อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1826 เมล็ดพันธุ์แห่งการยินยอมพร้อมใจ
“อำมาตย์เฉินหย่งยังมีชีวิตอยู่?”
“เขากลับมาแล้วจริงๆหรือ?”
ฝูงชนที่ติดตามหลิวหยางไปอุทานออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ
พวกเขายังข้องใจเล็กน้อยตอนที่ฟังเรื่องเล่าของหลิวหยาง แต่เมื่อได้ยินคำบอกเล่าขององครักษ์ ความสงสัยทั้งหมดก็หายวับไป
ดูเหมือนอำมาตย์เฉินหย่งจะยังมีชีวิตอยู่จริงๆ หรือพูดอีกอย่างก็คือ สิ่งที่อำมาตย์เฉินหลิงบอกคนทั้งโลกนั้นเป็นเรื่องโกหก…ร่วมมือกับเผ่าพันธุ์มนุษย์เพื่อสังหารอำมาตย์คนหนึ่ง เรื่องนี้ให้อภัยไม่ได้!
“เร็วเข้า รีบไปกันเถอะ!” หลิวหยางร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกทั้งความโล่งอกและดีใจ
คนอื่นๆอาจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาได้พูดคุยกับอำมาตย์เฉินหย่งและท่านอาจารย์แล้ว จึงรู้ว่าทั้งคู่เตรียมการอะไรไว้
พวกเขาได้รวบรวมกลุ่มอำนาจทั้งหมดเท่าที่จะหาได้ และการที่พวกเขามาอยู่ที่นี่ ก็แปลว่าสามารถรวบรวมกองกำลังที่แข็งแกร่งพอจะต้านทานกลุ่มของอำมาตย์เฉินหลิงได้แล้ว การต่อสู้เพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ในเผ่าพันธุ์ปีศาจกำลังจะเริ่มต้น!
ฟิ้วววว!
หลิวหยางกับสมาชิกในกลุ่มนักรบประจัญบานรีบบินตรงไปยังใจกลางเมืองหลวง
ไม่ช้าก็ถึงที่หมาย บริเวณที่พิธีกรรมถูกจัดเตรียมไว้มีแท่นสูงตระหง่านที่พุ่งตรงขึ้นสู่หมู่เมฆ ขั้นบันไดที่เวียนรอบแท่นนั้นเปรอะเลือดสดๆอย่างน่าสยดสยอง
ธงมากมายที่ปักอยู่บนขั้นบันไดโบกสะบัดอย่างโกรธเกรี้ยว หมู่เมฆดำดูเหมือนจะปกคลุมทั่วท้องฟ้า พายุทอร์นาโดก่อตัวขึ้นที่ใจกลางแท่น ดึงดูดพลังงานนับไม่ถ้วนเข้าสู่ศูนย์กลางของมัน
ในตอนนั้น อำมาตย์เฉินหลิงกำลังลอยตัวอยู่เหนือแท่น ปล่อยให้กระแสบรรยากาศพลุ่งพล่านหมุนติ้วรอบตัวเขา
ด้านล่างแท่นคือเผ่าพันธุ์ปีศาจจำนวนมากมาย ราวกับพวกมันสูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว ทุกตัวคุกเข่าลงและนิ่งจังงังอยู่ตรงหน้าแท่น ไม่สะทกสะท้านกับกระแสลมเกรี้ยวกราดที่พุ่งเข้าใส่ รวมแล้วก็ตกราวหลายหมื่นตัว เห็นได้ชัดว่าพวกมันคือเครื่องบรรณาการ
ที่วางอยู่บนขั้นบันไดถัดไปจากนั้นหลายขั้นคือของล้ำค่ามากมายนับไม่ถ้วน รวมทั้งสมุนไพรและสินแร่ จางเซวียนจดจำข้าวของบางส่วนได้เพราะเขาเคยประเมินมันเมื่อตอนที่สวมรอยเป็นอู๋เทาที่วังของอำมาตย์เฉินหลิง
ที่ยืนประจันหน้ากับอำมาตย์เฉินหลิงคืออำมาตย์เฉินหย่ง เขามองพื้นที่เกลื่อนไปด้วยซากศพและเลือดสดๆด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว
“อำมาตย์เฉินหลิง คุณรวมหัวกับมนุษย์เพื่อสังหารผม นั่นคือความกระด้างกระเดื่อง! คุณเลือกที่จะสังหารเผ่าพันธุ์ของเรามากมายเพียงเพื่อผลประโยชน์ของคุณเอง นั่นคือความเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ! คนโหดเหี้ยมอย่างคุณไม่สมควรมีชีวิตอยู่ วันนี้แหละจะเป็นวันตายของคุณ!”
