อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 1753 แถลงการณ์สัจจะ วาจาสิทธิ์บงการฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1753 แถลงการณ์สัจจะ วาจาสิทธิ์บงการฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง
ผู้ที่ทำให้อสูรยอมจำนนได้สำเร็จและก้าวเข้าสู่ดงต้นแอปริคอตก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจางเซวียน
เมื่อเห็นว่ามีอสูรมากมายที่มีพละกำลังแข็งแกร่งเทียบเท่ากับ 5 อสูรผู้ยิ่งใหญ่ ก็ไม่มีทางที่เขาจะยอมปล่อยโอกาสงามครั้งนี้ให้หลุดมือ ดังนั้น เมื่อเห็นกิ่งไม้สามกิ่งตรงเข้าเล่นงานเหล่าอสูรอย่างดุเดือด ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือพุ่งออกไปเพื่อช่วยชีวิตพวกมัน ก่อนจะจัดการซ้อมพวกมันด้วยตัวเอง
จากการถ่ายทอดพลังปราณเทียบฟ้าเข้าสู่ร่างของเหล่าอสูร จางเซวียนสามารถเยียวยาอาการบาดเจ็บและความบอบช้ำต่างๆในร่างกายของพวกมันได้ การกระทำของเขาทำให้ได้รับทั้งความเคารพและความสำนึกในบุญคุณจากเหล่าอสูร พวกมันจึงเต็มใจยอมรับเขาเป็นเจ้านาย
ตอนนี้เขาถูกรุมล้อมโดยต้นแอปริคอตจำนวนมาก พวกมันจับจ้องเขม็ง ดูเหมือนพร้อมจะฆ่าเขาให้ตายได้ทุกเมื่อหากเขาเปิดเผยจุดอ่อน
แต่จางเซวียนก็ไม่ตื่นตระหนก เขาสะบัดข้อมือและนำรากไม้ที่มีลักษณะเหมือนหยกออกมา
ฟึ่บ!
ราวกับว่าเหล่าต้นแอปริคอตได้เห็นสัญญาณของการยอมรับ พวกมันรีบเปิดทางให้จางเซวียนผ่านเข้าไป
จางเซวียนตั้งใจจะเข้าสู่เส้นทางที่ถูกเปิดออกนั้น แต่แล้วก็หยุดชะงักและครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่งโทรจิตหาต้นแอปริคอต “เดี๋ยวก่อน เหตุผลที่พวกคุณแข็งแกร่งขนาดนี้ก็เพราะได้ฟังคำสอนของปรมาจารย์ขงใช่ไหม? ทำไมไม่ให้ผมเปิดการบรรยายให้พวกคุณฟังบ้างล่ะ?”
ต้นแอปริคอตที่อยู่กันเป็นดงนี้มีอานุภาพไร้เทียมทานเพราะได้ฟังคำสอนของปรมาจารย์ขง ก่อนหน้านี้ จางเซวียนเคยสงสัยว่าปรมาจารย์ขงอาจมีหอสมุดเทียบฟ้าอยู่ในครอบครองเหมือนกัน โดยเฉพาะข้อเท็จจริงที่ว่าอีกฝ่ายสามารถฝึกฝนเทคนิควรยุทธในระดับของเทคนิคเทียบฟ้าได้ และในเมื่อต้นแอปริคอตพวกนี้เคยฟังคำสอนของปรมาจารย์ขงมาก่อน พวกมันก็คงอยากรู้ว่าระหว่างตัวเขากับปรมาจารย์ขง คำสอนของใครจะดีกว่า
สิ่งนี้จะเป็นเกณฑ์ให้จางเซวียนตัดสินได้ว่าปรมาจารย์ขงมีหอสมุดเทียบฟ้าอยู่ในครอบครองหรือไม่
มันอาจเป็นการกระทำที่ดูอ้อมค้อมไปสักหน่อย แต่ก็ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ในตอนนี้
ต้นแอปริคอตพากันสะบัดกิ่งก้านของมันด้วยความงุนงง
พวกเราเปิดทางให้คุณแล้ว ทำไมถึงอยากบรรยายให้พวกเราฟังอีก?
จางเซวียนเริ่มต้นบรรยายโดยไม่ใส่ใจความงุนงงของต้นแอปริคอต “เส้นทางของวรยุทธนั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่มนุษย์หรืออสูร พืชพันธุ์ต่างๆก็แสวงหาหนทางสว่างผ่านทางวรยุทธได้เช่นกัน…”
???
