่อของตัวเอง
ถ้าหมอนั่นอยู่ที่นี่ ทุกคนก็ปลอดภัยแล้ว
แม้เธอจะเข้าสู่สมาคมผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์สำนักงานใหญ่หลังจากที่ออกจากสถาบันปรมาจารย์หงหย่วนไปได้ไม่นาน แต่ข่าวคราวของจางเซวียนก็แพร่สะพัดมาเข้าหู
ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือน เขาได้รับทั้งเกียรติและตำแหน่งสูงส่งในทวีปแห่งปรมาจารย์ หากจางเซวียนออกโรงด้วยตัวเองแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอ
จางเซวียนไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งมองเห็นเขาแล้ว เขายังคงส่งโทรจิตหาทุกคนต่อไป “เอาล่ะ เคลื่อนไหวตามคำสั่งของผมนะ ดูให้แน่ใจก่อนว่าถ่ายทอดพลังปราณที่ผมมอบให้ให้กับคนข้างๆคุณแล้ว เราจะปล่อยให้เกิดความผิดพลาดไม่ได้!”
พริบตาต่อมา ทุกคนที่ได้พลังปราณจากจางเซวียนก็ทาบนิ้วลงบนเส้นด้ายที่พันรอบข้อมือของพวกเขาพร้อมกัน
“เริ่ม!”
วิ้ง!
เส้นด้ายนั้นสั่นสะท้านเล็กน้อย แล้วจางเซวียนก็รู้สึกได้ถึงกระแสจิตใต้สำนึกที่ซึมซาบเข้าสู่หัวสมองของเขา
ของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ยอมจำนนให้เขาแล้ว!
“คุ้มกันคนพวกนี้ไว้ ถ้าเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวไหนจงใจทำให้พวกเขาได้รับอันตราย ยับยั้งมันไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม!” จางเซวียนสั่งการเส้นด้ายก่อนจะหันกลับไปมองเผ่าพันธุ์ปีศาจอีกครั้ง
พวกมันยังคงวุ่นอยู่กับการจัดเรียงแท่นบูชา และอีกราว 10 นาทีหลังจากนั้นพวกมันก็หยุด
แม้ทุกตัวจะดูเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส แต่ก็มีความตื่นเต้นปรากฏอยู่ในแววตา
เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวหนึ่งประสานมือและรายงาน “ท่านแม่ทัพ พวกเราจัดเตรียมแท่นบูชาเรียบร้อยแล้ว พร้อมเปิดใช้งานได้ทุกเมื่อ!”
“เยี่ยมเลย บอกเจ้าพวกนั้นให้เตรียมตัวด้วย!” เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวที่สวมชุดเกราะสีดำพยักหน้ารับ
มันสะบัดข้อมือ แล้วคริสตัลที่ดูเย็นเยือกก็มาอยู่ในกำมือของมัน มันนำคริสตัลนั้นไปวางไว้ที่ใจกลางแท่นบูชา
วิ้ง!
เกิดแสงสว่างเรืองโอบล้อมแท่นบูชาไว้ กระแสพลังงานดูเหมือนจะไหลเวียนช้าๆอยู่ในพื้นที่โดยรอบ
คริสตัลนั่น…คือของล้ำค่าที่อารักขามิติหิมะนี้ไว้หรือเปล่า? จางเซวียนสงสัย
ผู้อารักขามิติผืนป่าคือ 5 อสูรผู้ยิ่งใหญ่ ผู้อารักขามิติทะเลทรายคือไม้ทรายเหลืองวิปลาส ส่วนคริสตัลเย็นเยือกนี้ก็ดูจะกลมกลืนกันดีกับสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยหิมะ จนถึงขนาดที่ดูเหมือนว่ามันกุมอำนาจของทั้งมิตินี้ไว้
เพียงเท่านี้ก็เห็นชัดแล้วว่าเป็นรูปแบบเดียวกันกับ 5 อสูรผู้ยิ่งใหญ่และไม้ทรายเหลืองวิปลาส
ในเมื่อมีความเป็นไปได้ที่ผู้อารักขาจะเป็นทั้งอสูรและพืช ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่สินแร่จะทำหน้าที่นี้ไม่ได้
วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!
