อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1755 โจมตีภาพลวงตา
ฟิ้วววว!
ต้นแอปริคอตพากันโกรธเกรี้ยวเมื่อเห็นแท่นถูกฉุดลอยขึ้นจากพื้น ในชั่วพริบตา ทั้งกิ่งไม้และใบไม้ก็พุ่งเข้าเล่นงานหยวนเทา
“แย่แล้ว…” จางเซวียนหน้าถอดสีด้วยความพรั่นพรึง
เขาเห็นประสิทธิภาพการต่อสู้ของต้นแอปริคอตและใบของมันมาแล้วกับตา ต่อให้ตัวเขาก็ยัง รับมือกับอาการบาดเจ็บสาหัสได้ยากหากถูกโจมตี นับประสาอะไรกับหยวนเทาที่มีระดับวรยุทธต่ำกว่า
จางเซวียนกำลังจะพุ่งเข้าไปช่วยหยวนเทา แต่ถูกดึงข้อมือไว้ เมื่อหันกลับไป ก็เห็นหลัวลั่วชิงส่ายหน้า
จางเซวียนงงมาก แต่รู้ว่าหลัวลั่วชิงต้องมีเหตุผลที่ยับยั้งเขาไว้ เพราะเชื่อใจเธอ จางเซวียนจึงยอมระงับความวิตกกังวลและเฝ้ามองสถานการณ์ต่อไป
ฟิ้วววว!
กิ่งไม้กับใบไม้พุ่งถึงตัวหยวนเทาแล้ว แต่หยวนเทาก็ตอบโต้การโจมตีของพวกมัน มีเสียงฮัมดังลั่นออกจากร่างของหยวนเทาขณะที่ดูเหมือนเขาจะเปิดใช้งานปราการป้องกันตัวบางอย่าง แสงนวลตาโอบล้อมร่างของเขาไว้ และก่อตัวขึ้นเป็นชุดเกราะที่ทำจากแสง
ชุดเกราะนั้นไม่หนาเท่าไหร่ แต่ไม่ว่ากิ่งไม้กับใบไม้จะตรงเข้าเล่นงานหนักหน่วงขนาดไหน ก็เจาะทะลุมันเข้าไปไม่ได้
“นั่นคือเสื้อเกราะวาจาทองคำของนักปราชญ์โบราณใช่ไหม?” จางเซวียนตาโต
เขาเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ก็เหมือนนักรบทองคำของลายมือบ่มเพาะจิตวิญญาณ เสื้อเกราะวาจาทองคำเป็นอำนาจรูปแบบหนึ่งของนักปราชญ์โบราณที่อยู่ในรูปของชุดเกราะ ซึ่งผู้ที่มีระดับวรยุทธต่ำกว่านักปราชญ์โบราณไม่อาจทำลายมันได้
ดูเหมือนกลุ่มคนจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์จะคาดเดาอันตรายจากแท่นไว้ล่วงหน้า จึงได้เตรียมการเพื่อปกป้องหยวนเทา
ด้วยการโจมตีอย่างดุเดือดของต้นแอปริคอต ชุดเกราะวาจาทองคำที่ปกป้องหยวนเทาอยู่เริ่มจะจางหาย ยังคงมีคลื่นพลังงานอยู่บ้าง แต่สุดท้ายมันก็สลายตัวไปเมื่อเจอการโจมตีเข้าอย่างจัง
“ยกระดับ!”