ตอนแรก ต้นแอปริคอตต่างก็งุนงง แต่หลังจากได้ฟังคำบรรยายสักพัก พวกมันก็เริ่มร่ายรำอย่างเริงร่าไปรอบๆบริเวณนั้น ราวกับไม่อาจเก็บกลั้นความตื่นเต้นในหัวใจได้!
เนื้อหาคำบรรยายของชายหนุ่มลึกซึ้งและน่าสนใจพอๆกับปรมาจารย์ขง ทุกถ้อยคำของเขาพุ่งตรงเข้าสู่หัวใจของพวกมัน
พูดอีกอย่างก็คือ…แม้อีกฝ่ายจะดูเหมือนไม่ได้เก่งกาจอะไร แต่ในด้านการถ่ายทอดความรู้ เขาเทียบชั้นได้กับปรมาจารย์ขงเลยทีเดียว!
ขณะที่จางเซวียนกำลังถ่ายทอดความรู้ให้เหล่าต้นแอปริคอต ทายาทคนอื่นๆของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์และเผ่าพันธุ์ปีศาจก็พากันขมวดคิ้วด้วยความงงงันกับสถานการณ์แปลกประหลาดตรงหน้า
พวกเขาคาดว่าหมอนั่นคงจะถูกฟาดอย่างหนักหน่วงทันทีที่ก้าวเข้าสู่ดงต้นแอปริคอต เหมือนที่เกิดขึ้นกับเหล่าอสูร แต่กลับตรงกันข้าม ต้นแอปริคอตไม่โจมตีเขาสักนิด กลับดูเหมือนตกอยู่ในภวังค์
“เขาทรุดตัวลงนั่ง ดูเหมือนกำลังพูดอะไรบางอย่าง…หรือว่าเขากำลังบรรยายให้ต้นแอปริคอตฟัง?” ใครคนหนึ่งในหมู่ฝูงชนตะโกนออกมา
เมื่อได้ยินคำนั้น ทุกคนเห็นสังเกตทันทีว่าชายหนุ่มขยับริมฝีปากไม่หยุด ยากที่จะบอกได้ว่าเขากำลังพูดอะไร มันอาจเป็นคำบรรยาย หรืออาจเป็นแค่การสนทนาพูดคุยกับต้นแอปริคอตก็เป็นได้
ฟึ่บ!
ยังไม่ทันที่ฝูงชนจะหายตกตะลึง ต้นแอปริคอตจำนวนหนึ่งก็โน้มกิ่งลงกับพื้น ราวกับกำลังแสดงความเคารพจากใจจริงให้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
“พวกมันคือต้นไม้ที่เคยฟังคำสอนของปรมาจารย์ขงใช่ไหม? แต่ตอนนี้…พวกมันยอมรับคำสอนของหมอนั่น?”
ทุกคนถึงกับจังงัง
มีต้นไม้จำนวนหนึ่งที่สำเร็จวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกหลังจากได้ฟังคำสอนของปรมาจารย์ขง พวกมันแข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะนักรบในวรยุทธระดับเดียวกันคนไหนก็ได้…แล้วมันเรื่องอะไรถึงยอมจำนนให้กับชายหนุ่มแบบนั้น?
ดูไม่สมเหตุสมผลเลย!!
ครืนนนน!
ทันใดนั้น พื้นดินก็สั่นสะเทือน ทุกคนเห็นใบแอปริคอตที่เหี่ยวแห้งร่วงลงกับพื้นแล้วพากันลุกขึ้นตั้งตรงใบแล้วใบเล่า จากนั้นก็พุ่งตรงเข้าหาชายหนุ่มอย่างกระตือรือร้น ราวกับถูกคำสอนของเขาดึงดูด
“แม้แต่ใบไม้ยังได้ประโยชน์จากคำสอนของเขา?”
ทุกคนรู้สึกราวกับว่าเส้นแบ่งระหว่างความเป็นจริงกับความฝันได้พร่าเลือนไป
การที่ต้นไม้สามารถรับฟังคำบรรยายของชายหนุ่มได้ก็เป็นเรื่องหนึ่ง เพราะถึงอย่างไรปรมาจารย์ขงก็ได้ถ่ายทอดคำสอนของเขาไว้ที่นี่ตั้งแต่หลายปีก่อน จึงไม่น่าแปลกใจที่ต้นไม้จะค่อยๆมีชีวิตจิตใจเป็นของตัวเองและมีความสามารถในการฝึกฝนวรยุทธ แต่ใบไม้พวกนั้น…แห้งเหี่ยวไปแล้วกว่าครึ่ง พร้อมที่จะกลับคืนสู่ผืนดินได้ทุกขณะ แต่แล้วก็กลับลุกตั้งตรงได้เพื่อฟังคำบรรยายของเขา!