เขารู้ว่าอำมาตย์เฉินหลิงสนอกสนใจแต่ตัวเอง แต่ใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรที่เหลวไหล และย่ำแย่ขนาดนี้?
การที่อำมาตย์เฉินหลิงจะร่วมมือกับมนุษย์เพื่อสังหารเขาก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ถึงกับจับคนของตัวเอง เป็นแสนคนเพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องบรรณาการ…คงไม่มีกระดาษเยื่อไผ่ที่ไหนที่ใหญ่พอจะบันทึกรายละเอียดของความชั่วร้ายของเขาไว้ได้ทั้งหมดแน่!
“คุณจะฆ่าผมหรือ?” อำมาตย์เฉินหลิงคำราม นัยน์ตาฉายแววเยาะเย้ย
ถ้าเป็นอำมาตย์เฉินหย่งในอดีต เขาอาจจะหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่ตอนนี้อีกฝ่ายก็ใกล้ตายเต็มที แค่จะรักษาชีวิตเอาไว้ก็ยากเอาการแล้ว ถึงขนาดนี้…ยังมีหน้าจะอยากฆ่าเขาอีก ฝันไปเถอะ!
“แล้วถ้าพวกเราที่เหลือล่ะ?”
ฟิ้ววววว!
ลมหอบใหญ่พัดมา หลายร่างปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ พวกเขาคือนักปราชญ์โบราณโม่หลิง นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิง และคนอื่นๆ
“โม่หลิง คุณมันไอ้กระจอกชั่วร้าย…” อำมาตย์เฉินหลิงหรี่ตา “อำมาตย์เฉินหย่ง คุณอยากร่วมมือกับคนแบบเขาจริงๆหรือ? คงไม่รู้สินะว่าเขามีบทบาทแค่ไหนในการทำให้คุณตกอยู่ในสภาพนี้!”
ถ้าไม่ใช่เพราะนักปราชญ์โบราณโม่หลิงร่วมมือกันกับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ ก็คงไม่มีทางที่อำมาตย์เฉินหลิงซึ่งมีประสิทธิภาพการต่อสู้จำกัดจะยื่นมือไปแตะต้องอำมาตย์เฉินหย่งได้
“คุณคิดหรือว่าข่าวนี้จะทำให้ผมรู้สึกอะไร?” อำมาตย์เฉินหย่งคำราม
แน่นอนว่าเขาจงเกลียดจงชังนักปราชญ์โบราณโม่หลิงที่ตลบหลังเขาและร่วมมือวางแผนลอบสังหาร แต่ตอนนี้ทุกอย่างชัดเจน ศัตรูตัวฉกาจที่เขาอยากสังหารให้ได้เดี๋ยวนี้คืออำมาตย์เฉินหลิง และนักปราชญ์โบราณโม่หลิงก็คือผู้ที่จะช่วยให้เขาประสบความสำเร็จ
คงโง่เง่าเต็มทีหากจะคิดร้ายกับใครสักคนที่เป็นพันธมิตรของเขาในเวลานี้
“ไม่ทำให้คุณรู้สึกอะไร?” อำมาตย์เฉินหลิงหัวเราะลั่น “คุณพังแน่ อำมาตย์เฉินหย่ง!”
เขาหันไปมองอสูรตัวมหึมาที่ยืนอยู่ข้างนักปราชญ์โบราณโม่หลิง สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด “นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิง, อำมาตย์เฉินหย่งคือผู้เนรเทศคุณกับคนของคุณออกจากถิ่นฐานบ้านเกิดนะ ผมเชื่อว่าคุณน่าจะมีเรื่องที่ต้องสะสางกับเขา ศักดิ์ศรีและความหยิ่งผยองของคุณยอมให้คุณลดตัวลงมาร่วมมือกับศัตรูด้วยหรือ? ขอแค่คุณช่วยผม ไม่เพียงแต่ผมจะรักษาสันติภาพกับเผ่าพันธุ์อสูรของคุณไว้ตราบเท่าที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ผมยังจะมอบถิ่นฐานบ้านเกิดกลับคืนให้พวกคุณ และชดเชยสิ่งที่เผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณของพวกเราเคยทำผิดพลาดไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาด้วย!”
