อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1816 บ้วนมันออกมา!
“วังของผม…”
เห็นเศษซากวังที่พังทลาย อำมาตย์เฉินหลิงหมดความอดทนและกระอักเลือดออกมา
ตัวเขากับเหล่าบรรพบุรุษใช้เวลาหลายพันปีสร้างวังนี้ ไม่น่าเชื่อว่ามันจะพังทลายอย่างที่เห็น…
ใครบอกเราได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น?
“อำมาตย์เฉินหลิง…”
สองนักปราชญ์โบราณที่ต่อสู้กับนักปราชญ์โบราณโม่หลิงเมื่อครู่บินเข้ามา คนหนึ่งหน้าถอดสีขณะก้มหน้ารายงาน “ฝ่าบาท เจ้าคนที่ชื่อจางเซวียนได้ติดตั้งค่ายกลโดยใช้ธงค่ายกลกว่าพันอัน เมื่อเขาเปิดใช้งานค่ายกล บรรดาค่ายกลที่อยู่ในวังก็ถูกเปิดใช้งานด้วย หรือว่าการระเบิดจะเป็นฝีมือของเขา?”
“รอเดี๋ยว…เขาติดตั้งค่ายกลที่นี่หรือ?” อำมาตย์เฉินหลิงถึงกับผงะ
ทั่ววังของอำมาตย์เฉินหลิงเต็มไปด้วยอักษรจารึกหลายหมื่นตัวและค่ายกลอีกหลายร้อยอันซึ่งมีหลากหลายขนาด ก็เพราะค่ายกลเหล่านี้ เขาจึงมั่นใจว่าจะรับมือกับอำมาตย์เฉินหย่งและคนอื่นๆได้การที่มันพังทลายก็หมายความว่าปราการด่านสุดท้ายของเขาสูญสิ้นแล้ว และเขากำลังเปิดเผยตัวเองสู่โลกภายนอก
ข้อเท็จจริงที่ว่าเขาบาดเจ็บสาหัสทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอีกหากเป็นอย่างนี้ ถ้าอำมาตย์เฉินหย่งกลับมาจริงๆ เขาจะมิสูญเสียพลังไปมากกว่านี้หรือ?
อำมาตย์เฉินหลิงกัดฟันกรอดและตวาด “นำของล้ำค่าทั้งหมดที่เหล่านักตรวจสอบสมบัติประเมินไว้มาที่นี่!”
“ฝ่าบาท เรายังประเมินมูลค่าที่แท้จริงของของล้ำค่าไม่ได้ทั้งหมดเลย” นักปราชญ์โบราณคนที่หน้าซีดเผือดละล่ำละลัก
อำมาตย์เฉินหลิงโบกมืออย่างหมดความอดทนและร้องออกมา“ไม่มีเวลาแล้ว กว่าพวกนั้นจะประเมินเสร็จหมดทุกอย่าง ผมคงตายก่อนแน่!”
“แต่…ฝ่าบาท คุณก็รู้กฎเกณฑ์ดี ถ้าเราประเมินมูลค่าของของล้ำค่าได้ไม่ถูกต้อง ผมเกรงว่าไม่เพียงแต่อาการบาดเจ็บของคุณจะไม่ดีขึ้น เรายังอาจตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายกว่าเดิมด้วย…”
“หยุดพล่ามเสียทีแล้วไปนำของล้ำค่าทั้งหมดมาที่นี่ เราไม่มีเวลาแล้ว! จะรอดหรือไม่ก็ขึ้นกับเดิมพันครั้งสุดท้ายนี่แหละ!” อำมาตย์เฉินหลิงคำรามกร้าว
ในเมื่อเลือดมังกรถูกขโมยไปแล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้วิธีการที่สุ่มเสี่ยงกว่าเดิม กว่าเขาจะเข้าใกล้ชัยชนะได้ขนาดนี้ได้ก็ไม่ง่าย และเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองยืนอยู่เป็นคนสุดท้าย
นักปราชญ์โบราณทั้งห้าอาจดูเหมือนอยู่ฝ่ายเดียวกับเขา แต่หากเขาหมดอำนาจขึ้นมาจริงๆ ก็มีโอกาสสูงที่คนแรกที่จะเล่นงานเขาก็คือคนพวกนี้!
