อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1742 ผลโพธิ์
“ถูกแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้น พวกเขาคงไม่ลงทุนพาเว่ยหรูเหยียนมาถึงที่นี่หรอก” หลัวฉีฉีตอบ
จางเซวียนหรี่ตาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
เขาต้องยอมรับว่า 100 สำนักแห่งนักปราชญ์มีความเข้าใจในวิหารแห่งขงจื๊อล้ำลึกกว่าสภาปรมาจารย์มาก
อย่างแรกก็คือผืนผ้าใบสี่ฤดูที่อบอวลไปด้วยนิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณ ต่อมาก็ผลโพธิ์ซึ่งช่วยยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณให้แตะ 30.0 ได้ เทียบเท่ากับเงื่อนไขของการเป็นนักปราชญ์โบราณ
ดูเหมือนคนเหล่านี้จะได้ศึกษาวิหารแห่งขงจื๊อมาอย่างถี่ถ้วนและเตรียมการพร้อมทุกเรื่อง
ด้วยการถ่ายทอดพลังปราณอย่างไม่ลดละของเว่ยหรูเหยียน ผลโพธิ์ที่อยู่บนต้นส่ายไปมาเล็กน้อย ส่งกลิ่นหอมอบอวลออกมา
นี่คือสัญญาณว่าผลโพธิ์แก่จัดแล้ว!
ฟึ่บ!
ในที่สุดเว่ยหรูเหยียนก็ระงับการปลดปล่อยพลังปราณ เห็นได้ชัดว่าเธอใช้พละกำลังเกินพิกัดเพื่อเร่งผลโพธิ์ให้สุกเต็มที่ ใบหน้าของเธอซีดเผือดเล็กน้อยขณะหอบหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย
“เว่ยหรูเหยียน!” จ้าวหย่ารีบส่งโทรจิตหา
“ศิษย์พี่จ้าวหย่า?” เว่ยหรูเหยียนเพิ่งตื่นจากภวังค์ เธอเหลียวไปรอบๆด้วยสีหน้างงงันเพื่อหาใบหน้าที่คุ้นเคย ไม่ช้าก็พบจ้าวหย่าและในเวลาเดียวกันก็เห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ นัยน์ตาของเธอเบิกโพลงขึ้นช้าๆด้วยความประหลาดใจก่อนจะพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อ “ท่านอาจารย์…”
“ใช่!” เห็นเว่ยหรูเหยียนไม่ได้รับอันตราย แถมยังมีระดับวรยุทธสูงขึ้นเล็กน้อย จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ท่านอาจารย์”
เมื่อรู้แล้วว่าเธอไม่ได้คิดไปเอง เว่ยหรูเหยียนรีบเข้ามายืนเคียงข้างจางเซวียนกับจ้าวหย่า แต่เดินออกมาได้เพียงไม่กี่ก้าว ชายหนุ่มคนหนึ่งก็ถลันเข้าขวางทางเธอไว้
“คุณยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น จะต้องเก็บผลโพธิ์ให้พวกเราก่อน”ชายหนุ่มพูด
เว่ยหรูเหยียนกัดฟันอย่างหงุดหงิด “ไปให้พ้นนะ!”
“อย่าลืมสิ่งที่คุณให้สัญญาไว้กับพวกเราล่ะ” ชายหนุ่มหน้าดำคร่ำเครียดขณะตอบโต้
“คุณกล้าขู่ฉันหรือ?” เว่ยหรูเหยียนหรี่ตาอย่างโกรธเกรี้ยวพร้อมกับแผ่รังสีเจิดจ้าออกจากร่าง เธอพร้อมจะระเบิดอารมณ์หากถูกกดดันหนักเกินไป
แต่ยังไม่ทันที่เว่ยหรูเหยียนจะได้ทำอะไร เสียงท่านอาจารย์ก็ดังขึ้น“ลูกศิษย์ของผมช่วยพวกคุณเร่งการสุกของผลโพธิ์แล้ว คุณยังจะให้เธอเก็บมันให้คุณด้วยหรือ? หรูเหยียน, มานี่!”