ถ้ามีแค่นักปราชญ์โบราณโม่หลิง เขายังแน่ใจว่าจะเอาชนะได้ แต่ถ้าคู่ต่อสู้ของเขารวมถึงนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงด้วย ทุกอย่างก็จะยากขึ้นอีกมาก
ในสภาวะแข็งแกร่งสูงสุด นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงมีพละกำลังแข็งแกร่งกว่าตัวเขาเสียอีก ตัวเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสิทธิภาพการต่อสู้เป็นที่สองรองจากอำมาตย์เฉินหย่ง หากต้องเผชิญหน้ากับนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงในสภาพนี้ โอกาสที่เขาจะต้องจบชีวิตก็มีสูง
“อย่างที่ผมเคยบอกคุณนั่นแหละ พวกเราเผ่าพันธุ์อสูรมีศักดิ์ศรีที่ต้องรักษาไว้ ถ้าผมอยากร่วมมือกับคุณ ผมคงยอมตกลงเป็นพันธมิตรกับคุณไปนานแล้ว!” นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงโบกกรงเล็บอย่างไม่แยแส
อันที่จริง ก่อนที่อำมาตย์เฉินหย่งจะมาตามหาเขา อำมาตย์เฉินหลิงเคยมาขอพบเขาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ถูกไล่กลับไป
ได้ยินคำนั้น อำมาตย์เฉินหลิงหรี่ตา
เขาเคยคิดว่าด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสของอำมาตย์เฉินหย่ง อีกฝ่ายคงทำได้แค่รวบรวมกองกำลังง่อยๆมาตอบโต้เขา นึกไม่ถึงเลยว่านักปราชญ์โบราณโม่หลิงจะทรยศเขาอย่างเปิดเผย แถมนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงก็ยอมจำนนให้อีกฝ่ายด้วย…
อำมาตย์เฉินหย่งทำได้อย่างไร?
“อำมาตย์เฉินหย่ง ผมยอมรับว่าคุณน่ะมีไม้เด็ดซ่อนอยู่เยอะ คุณเก่งกาจกว่าที่ผมคิดไว้มาก แต่ถ้าคุณคิดว่าจะฆ่าผมได้ง่ายๆล่ะก็ ขอบอกเลยว่าคุณประเมินผมต่ำไป!”
รู้ดีว่าพูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ อำมาตย์เฉินหลิงระบายลมหายใจยาวก่อนจะยืดตัวขึ้นและวางท่า “พวกคุณออกมาได้แล้ว!”
ฟึ่บ!
พริบตาต่อมา นักปราชญ์โบราณมากมายที่จางเซวียนเคยพบที่วังของอำมาตย์เฉินหลิงก็มารวมตัวกันและตั้งแถวอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาแผ่รังสีอันทรงพลังอย่างน่าทึ่งที่สั่นสะเทือนได้แม้แต่ชั้นบรรยากาศ
“มีบางอย่างไม่ธรรมดา…”
เมื่อมองดูนักปราชญ์โบราณเหล่านั้น อำมาตย์เฉินหย่งกับนักปราชญ์โบราณโม่หลิงสบตากันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เหตุผลที่นักปราชญ์โบราณเหล่านั้นยอมช่วยอำมาตย์เฉินหลิงในอดีตก็เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน ความสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของผลประโยชน์นั้นไม่น่าจะคงทนยาวนานนัก
แต่ในเวลานี้ พวกเขากลับอารักขาพื้นที่อย่างเหนียวแน่น ดูยินยอมพร้อมใจที่จะมอบให้แม้แต่ชีวิตเพื่อปกป้องอำมาตย์เฉินหลิง
คนพวกนี้จงรักภักดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
“เขาต้องใช้เล่ห์กลบางอย่างควบคุมคนพวกนั้นแน่” จางเซวียนขมวดคิ้วพร้อมกับตั้งข้อสังเกตอย่างเคร่งเครียด
ด้วยความเข้าใจอันล้ำลึกของเขาที่มีต่อศาสตร์แห่งจิตวิญญาณ เขาดูออกว่าแม้นักปราชญ์โบราณกลุ่มนี้จะยังคงมีชีวิตจิตใจเป็นของตัวเอง แต่สติสัมปชัญญะของพวกเขาถูกใครคนหนึ่งนำไปแล้ว ทุกคนดูไม่ต่างอะไรกับหุ่นกระบอก
ถ้าเป็นแค่ความสัมพันธ์แบบพันธมิตรที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน พวกเขาก็สามารถยกเลิก ความสัมพันธ์ได้ด้วยการสละผลประโยชน์ แต่สิ่งเดียวที่หุ่นกระบอกทำได้คือทำตามคำสั่ง ดูเหมือนพวกเขาจะเผชิญปัญหาอยู่สักหน่อยในการจะเล่นงานอำมาตย์เฉินหลิง
เป็นไปได้ว่าคงเป็นการต่อสู้ที่ไม่สวยงามนัก!