แม้ประสาทสัมผัสทั้ง 6 ของหยวนเทาจะถูกปิดกั้นไว้ ทำให้เขาแทบไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาพอจะรู้สึกได้ถึงการโจมตีอันทรงพลังที่พุ่งเข้าใส่ หยวนเทาคำรามกร้าวและยกระดับความแข็งแกร่งของเขาขึ้นถึงขีดสุด
สายเลือดฮ่องเต้ที่ไหลเวียนทั่วร่างของหยวนเทาถูกปลุกขึ้นมา แล้วร่างอวตารของหลงชีก็ปรากฏขึ้นอย่างเลือนรางอยู่ด้านหลัง ศีรษะของมันสูงตระหง่านอยู่กลางอากาศ ส่วนเท้าก็ยืนตั้งมั่นอยู่บนพื้นโลก
พละกำลังของร่างอวตารนั้นดูจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้หยวนเทาอีกมาก ในเวลาเดียวกัน ด่านคอขวดในวรยุทธของเขาก็ถูกทำลายภายใต้แรงกดดันมหาศาล ทำให้วรยุทธของหยวนเทาพุ่งพรวด
แม้จะปลุกสายเลือดฮ่องเต้ของตัวเองขึ้นแล้ว แต่วรยุทธของหยวนเทาก็ยังคงชะงักงันอยู่ที่ขั้นร่างอันทรงเกียรติอยู่เนิ่นนาน ด้วยแรงกดดันหนักหน่วงที่เขากำลังเผชิญ พละกำลังของหยวนเทาก็พุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด และนำไปสู่การฝ่าด่านวรยุทธ
พละกำลังของหยวนเทาเพิ่มขึ้นพร้อมกันกับวรยุทธ ทำให้เขายกแท่นสูงตระหง่านนั้นได้สูงขึ้นกว่าเดิมอีกมาก ดูเหมือนสายสัมพันธ์ระหว่างแท่นกับพื้นโลกใกล้จะขาดสะบั้นเต็มที
“เหลือเชื่อจริงๆ…” จางเซวียนชื่นชม
ตอนนี้ หยวนเทาใช้ความแข็งแกร่งของโลกดึงพละกำลังมหาศาลของตัวเองออกมา ตราบใดที่เท้าของเขายังคงตั้งมั่นอยู่กับพื้น ก็ดูเหมือนจะปลดปล่อยพละกำลังได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หรือนี่คือประสิทธิภาพที่แท้จริงของสายเลือดฮ่องเต้?
ขอแค่เขายังอยู่บนพื้นดิน ก็ไม่มีใครสามารถทำลายปราการป้องกันตัวหรือเอาชนะความแข็งแกร่งของเขาได้ ไม่ต่างอะไรกับนักสู้ตัวจริง
“สายเลือดฮ่องเต้มีองค์ประกอบของดิน เมื่อเหยียบย่ำลงไปบนพื้นดิน ผู้ที่มีสายเลือดฮ่องเต้จะสามารถปลดปล่อยประสิทธิภาพการต่อสู้สูงสุดของเขาออกมาได้ ซึ่งหากสายเลือดนี้ถูกปลุกขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อไหร่ ก็ไม่ด้อยไปกว่าสภาวะกายพิษแต่กำเนิดของเว่ยหรูเหยียนหรือสภาวะปราณหยินบริสุทธิ์ของจ้าวหย่าเลย” หลัวลั่วชิงตั้งข้อสังเกตพร้อมกับพยักหน้า “คุณมีอสูรนรกลวงตาอยู่กับตัวใช่ไหม นำหยดเลือดของมันออกมาสิ”
“ได้” จางเซวียนพยักหน้า
เขารีบติดต่อกับ 5 อสูรผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในรังนางพญามด ไม่ช้า หยดเลือด 2-3 หยดก็ลอยอยู่ตรงหน้า
5 ผู้ยิ่งใหญ่แห่งมิติผืนป่าเชื่อมโยงกับ 5 ธาตุ และอสูรนรกลวงตาก็ดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับธาตุดิน
“ให้หยดเลือดนั้นซึมซับเข้าสู่หว่างคิ้วของหยวนเทา” หลัวลั่วชิงสั่งการ
จางเซวียนกระดิกนิ้ว
ฟึ่บ!
หยดเลือดของอสูรนรกลวงตาพุ่งเข้าใส่เด็กหนุ่มร่างตุ้ยนุ้ยที่กำลังพยายามยกแท่น มันซึมซาบเข้าสู่หว่างคิ้วของเขา
ทันทีที่หยดเลือดนั้นหลอมรวมเข้ากับร่างของหยวนเทา ก็ดูเหมือนสายเลือดของเขาจะถูกจุดให้เป็นไฟ ร่างอวตารของหลงชีที่ลอยอยู่เหนือตัวเขาดูจะได้รับการบ่มเพาะครั้งใหญ่ มันขยายขนาดใหญ่ขึ้นและดูจะจับต้องได้มากขึ้น หากมันกระทืบเท้า ก็ดูราวกับว่าจะสามารถแบกรับน้ำหนักทั้งหมดของสวรรค์ไว้บนบ่าของมันได้
ฟึ่บ!