มันออกจะเหลือเชื่อไปหน่อยไหม?
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในสมองของเหยียนเฉว่ขณะที่อุทานออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ “รอเดี๋ยว ต้นไม้พวกนี้สำเร็จวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกแล้ว ทำไมถึงยังผลัดใบ? และที่สำคัญกว่านั้น ทำไมใบไม้พวกนี้ถึงเหี่ยวแห้ง?”
“เอ่อ…”
ได้ยินคำนั้น ฝูงชนต่างชะงัก
จริงด้วย ถ้าต้นไม้พวกนี้สำเร็จวรยุทธระดับนั้นแล้ว ทุกกิ่งก้านและทุกใบของมันย่อมเทียบเท่ากับของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ต่อให้จะเป็นฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลไม่อาจส่งผลกระทบต่อมันได้เลย
“บางที การร่วงหล่นและการเหี่ยวแห้งของใบเหล่านั้นอาจเป็นกระบวนการตามธรรมชาติของมันพูดอีกอย่างก็คือ…เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง ใบไม้พวกนี้ก็จะกลับคืนสู่กิ่งก้านของมันโดยอัตโนมัติแทนที่จะงอกใบใหม่” เหยียนเฉว่ตั้งข้อสังเกต
ทันทีที่เขาพูดจบ ใบไม้เหี่ยวแห้งที่กำลังตั้งใจฟังคำบรรยายของจางเซวียนก็สั่นสะท้านขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นพวกมันก็ลอยขึ้นสู่ยอดของกิ่งก้านต้นแอปริคอต สีเหลืองของใบค่อยๆแปรเปลี่ยน กลับคืนสู่ความเขียวชอุ่มดังเดิม
ในเวลาเดียวกันนั้น ต้นแอปริคอตก็ดูเหมือนจะเริงร่าต้อนรับฤดูใบไม้ผลิครั้งใหม่
เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์พลันนึกอะไรขึ้นได้ เขากลืนน้ำลายด้วยความตกใจ
“แถลงการณ์สัจจะ วาจาสิทธิ์บงการฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง…นี่เป็นความสามารถที่มีแต่ปรมาจารย์ขงเท่านั้นที่ทำได้…”
ตำนานกล่าวไว้ว่าเมื่อครั้งที่ปรมาจารย์ขงเดินทางตระเวนไปทั่วโลก ได้พบกับต้นไม้เก่าแก่ที่กำลังเหี่ยวแห้งจนใกล้ตายต้นหนึ่งโดยบังเอิญ ด้วยความเมตตา เขาจึงเปิดการบรรยายให้ต้นไม้เก่าแก่ต้นนั้นฟัง อีกไม่นานหลังจากนั้น ต้นไม้ที่ว่าก็ฟื้นคืนชีพจนกลับเหมือนใหม่ ความแข็งแกร่งและพลังชีวิตกลับคืนสู่ลำต้นของมัน ใบเขียวสดงอกงามขึ้นบนกิ่งก้านอีกครั้ง และผลไม้โอชะก็งอกออกจากดอกที่กำลังผลิบาน ต้นไม้เก่าแก่ต้นนั้นเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิครั้งใหม่
ด้วยความยำเกรงในความเก่งกาจของปรมาจารย์ขง บรรดาลูกศิษย์ของเขาจึงเรียกขานปรากฏการณ์นี้ว่า ‘แถลงการณ์สัจจะ วาจาสิทธิ์บงการฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง…’
หรือว่าชายหนุ่มคนนี้จะมีความสามารถแบบนั้นเหมือนกัน?