“เขาใช้จิตวิญญาณของเขาควบคุมนักปราชญ์โบราณพวกนั้นให้เป็นเหมือนหุ่นกระบอก? นะ-นี่…เป็นไปได้อย่างไร?” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
เขาใช้เวลาทั้งชีวิตศึกษาเรื่องจิตวิญญาณ และความเข้าใจของเขาต่อเรื่องนี้ก็อยู่ในระดับที่ลึกซึ้งอย่างน่าทึ่ง แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่อาจโน้มน้าวเจตจำนงของนักปราชญ์โบราณได้
แต่บุคคลที่อยู่ตรงหน้าเขากำลังควบคุมนักปราชญ์โบราณมากมายซึ่งไม่ได้มีวรยุทธอ่อนด้อยกว่าเขาเลย มันเป็นภาพที่นักปราชญ์โบราณโม่หลิงแทบไม่อยากเชื่อ แม้จะเห็นกับตาตัวเอง
อำมาตย์เฉินหย่งพลันนึกอะไรได้ เขาตัวแข็งทื่อ “มันคือเมล็ดพันธุ์แห่งการยินยอมพร้อมใจ”
จางเซวียนกับคนอื่นๆมีสีหน้างุนงง “เมล็ดพันธุ์แห่งการยินยอมพร้อมใจ?”
ดูเหมือนว่าเมล็ดพันธุ์แห่งการยินยอมพร้อมใจจะเป็นสิ่งที่แม้แต่นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิง นักปราชญ์โบราณโม่หลิง และคนอื่นๆไม่ได้นึกถึง
“มันคือของล้ำค่าที่ผู้แทนอมตะคนหนึ่งทิ้งไว้ สิ่งนี้จะถูกฝังเข้าไปในร่างของใครคนหนึ่ง และเมื่อมันถูกเปิดใช้งาน ผู้นั้นจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของผู้ที่ฝังเมล็ดพันธุ์ลงไปโดยปราศจากเงื่อนไข เพราะไม่อย่างนั้น ถ้าเมล็ดพันธุ์แห่งการยินยอมพร้อมใจระเบิด เขาก็จะตายโดยไม่มีข้อยกเว้น” อำมาตย์เฉินหย่งอธิบาย
“ผู้แทนอมตะ?”
“ในครั้งนั้น ตอนที่ท่านปู่ของผมถูกปรมาจารย์ขงสังหารในสงครามใหญ่ครั้งหนึ่ง คนของผมอยู่ใน สภาพที่อ่อนแอมาก เสี่ยงต่อการถูกกำจัดได้ทุกเวลา เมื่อจนมุม พวกเขาจึงเริ่มวิงวอนสวรรค์ หลังจากยื่นข้อเสนออันสูงส่งล้ำค่า พวกเขาก็เรียกผู้แทนอมตะคนหนึ่งจากโลกเบื้องบนลงมายังทวีปแห่งปรมาจารย์ได้ เพื่อควบคุมสถานการณ์ ผู้แทนอมตะได้ฝังเมล็ดพันธุ์แห่งการยินยอมพร้อมใจเข้าไปในร่างของนักปราชญ์โบราณทุกคน ท่านพ่อของผมก็มีเมล็ดพันธุ์นี้อยู่ในร่างของเขาเช่นกัน!” อำมาตย์เฉินหย่งอธิบาย
“แต่ในท้ายที่สุด ผู้แทนอมตะก็ถูกปรมาจารย์ขงกำจัด และอานุภาพของเมล็ดพันธุ์แห่งการยินยอมพร้อมใจก็เสื่อมสลายไป ทำให้ทุกคนรอดพ้นจากหายนะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ เผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณทั้งเผ่าจะต้องไม่เหลือซากแน่!”