“ได้” เห็นอำมาตย์เฉินหลิงยืนกราน นักปราชญ์โบราณคนที่หน้าซีดเผือดลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า เขารีบหันหลังกลับแล้วจากไป
“เราจะแพ้ไม่ได้ ไม่มีทางที่เราจะยอมแพ้…” อำมาตย์เฉินหลิงกำหมัดแน่น แววตาเปล่งประกายโหดเหี้ยม
…..
ฟึ่บ!
ห่างออกไปจากเมืองหลวง มิติเกิดการสั่นสะท้านก่อนจะปรากฏรอยร้าว จากส่วนลึกของรอยร้าวนั้น จางเซวียนกลิ้งออกมาและกระแทกกับพื้นอย่างแรง
“ท่านประธาน!”
ผู้พยากรณ์จิตวิญญาณตนหนึ่งรีบเข้ามาพยุง จากนั้นก็สำรวจพื้นที่โดยรอบ สีหน้าของเขาปรากฏความทึ่ง เขาอดไม่ได้ที่จะมองจางเซวียนด้วยแววตายำเกรง
แม้จะเป็นแค่นักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึก ก็สามารถสร้างความอึกทึกครึกโครมครั้งใหญ่และหนีรอดจากนักปราชญ์โบราณจำนวนมากมายได้
เขาคงเป็นเพียงคนเดียวที่เก่งกาจพอจะแสดงวีรกรรมแบบนี้
จางเซวียนพลันนึกอะไรได้บางอย่าง เขาตั้งคำถาม “กายเนื้อของคุณอยู่ไหน?”
“หนึ่งในจุดอ่อนที่สุดของเหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณก็คือความเสี่ยงที่กายเนื้อของเขาจะถูกโจมตีขณะที่จิตวิญญาณอยู่ข้างนอกผมจึงสร้างมิติขนาดเล็กเป็นพิเศษขึ้นเพื่อที่จิตวิญญาณของผมจะพากายเนื้อไปไหนมาไหนด้วยได้” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงตอบยิ้มๆ
ในตอนนั้นเองที่จางเซวียนเพิ่งเห็นว่ามีแหวนแห่งมิติที่ทำจากพลังจิตวิญญาณอยู่บนนิ้วของนักปราชญ์โบราณโม่หลิง
ฟึ่บ!
เพียงแค่คิดแวบเดียว นักปราชญ์โบราณโม่หลิงก็นำกายเนื้อของเขาออกมาก่อนจะดำดิ่งเข้าไปในนั้น
“ไม่เลวเลย!” จางเซวียนตาโต
เขาไม่เคยคิดทำอะไรแบบนี้มาก่อน ถ้าเขาสามารถพากายเนื้อติดตัวไปไหนมาไหนได้ ก็คงจะปลอดภัยกว่าเดิมมาก
“เท่าที่ดูจากสภาพแวดล้อมโดยรอบ เราน่าจะอยู่ที่สนามรบแห่งขนนกไฟซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปราว 1 ล้านลี้ ผมไม่คิดว่าอำมาตย์เฉินหลิงกับพรรคพวกจะตามตัวเราเจอ…ท่านประธานแล้วตอนนี้คุณจะทำอย่างไร?”