“นี่ไม่ใช่แถลงการณ์สัจจะ! ต้นไม้เก่าแก่ที่ปรมาจารย์ขงบรรยายให้มันฟังนั้นอยู่ในสภาพใกล้ตายแล้ว แต่ต้นแอปริคอตพวกนี้สำเร็จวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสาน จะนำวีรกรรมทั้งสองมาเปรียบเทียบกันได้อย่างไร?” เหยียนเฉว่กัดฟันกรอด
พวก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ภาคภูมิใจในมรดกตกทอดอันสมบูรณ์แบบที่ได้รับจากปรมาจารย์ขง แต่มันก็ช่างย้อนแย้งเหลือเกินที่พวกเขาต้องมาอับจนหนทางอยู่ในวิหารแห่งขงจื๊อ ส่วนหมอนั่นกลับสร้างวีรกรรมอันน่าอัศจรรย์ขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
สิ่งนี้ทำให้เหยียนเฉว่รู้สึกว่าตัวเองถูกหยามหน้าอย่างแรง
“เหยียนเฉว่, ในเมื่อต้นแอปริคอตกับใบไม้กำลังตั้งใจฟังคำสอนของหมอนั่น เราควรใช้โอกาสนี้บุกเข้าไปไหม? ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ล่ะก็ เมื่อไหร่ที่เราจะได้โจมตี?” ชายหนุ่มคนหนึ่งส่งโทรจิตหาเหยียนเฉว่
“เอ่อ…” ความลังเลปรากฏชัดในดวงตาของเหยียนเฉว่
สิ่งที่ชายหนุ่มพูดก็มีส่วนจริง อุปสรรคยิ่งใหญ่ที่สุดในตอนนี้ของพวกเขาคือต้นแอปริคอต และพวกมันกำลังจดจ่อกับคำสอนของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า นี่ถือเป็นโอกาสงามที่พวกเขาจะได้เข้าไป
เหยียนเฉว่ครุ่นคิดอีกครู่ใหญ่ แต่ก็ยังรู้สึกกังวล จึงหันกลับไปพูดกับชายหนุ่มที่เสนอความคิดเมื่อครู่และพูดว่า “คุณลองดูก็ได้…”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะออกเดิน
ฟิ้ววววว!
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เข้าใกล้ต้นแอปริคอตพวกนั้น เสียงกรีดแหลมก็ดังกึกก้องไปทั่ว เขาหันไปมองด้วยความร้อนรน และเห็นกิ่งไม้กิ่งใหญ่พุ่งเข้าใส่
ฉึกกก!
ในชั่วพริบตานั้น ชายหนุ่มรู้สึกว่าแผงอกของเขาถูกใบไม้หลายสิบใบทิ่มแทง เขากระอักเลือดออกมากองใหญ่
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก ยังไม่ทันที่เขาจะทันได้หาวิธีตอบโต้ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเสียแล้ว
เงียบกริบ
ไม่มีใครคาดคิดว่าใบไม้จะทรงพลังขนาดนั้น เมื่อได้เห็นภาพ ก็ไม่มีใครสักคนที่กล้าก้าวออกไป
ริมฝีปากของเหยียนเฉว่สั่นเทาด้วยความตกตะลึง เขาพูดอะไรไม่ออกอยู่นาน
เขาเคยคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะได้เข้าโจมตี แต่ใครจะไปคิดว่าใบไม้พวกนี้จะยังคอยระแวดระวังอยู่แม้จะกำลังฟังคำบรรยายของหมอนั่น ดูเหมือนพวกมันตั้งใจเด็ดเดี่ยวที่จะไม่ปล่อยให้ใครผ่านเข้าไป
“ลมพัดมา…”
ฝูงชนต่างเงียบกริบ ขณะที่ทุกคนอับจนปัญญาโดยสิ้นเชิงและไม่รู้ว่าควรทำอะไร สายลมอ่อนก็พัดวู่หวิวมาแต่ไกล มันปะทะใบหน้าของพวกเขาอย่างแผ่วเบา แต่จากนั้นก็พัดแรงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ใบไม้ส่งเสียงแสกสากดังไปทั่ว
ไม่ช้า พื้นโลกก็เริ่มสั่นสะเทือน
“ดูนั่น!”
ทุกคนรีบเงยหน้ามอง และเห็นแท่นสูงตระหง่านที่อยู่ใกล้ๆกำลังเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา ดูเหมือนมีร่างหนึ่งกำลังลอยตัวอย่างเงียบเชียบอยู่กลางอากาศ จากนั้นเสียงทรงพลังก็ดังก้องไปทั่ว
“นะ-นี่มันเสียงสะท้อนจากสวรรค์! ในที่สุดมันก็มาถึงที่นี่…” เหยียนเฉว่นัยน์ตาเบิกโพลงและตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น