ในที่สุดสายสัมพันธ์ระหว่างแท่นกับพื้นดินก็ขาดสะบั้น หยวนเทานำแท่นออกจากโดมแอปริคอตได้สำเร็จ!
เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงในบริเวณโดยรอบ เสียงที่ดังมาจากภาพลวงตาบนแท่นสูงตระหง่านนั้นขาดหายไป ฝูงชนที่กำลังตั้งใจฟังคำบรรยายอยู่บนเบาะรูปกลมถูกดึงออกจากภวังค์ ทุกคนต่างงงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“คุณทำบ้าอะไรอยู่น่ะ?”
“คุณรนหาที่ตายแล้ว!”
เผ่าพันธุ์ปีศาจคำรามกึกก้อง
คำสอนของปรมาจารย์ขงถือเป็นเครื่องชี้ทาง และการบรรยายก่อนหน้านี้ก็มีประโยชน์กับวรยุทธของพวกมันมาก แต่หมอนี่กลับเข้ามายกแท่นและขัดจังหวะการฝึกฝนวรยุทธของพวกมัน ไม่ต่างอะไรกับการฉกฉวยโอกาสที่พวกมันจะได้ฝ่าด่านวรยุทธไป!
เผ่าพันธุ์ปีศาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเกิดแก่เจ็บตายเช่นกัน และพวกมันก็ปรารถนาที่จะมีพละกำลังที่แข็งแกร่งรวมทั้งสถานภาพที่สูงขึ้นกว่าเดิม นี่ถือเป็นความโชคดีครั้งใหญ่ แต่แล้วพวกมันก็ต้องพลาด
“ยับยั้งพวกมันไว้!” เหยียนเฉว่สั่งการอย่างสุขุม แล้วกลุ่มคนจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ก็ตีวงล้อมหยวนเทาเพื่อปกป้องเขา
แผนการของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ก็คือการให้หยวนเทายกแท่นขึ้นและนำมันออกไป พวกเขาจะไม่ยอมให้ใครเข้ามาขัดจังหวะในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้เด็ดขาด
ขณะที่ทั้งสองฝ่ายจ้องตากันอย่างดุเดือด ความตึงเครียดหนักหน่วงก็แผ่ซ่านไปทั่ว ดูเหมือนการต่อสู้พร้อมจะปะทุขึ้นได้ทุกขณะ
จางเซวียนไม่แยแสความขัดแย้งระหว่างสองฝ่าย สายตาของเขาจับจ้องที่หยวนเทา แต่ในตอนนั้น ชุดเกราะวาจาทองคำที่หยวนเทาสวมอยู่ก็เหมือนจะพ่ายแพ้ให้กับการกระหน่ำโจมตีจากต้นแอปริคอต มันแตกเป็นเสี่ยงๆ
“แย่แล้ว…” จางเซวียนนัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความพรั่นพรึง
หยวนเทายืนหยัดอยู่ได้ก็เพราะการปกป้องของชุดเกราะ ซึ่งในเมื่อมันแตกเป็นเสี่ยงๆไปแล้ว เขาจะต้องตายเพราะถูกต้นแอปริคอตกับใบไม้เล่นงานหรือเปล่า?
“อย่าห่วงน่ะ ไม่มีใครขี้กังวลไปกว่าคุณอีกแล้วล่ะ…” หลัวลั่วชิงหัวเราะเบาๆ
ทันทีที่เธอพูดจบ เหยียนเฉว่ก็นำเสื้อคลุมตัวใหญ่ออกมาโยนใส่หยวนเทา ห่อหุ้มร่างของอีกฝ่ายไว้
วิ้ง!