จางเซวียนไม่ใส่ใจกลุ่มคนจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ เขามองเว่ยหรูเหยียนและเร่งให้เธอเดินเข้ามา
“ได้ ท่านอาจารย์!” เว่ยหรูเหยียนรีบเดินผ่านชายหนุ่มเพื่อมายืนเคียงข้างจางเซวียน
“คุณคือจางเซวียน, อาจารย์ของเว่ยหรูเหยียนหรือ?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
“ผมเอง” จางเซวียนตอบหนักแน่น
“คุณมาได้เวลาพอดี ในเมื่อเว่ยหรูเหยียนเชื่อฟังคุณ ผมก็อยากให้คุณสั่งการให้เธอเก็บผลโพธิ์ จากทั้ง 6 ผลที่อยู่ที่นี่ พวกเรายินดีจะมอบให้คุณผลหนึ่งเป็นสิ่งตอบแทน” ชายหนุ่มพูดเสียงห้วน
ราวกับสงสัยในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยิน จางเซวียนตั้งคำถาม “คุณบอกว่าจะมอบผลโพธิ์ผลหนึ่งให้เว่ยหรูเหยียนเพื่อเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับการลงทุนลงแรงของเธอหรือ?”
“ก็ใช่น่ะสิ” ชายหนุ่มพยักหน้า “100 สำนักแห่งนักปราชญ์ของพวกเราต้องการผลโพธิ์ทั้ง 5 ผลที่เหลือ เราจะนำมันกลับไปด้วยเหตุผลเดียวที่เราเต็มใจจะมอบผลโพธิ์ผลหนึ่งให้คุณก็เพื่อเห็นแก่ความเหนื่อยยากของเธอตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่ถ้าคุณไม่อยากได้ผลโพธิ์ เลือกสิ่งอื่นที่มีมูลค่าทัดเทียมกันก็ได้”
“มอบให้ผลหนึ่ง?” เห็นชายหนุ่มยังคงจองหอง จางเซวียนส่ายหน้า “ในเมื่อคุณรู้ว่าเว่ยหรูเหยียนลงทุนลงแรงไปมาก ก็ขอผมพูดอะไรสักนิดเพื่อความยุติธรรมนะ”
“พูดมาเลย!”
“คุณเข้าสู่หอบริวารแห่งนี้ได้ก็เพราะสภาวะพิเศษของเว่ยหรูเหยียน ถูกไหม?”
“ถูกต้อง”
“ผลโพธิ์เหล่านี้แก่จัดและพร้อมให้เก็บก็เพราะเว่ยหรูเหยียนใช้พลังปราณของเธอเร่งการเจริญเติบโตของพวกมัน ใช่ไหม?”
“ก็ใช่”
“ถ้าอย่างนั้นก็ง่ายนิดเดียว ในเมื่อคุณไม่ได้ทำอะไรสักนิด ผลโพธิ์ทั้ง 6 ผลก็ควรจะเป็นของเว่ยหรูเหยียน มีอะไรให้ต้องถกเถียงกันอีก? เอาล่ะ หรูเหยียน! ไปเก็บผลโพธิ์พวกนั้นมา” จางเซวียนสั่งการอย่างหนักแน่น
“คุณ…คุณพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?” นึกไม่ถึงว่าจางเซวียนจะตลบหลังด้วยวิธีนี้ ชายหนุ่มถลึงตาอย่างโกรธจัด
“ผมไม่ได้หมายความว่าอะไรทั้งนั้น ก็แค่พูดในสิ่งที่เป็นความยุติธรรม” จางเซวียนตอบ ในเมื่อคุณไม่ได้มีส่วนช่วยเหลืออะไรในการเข้าสู่หอบริวารและการเร่งผลโพธิ์ให้แก่จัด แล้วคุณจะเอาสิทธิ์ที่ไหนมาอ้างเพื่อการครอบครองผลโพธิ์ล่ะ?”