นักปราชญ์โบราณโม่หลิงแสดงตัวเป็นปฏิปักษ์ต่ออำมาตย์เฉินหลิงแล้ว เขาจึงไม่มีทางกลับไปได้อีก ดังนั้น ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือติดตามท่านประธานคนใหม่
“สำหรับตอนนี้ พักผ่อนและฟื้นฟูพละกำลังกันก่อนเถอะ แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป” จางเซวียนพูดพร้อมกับโบกมือ
การติดตั้งค่ายกลเมื่อครู่นี้ดูดกลืนพลังงานของเขาไปมาก เขาจึงต้องการการพักผ่อนและฟื้นฟูพละกำลัง ที่สำคัญกว่านั้น ในเมื่อตอนนี้เขาพ้นจากอันตรายแล้ว ก็จำเป็นจะต้องเจรจากับน้ำเต้าตงฉู่ถึงเรื่องอนาคต
ไม่อย่างนั้น ถ้าเจ้านั่นโผล่ขึ้นมาอย่างปุบปับแล้วทำอะไรให้ใจหายใจคว่ำตลอดเวลาอย่างนี้ ไม่ช้าไม่นานเขาคงหัวใจวายตายแน่
“คุณพูดถูก เราควรพักผ่อนกันก่อน”
ได้ยินคำพูดของจางเซวียน นักปราชญ์โบราณโม่หลิงรู้สึกเหน็ดเหนื่อยขึ้นมาทันที เขาสร้างปราการปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกก่อนจะทรุดตัวลงนั่งและฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณที่สูญเสียไป
เห็นนักปราชญ์โบราณโม่หลิงตั้งต้นฝึกฝนวรยุทธ จางเซวียนรีบนำหนังสือเทียบฟ้าใส่กลับเข้าไปในหอสมุดเทียบฟ้าพร้อมกับนำศพของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณใส่กลับเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ ก่อนจะตั้งต้นฝึกฝนวรยุทธเช่นกัน
ด้วยการใช้มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงที่อยู่ในหอสมุดเทียบฟ้า เขาสามารถฟื้นฟูพละกำลังได้เร็วกว่าเดิมถึง 10 เท่าด้วยเหตุนี้ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที จางเซวียนก็ฟื้นคืนพละกำลังดังเดิม
จากนั้น เขาสูดหายใจลึกก่อนจะหันไปเพ่งสมาธิเข้าสู่จุดตันเถียนในตอนนั้น น้ำเต้ากำลังนอนเล่นอย่างเกียจคร้านอยู่ในจุดตันเถียนดูไม่มีทีท่าว่าอยากจะจากไป
เห็นน้ำเต้านอนอืดอย่างสบายใจหลังจากสร้างความวุ่นวายและทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายอย่างมหันต์ จางเซวียนโมโหเดือดขึ้นมา เขาตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว “เร็วเข้า บ้วนเลือดมังกรออกมานะ!”
ถึงน้ำเต้าจะฉกฉวยเลือดมังกรไปจากมือของอำมาตย์เฉินหลิง แต่ปัญหาก็คือมันไม่มีประโยชน์อะไรกับเขา ต่อให้น้ำเต้าซึมซับเลือดมังกรเข้าไปแล้วก็ตาม
แต่ถ้าหอกมังกรสวรรค์กระดูกมังกรได้กลืนกินหยดเลือดนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องหลบหนีอีกต่อไป เขาจะสามารถเอาชนะทุกคนในวังของอำมาตย์เฉินหลิงได้ และต่อให้อำมาตย์เฉินหลิงเองก็คงถูกสังหารด้วยการจ้วงแทงเพียงครั้งเดียว
“ใจเย็นๆ เจ้าหนุ่ม…พลังปราณในจุดตันเถียนของคุณนี่อุ่นสบายมาก ไม่ต้องกังวลน่ะ ผมจะออกไปทันทีหลังจากซึมซับเลือดมังกรเสร็จ…” น้ำเต้าส่ายก้นเล็กน้อยขณะตอบอย่างเกียจคร้าน
“ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ! คราวก่อน ตอนที่ผมมอบหินอุกกาบาตให้คุณ คุณสัญญากับผมไม่ใช่หรือว่าจะไม่เข้ามาที่จุดตันเถียนของผมอีก จะผิดสัญญาหรือไง?” จางเซวียนโมโหเสียจนเส้นเลือดแทบระเบิด
นี่มันจุดตันเถียนของผมนะ! มากลิ้งเกลือกอะไรอยู่ตรงนี้? ออกไป!
มันเรื่องอะไรที่คนดีๆอย่างผมจะต้องลงเอยด้วยการมีทรัพย์สมบัติที่ไร้ยางอายแบบคุณ?