คราวนี้ การโจมตีของกิ่งไม้และใบไม้ก็ทำอะไรหยวนเทาไม่ได้อีก
“นี่มัน…ของล้ำค่าของนักปราชญ์โบราณ?” จางเซวียนหรี่ตา
เขารู้เลยว่ามันคือของล้ำค่าชั้นยอดที่มีไว้เพื่อการป้องกันตัว ต่อให้กระบี่เปลวเพลิงสีดำก็ไม่อาจเล่นงานมันได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
สมกับที่เป็น 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ ทรัพย์สมบัติที่พวกเขามีช่างมากมายมหาศาล
เมื่อได้เสื้อคลุมช่วยปกป้อง หยวนเทาก็มีเวลาเพิ่มขึ้น เขาถือแท่นหนักอึ้งไว้ด้วยสองมือ จากนั้นก็เดินออกจากโดมแอปริคอต
ขณะที่แท่นขยับเขยื้อน ภาพลวงตาที่อยู่บนแท่นนั้นก็สั่นไหว
ตอนนี้แหละ จางเซวียน, เล่นงานภาพลวงตานั้นแล้วใส่มันเข้าไปในร่างของหยวนเทา” หลัวลั่วชิงสั่งการ
“ได้สิ”
จางเซวียนกระโจนผ่านพวก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์และเผ่าพันธุ์ปีศาจเพื่อขึ้นสู่ยอดของแท่นนั้น
นักรบส่วนใหญ่จากทวีปแห่งปรมาจารย์ และบางทีอาจจะรวมถึงเผ่าพันธุ์ปีศาจด้วย ต่างมีความยำเกรงในของล้ำค่าที่ปรมาจารย์ขงทิ้งไว้ แต่เพราะจางเซวียนมาจากโลกอีกใบ เขาจึงไม่มีความรู้สึกนั้น ด้วยการปล่อยพลังจากฝ่ามือ ภาพลวงตาก็สูญเสียการทรงตัวและร่วงลงมาจากแท่น
จากนั้น จางเซวียนก็ใช้พลังปราณเทียบฟ้าห่อหุ้มภาพลวงตาไว้และควบคุมการเคลื่อนไหวของมัน
ฟึ่บ!
ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา พวก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์และเผ่าพันธุ์ปีศาจจึงไม่มีเวลาตอบโต้ ยังไม่ทันที่ใครจะตั้งตัว ภาพลวงตานั้นก็ถูกส่งเข้าสู่หว่างคิ้วของหยวนเทาแล้ว
เกิดความเงียบงันครู่หนึ่ง ก่อนเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่ครั้งใหญ่จะระเบิดขึ้น
“คุณทำบ้าอะไรอยู่?” เหยียนเฉว่ขนลุกขนชันด้วยความพรั่นพรึงในสิ่งที่เห็น เขาคำรามก้อง
เหตุผลที่พวกเขาพยายามจะยึดครองแท่นนี้ก็เพื่อจะให้ได้ภาพลวงตา แต่ชายหนุ่มกลับจัดการใส่ภาพลวงตาเข้าไปในร่างของหยวนเทาเสียแล้ว เหยียนเฉว่ทั้งหงุดหงิดและโกรธเกรี้ยว เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ไปครู่หนึ่ง
ช่างเหลวไหลสิ้นดี!
ส่วนอีกด้านหนึ่ง จางเซวียนก็ร่อนลงกับพื้นอย่างเงียบเชียบและกลับไปยังจุดที่เขายืนก่อนหน้านี้
จางเซวียนเห็นร่างของหยวนเทาขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากได้รับภาพลวงตา ร่างตุ้ยนุ้ยนั้นพองลมขึ้นจนเหมือนลูกโป่ง ดูเหมือนเขาพร้อมจะลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ทุกเมื่อ
ในชั่วพริบตา หยวนเทาก็ตัวกลมดิก ทั้งความสูงและความกว้างของเขาเกินกว่า 2 เมตร เขาดูเหมือนก้อนหินขนาดมหึมา
“มันเกิดอะไรขึ้น?” จางเซวียนจังงังกับความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของหยวนเทา
เขาไม่เคยนึกฝันว่าจะได้เห็นภาพประหลาดแบบนี้