“บังอาจนัก! คุณคิดว่ากำลังพูดอยู่กับใคร?” ชายหนุ่มคำรามกร้าวโมโหเดือดกับความอาจหาญของจางเซวียน
กลุ่มคนที่เหลืออีก 8 คนจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์เข้าตีวงล้อมทั้งสามไว้และปลดปล่อยรังสีของพวกเขาออกมา พยายามสร้างความกดดันที่ถาโถมเข้าใส่อีกฝ่ายให้ยอมจำนน ก็เหมือนกับอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ที่หอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ พวกเขาล้วนเป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึก
“ท่านอาจารย์…” เว่ยหรูเหยียนหน้าดำคร่ำเครียดเมื่อเห็นคนเหล่านั้นข่มขู่อาจารย์ของเธอ
แต่ขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ท่านอาจารย์ก็ยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ปล่อยเป็นภาระของผม”
“ได้ ท่านอาจารย์” เว่ยหรูเหยียนพยักหน้า
เธอรู้ซึ้งถึงความเก่งกาจของท่านอาจารย์เป็นอย่างดี ในเมื่อเขาบอกว่าไม่ต้องห่วง ก็หมายความว่าไม่มีอะไรที่เธอต้องกังวล
จางเซวียนมองกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ตีวงล้อม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้า เขาก้าวออกไปก้าวหนึ่ง
กลุ่มวัยรุ่นจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์อาจไร้เทียมทานก็จริง แต่กระบี่เปลวเพลิงสีดำก็เพิ่งยกระดับวรยุทธไปเป็นขั้นนักปราชญ์โบราณ แถมเขายังมีของล้ำค่ากับอสูรอีกมากมายอยู่กับตัว หากเขาต้องการ ก็สามารถเล่นงานคนเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
ขณะที่จางเซวียนกำลังจะเปิดการโจมตีเพื่อสั่งสอนเด็กจองหองกลุ่มนั้น หลัวฉีฉีก็ขัดขึ้น “ให้ฉันจัดการเองเถอะ!”
เธอพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายโดยไม่รอคำตอบจากจางเซวียน
ทันทีที่หลัวฉีฉีสำแดงกระบวนท่า พละกำลังอันน่าทึ่งที่เธอครอบครองอยู่ก็ถูกปล่อยออกมา
ไม่ต่างจากจ้าวหย่า เธอสำเร็จวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกแล้ว!
“….” จางเซวียนรู้สึกปวดหัวตึ้บ
ก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งที่เขาจงใจสร้างความปั่นป่วนให้กับตระกูลหลัวและจากมา เธอยังเป็นแค่นักรบระดับเซียนขั้น 9
แต่ภายในระยะเวลาอันสั้น เธอกลับยกระดับวรยุทธไปสู่ขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกได้แล้ว
ความรวดเร็วในการฝ่าด่านวรยุทธของเธอช่างเหลือเชื่อ!
ทุกคนที่อยู่รอบตัวจางเซวียนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาฝึกฝนวรยุทธได้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อมองไปยังลูกศิษย์ จางเซวียนก็รู้สึกว่าตัวเองยังต้องเดินทางอีกยาวไกล
ฟิ้ววววว!
เครื่องเก็บงำมิติหมุนติ้วพร้อมกับส่งเสียงฮัมเล็กน้อย สกัดกั้นมิติที่อยู่โดยรอบเอาไว้ หลัวฉีฉีพุ่งตัววนรอบอีกฝ่ายราวกับผีเสื้อที่อยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้
แน่นอนว่ากลุ่มเด็กวัยรุ่นจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์นั้นทรงพลัง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่อาจเทียบชั้นกับหลัวฉีฉีได้
“ดูเหมือนความสามารถในการควบคุมเครื่องเก็บงำมิติของเธอจะพัฒนาขึ้นอีก” จางเซวียนพยักหน้า
เขาเคยเห็นสาวน้อยใช้เครื่องเก็บงำมิติยับยั้งเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลหลัวมาก่อน ในครั้งนั้น ความสามารถในการควบคุมเครื่องเก็บงำมิติของเธอยังไม่ได้รับการขัดเกลา และดูเหมือนเธอจะควบคุมมันได้เพียงคร่าวๆ แต่ตอนนี้การควบคุมของเธอเป็นไปอย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ จนถึงขั้นที่ทุกกระบวนท่าของเธอไม่ต่างอะไรกับงานศิลปะ
ในเวลานี้ คงไม่เป็นการพูดเกินจริงหากจะกล่าวว่าเธอกลายเป็นหนึ่งเดียวกับเครื่องเก็บงำมิติไปแล้ว!
“หลัวฉีฉีไม่เพลี่ยงพล้ำให้พวกนั้นหรอก เก็บผลโพธิ์กันเถอะ”จางเซวียนพูดยิ้มๆขณะหันกลับไปมองต้นโพธิ์
ต้นโพธิ์ที่อยู่ตรงหน้าเขาค่อนข้างจะคล้ายคลึงกับต้นโพธิ์ที่สถาบันปรมาจารย์หงหย่วน แต่พุ่มใบของมันดกหนากว่า รังสีที่แผ่ออกมาก็ล้ำลึกกว่ามาก
พวกนั้นบอกว่าการฝึกฝนวรยุทธใต้ต้นโพธิ์จะช่วยยกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณและสภาวะจิตใจ จางเซวียนคิดอย่างตื่นเต้น
ต้นโพธิ์เซียนทั่วไปจะมีอานุภาพในการสงบจิตใจของนักรบและขับไล่ปีศาจใต้สำนึกของพวกเขา แต่ในเมื่อต้นโพธิ์ที่อยู่ตรงหน้ามีวรยุทธถึงขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ อานุภาพของมันก็ย่อมโดดเด่นกว่ามาก
ถ้าเราฝึกฝนวรยุทธใต้ต้นโพธิ์นี้ บางที อาจยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณให้แตะ 30.0 ได้!
ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของเขาอยู่ที่ 29.99 อีกเพียงเสี้ยวเดียวก็จะเข้าถึงระดับของนักปราชญ์โบราณแล้ว ซึ่งมันคงจะเป็นความสูญเปล่าใหญ่หลวงหากเขาจะกินผลโพธิ์เพียงเพื่อยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณอีกแค่ 0.01 ดังนั้น หากเขาทรุดตัวลงนั่งปรับสภาวะจิตใต้ต้นโพธิ์ ก็น่าจะฝ่าด่านวรยุทธได้ในไม่ช้า
ขณะที่จางเซวียนกำลังครุ่นคิด เว่ยหรูเหยียนก็เดินไปที่ต้นโพธิ์และเก็บผลโพธิ์ผลหนึ่งมา
บึ้มมม!
กระแสพลังงานระเบิดออกจากต้นโพธิ์ มันคือกลไกการป้องกันตัวโดยธรรมชาติของต้นโพธิ์เพื่อขับไล่ผู้ที่หมายปองผลของมันไม่ให้เข้าใกล้
แต่กระแสพลังงานนั้นก็ถูกเว่ยหรูเหยียนปราบอย่างง่ายดายโดยใช้ศาสตร์ลับชนิดหนึ่ง
ฟึ่บ!
ผลโพธิ์หลุดออกจากกิ่ง
ซรืดดดด!
ทันทีที่มันถูกเด็ด ควันสีดำก็ลอยโขมงขึ้นจากกิ่งที่ผลโพธิ์งอกออกมา ควันนั้นตรงเข้าโอบล้อมเว่ยหรูเหยียน
“นั่น…แก๊สพิษหรือ?” จางเซวียนชะงัก
เขานึกไม่ถึงว่าต้นโพธิ์จะมีกลไกการป้องกันตัวแบบนี้
ไม่น่าแปลกใจแล้วที่เด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้นไม่ยอมเก็บเองและยืนกรานให้เว่ยหรูเหยียนเป็นคนเก็บ เพราะหากพวกเขาพยายามลงมือเองก็มีโอกาสสูงที่จะถูกวางยาจนตาย