“เอาล่ะ ก็ได้…ก็ได้ เดี๋ยวผมออกไป ตกลงไหม? ผม, น้ำเต้าตงฉู่ผู้ยิ่งใหญ่ คือน้ำเต้าทรงเกียรติที่รักษาสัญญา!” เห็นจางเซวียนใกล้ปรี๊ดแตกเต็มที น้ำเต้าตงฉู่พึมพำอย่างหงุดหงิดก่อนจะออกจากจุดตันเถียนของเขา
“เลือดมังกรอยู่ไหนล่ะ?” จางเซวียนจ้องหน้าน้ำเต้าตงฉู่และถามเสียงเย็น “บ้วนมันออกมาเดี๋ยวนี้เลย!”
น้ำเต้าตงฉู่ส่ายก้นอย่างขี้เกียจก่อนจะตอบว่า “ผมซึมซับมันเรียบร้อยแล้ว”
“ซึมซับมัน? เมื่อครู่นี้คุณพูดไม่ใช่หรือว่าคุณจะออกจากจุดตันเถียนของผมก็ต่อเมื่อซึมซับเลือดมังกรแล้ว?”
“เอ่อ…ก็ใช่ อย่างน้อยผมก็ซึมซับมันไปได้ส่วนหนึ่งแล้วล่ะ อีกอย่าง ผมเป็นคนกลืนกินเลือดมังกรนะ เพราะฉะนั้นมันย่อมเป็นของผม” น้ำเต้าตงฉู่ตอบหน้าตาเฉย ราวกับจางเซวียนเป็นนักเลงหัวไม้ที่พยายามจะขโมยลูกอมจากเด็กเล็กๆ
“ต่อให้คุณซึมซับเข้าไปแค่ไหนแล้วก็ตาม บ้วนส่วนที่เหลือออกมาแล้วมอบมันให้หอกสวรรค์กระดูกมังกรเสีย ไม่อย่างนั้น จะมาหาว่าผมหยาบคายไม่ได้นะ” จางเซวียนคำราม
“แต่ผมเป็นคนฉกฉวยมันมาจากเจ้านั่น คุณมีหัวจิตหัวใจบ้างหรือเปล่าที่ทำกับพืชกระจ้อยร่อยบอบบางอย่างผมแบบนี้?”
ในตอนนั้น น้ำเต้าตงฉู่ยืดตัวขึ้น น้ำเสียงของมันเปลี่ยนจากยียวนไปเป็นเคร่งขรึม “แต่ผมคิดว่าที่คุณพูดก็มีเหตุผลนะ เลือดมังกรน่ะไม่มีประโยชน์กับผมเท่าไหร่หรอก ผมเพิ่งรู้สึกเดี๋ยวนี้เองว่ามันไม่น่ากินเลย จะบ้วนมันออกมาเดี๋ยวนี้แหละ ว่าแต่…คุณจะหันกระบี่นั่นไปทางอื่นได้หรือยัง?”
จางเซวียนคำรามและยอมถอนกระบี่เปลวเพลิงสีดำที่ชี้ไปยังร่างของน้ำเต้าตงฉู่
เอาสิ! พล่ามต่อสิ ผมจะเฉือนคุณให้ขาดเป็นสองท่อนเลย!
น้ำเต้าตงฉู่ทำสีหน้าน่าสงสาร ร่างของมันป่องออกมาก่อนที่เลือดมังกรหยดเล็กจ้อยจะถูกขย้อนออกมาจากภายใน
เป็นอย่างที่น้ำเต้าตงฉู่บอกไว้ มันซึมซับหยดเลือดส่วนใหญ่ไปแล้วจึงเหลืออยู่ไม่ถึง 1 ใน 5
แม้จะเหลือหยดเลือดอยู่ไม่ถึง 1 ใน 5 แต่ด้วยความเข้มข้นของพิธีกรรม แรงกดดันที่หยดเลือดแผ่ออกมาจึงยังคงน่าทึ่ง จางเซวียนรีบโบกมือและนำหอกสวรรค์กระดูกมังกรออกมา
“กลืนกินเลือดมังกรเสีย ดูซิว่ามันมากพอจะปลดฉนวนของคุณหรือไม่!”
แม้จะน่าเสียดายที่มีเลือดมังกรน้อยกว่าเดิมมาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่เหลืออะไรเลย