ทันทีที่แท่นบูชาถูกเปิดใช้งาน พลังงานจากก้อนคริสตัลก็ดูจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ลำแสงเจิดจ้าระเบิดขึ้นสูงกลางอากาศ ฉีกกระชากมิติจนเกิดรอยแยก
ดูเหมือนมิติแต่ละแห่งจะมีฉนวนแห่งมิติปิดกั้นไว้ ทำให้ผู้ที่เข้ามาไม่อาจเคลื่อนไหวได้สูงเกินกว่าหรือต่ำลงไปเกินกว่า 30 เมตร ดังนั้น เมื่อลำแสงพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 30 เมตร มันก็ดิ้นรนที่จะผ่านฉนวนไปให้ได้ แต่ก็ไม่อาจก้าวข้ามขีดจำกัดนั้น
“เรียกพลัง!”
เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวที่สวมชุดเกราะสีดำมีสีหน้าเคร่งเครียด มันแตะแท่นบูชา และแท่นบูชาก็เริ่มมีปฏิกิริยา ราวกับก้อนน้ำแข็งที่ถูกนำไปวางไว้ในหม้อที่มีอานุภาพแผดเผา ของล้ำค่าชิ้นต่างๆที่วางอยู่บนแท่นบูชาเริ่มหลอมละลาย ทำให้ลำแสงนั้นมีพละกำลังเพิ่มขึ้น
เมื่อได้การผนึกกำลังจากการเรียกพลังจากของล้ำค่า ในที่สุดลำแสงนั้นก็ฝ่าปราการมิติขึ้นไปได้ มันคำรามลั่นและพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ด้วยการโจมตีของลำแสง เกิดประกายระยิบระยับมากมายปรากฏขึ้นทั่วไป มิติหิมะสั่นสะท้านไม่หยุดราวกับมีใครบางคนพยายามฉีกกระชากมัน
พวกมันกำลังพยายามทำลายกฎเกณฑ์ของมิติในมิติแห่งนี้หรือ? จางเซวียนชะงักด้วยความประหลาดใจ
เขายังคิดอยู่ว่าการทำลายมิติเพื่อเข้าสู่วิหารแห่งขงจื๊อนั้นจะทำได้อย่างไร แต่นึกไม่ถึงว่าวิธีการจะเป็นแบบนี้
กลับกลายเป็นว่าความมั่นคงแข็งแกร่งของมิติในอาณาจักรโบร่ำโบราณนั้นเป็นผลจากการทำงานอย่างเป็นระเบียบของกฎเกณฑ์แห่งมิติ ตราบใดที่ใครสักคนทำลายระเบียบของกฎเกณฑ์แห่งมิตินั้นได้ ก็สามารถฉีกกระชากมิติให้เกิดรอยแยกและเข้าสู่วิหารแห่งขงจื๊อได้ทันที
ฟิ้วววว!
ยิ่งจำนวนของล้ำค่าที่อยู่บนแท่นบูชาถูกหลอมละลายไปมากเท่าไหร่ ลำแสงนั้นก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ช้ามันก็สูงขึ้นไปเกินกว่า 50 เมตร
60 เมตร!
70 เมตร!
80 เมตร!
…..
99 เมตร!
ดูเหมือนที่ความสูงนั้นจะเป็นขีดจำกัดของท้องฟ้าแล้ว ขณะที่ลำแสงเข้าปะทะจุดนั้น ฉนวนก็ปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง ประกายเจิดจ้าของลำแสงซึมซาบผ่านรอยแยกทั้งหมดที่มีอยู่บริเวณนั้น
แต่ไม่ว่าลำแสงจะพยายามโจมตีฉนวนอย่างไร ก็ไม่อาจผ่านมันไปได้
วิหารขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง ดูเหมือนมันซ่อนตัวอยู่อีกฟากหนึ่งของฉนวนนั้น
“นั่นมันวิหารแห่งขงจื๊อนี่!” จางเซวียนอุทานขณะหันกลับไปมองแท่นบูชา
ในตอนนั้น ของล้ำค่าทุกชิ้นที่ถูกนำมาจัดเรียงไว้สลายตัวไปหมดแล้ว พละกำลังของลำแสงเริ่มจะถดถอย
ราวกับคาดเดาไว้แล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวที่สวมชุดเกราะสีดำคำราม “พวกแกเตรียมตัวไว้ให้ดี เราจะปลดปล่อยพลังปราณของเครื่องบรรณาการเหล่านี้เพื่อคารวะเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ!”
เผ่าพันธุ์ปีศาจร่างสูงเดินเข้าหานักรบทั้งกลุ่มก่อนจะนำของล้ำค่าหน้าตาประหลาดชิ้นหนึ่งออกมา มันลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบเชียบ