Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร – Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 1912

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1912

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1912 ความสำคัญของทางเดินพลังปราณ
ซรืดดดดด!

พลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทพวยพุ่งเข้าสู่ทางเดินพลังปราณของจางเซวียน ผ่านจุดชีพจรของเขา

ครืดดดดด!

แต่ราวกับมีใครสักคนหยอดตะกั่วลงไป ทางเดินพลังปราณของเขาเริ่มเกิดรอยร้าวขณะที่จางเซวียนรู้สึกได้ถึงน้ำหนักมหาศาลที่ถ่วงเขาจากภายใน เขารีบขับเคลื่อนพลังปราณเทียบฟ้าเพื่อประสานรอยร้าวและฟื้นฟูทางเดินพลังปราณให้สามารถรับมือกับพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทนั้น แต่ถึงอย่างนั้น ใบหน้าของจางเซวียนก็ยังแดงก่ำ ครู่ต่อมา เขาก็กระอักเลือดออกจากปาก

“แบบนี้ไม่ได้ผล…” จางเซวียนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา

เขาเคยคิดว่าเขาน่าจะซึมซับพลังงานหน้าตาเหมือนปรอทได้เพราะระดับวรยุทธที่เพิ่งเพิ่มขึ้นมาหมาดๆ แต่ความคาดหวังกลับต้องพังทลาย

ถ้าเขาพยายามดึงดันใช้วิธีนี้ต่อไป ก็บอกได้เลยว่าทางเดินพลังปราณของเขาจะต้องแตกสลาย จุดตันเถียนถูกทำลายจนไม่มีเหลือ อย่าว่าแต่จะพยายามซึมซับพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทเข้าสู่ทางเดินพลังปราณ ร่างกายของเขาคงถูกทำลายไปตั้งแต่แรกเพราะภาระอันหนักอึ้ง!

“น่าเสียดายที่เราไม่มีเถาวัลย์แล้ว” จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่

ถ้าเขายังมีเถาวัลย์ของน้ำเต้าตงฉู่อยู่กับตัว ก็คงจะใช้มันปรับเปลี่ยนทางเดินพลังปราณของเขาต่อไป ให้มันค่อยๆคุ้นชินกับพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทไปทีละน้อย แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้แล้ว

ขณะที่จางเซวียนกำลังครุ่นคิดว่าจะหาวิธีการใหม่ๆได้หรือไม่ ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามา

เดี๋ยวก่อน…ต้องไม่ใช่แบบนั้นสิ เผ่าพันธุ์ปีศาจ 2 ตัวนั่นซึมซับพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทได้ และแม้แต่ไอ้โหดก็ทำสำเร็จ…

ครั้งหนึ่ง นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงเคยทำการทดลองกับพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอท ในบรรดากลุ่มตัวอย่าง 10 ตัวแรก มีเผ่าพันธุ์ปีศาจ 2 ตัวที่เอาชีวิตรอดจากแรงกดดันมหาศาลของพลังงานนั้นมาได้ และไอ้โหดก็ไม่มีเถาวัลย์ของน้ำเต้าตงฉู่อยู่กับตัว แต่ก็ทำสำเร็จ

ในเมื่อทางเดินพลังปราณของเขาสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจ จึงดูไม่สมเหตุสมผลที่เขาจะล้มเหลว จะต้องมีบางอย่างที่เขายังไม่ได้ทำ จึงก่อเกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างกันขนาดนี้

หรือว่าจะเป็นเพราะปราณสังหาร? ถ้าปรับเปลี่ยนองค์ประกอบพลังปราณของเราให้เป็นแบบนั้น เราจะสามารถซึมซับพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทได้ดีขึ้นไหม? จางเซวียนครุ่นคิด

ดูเหมือนจะไม่มีใครให้ปรึกษา เขาจึงตัดสินใจที่จะทดลองในทันที จางเซวียนปรับเปลี่ยนองค์ประกอบของพลังปราณเทียบฟ้าของเขาให้กลายเป็นปราณสังหาร ในชั่วพริบตา ก็ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจผู้งามสง่า

หลังจากปรับเปลี่ยนองค์ประกอบของพลังปราณแล้ว จางเซวียนก็เปิดจุดชีพจรทั้งหมดอีกครั้งและทำการซึมซับพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทอย่างระมัดระวัง

ฟิ้ววววว!

คราวนี้ เมื่อพลังงานซึมซาบเข้าสู่ร่างของเขา ก็น่าประหลาดใจมากที่มันไม่สร้างความรู้สึกหนักอึ้งเหมือนแต่ก่อน กลับอบอุ่นและอ่อนโยน เหมือนได้กินซุปไก่อุ่นๆชามใหญ่

“ได้ผลนี่!” จางเซวียนกำหมัดแน่นอย่างตื่นเต้น

ในฐานะอำมาตย์เฉินหย่งคนปัจจุบัน หลิวหยางมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนพลังปราณของเขาให้กลายเป็นปราณสังหารได้อย่างอิสระเช่นกัน แต่ทางเดินพลังปราณของหลิวหยางยังไม่เคยได้รับการปรับเปลี่ยนมาก่อน เป็นไปได้ว่านั่นคือเหตุผลที่เขาไม่อาจซึมซับพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทนี้ได้

แต่เรื่องนี้แตกต่างออกไปสำหรับจางเซวียน เมื่อครั้งที่เขาถูกเล่นงานจนเหลือแต่โครงกระดูกระหว่างการต่อสู้กับเทพเจ้าในเมืองหลวงของเผ่าพันธุ์ปีศาจ เขาได้ใช้รังสีพิเศษที่เทพเจ้ามอบให้อำมาตย์เฉินหลิงมาใช้เยียวยาตัวเอง แล้วทำการปรับเปลี่ยนเครือข่ายทางเดินพลังปราณของเขาให้กลมกลืนและสัมพันธ์กับโลกใบนี้มากขึ้น

ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่กล่าวมา จางเซวียนจึงสามารถซึมซับพลังจิตวิญญาณหน้าตาเหมือนปรอทได้อย่างราบรื่นปราศจากปัญหา

หลังจากซึมซับพลังจิตวิญญาณไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็พบกับด่านคอขวดที่สกัดกั้นเขาไว้จากวรยุทธขั้นนักรบผู้ทำลายล้างมิติ

“ทำลายล้าง!”

ในตอนนั้น จางเซวียนเพ่งสมาธิอยู่กับมหาคัมภีร์แห่งดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงที่อยู่ในหอสมุดเทียบฟ้า ที่ส่งผลให้กาลเวลาในจิตใต้สำนึกของเขาเร็วกว่าเดิมเป็น 10 เท่า พลังงานหน้าตาเหมือนปรอทพุ่งลงมาจากมิติเบื้องบน แต่ทุกหยาดหยดของมันหมุนเวียนกลายเป็นคลื่นน้ำวนขนาดใหญ่ที่พุ่งตรงเข้าสู่ร่างของจางเซวียน

จ้าวหย่า ขงซือเหยา กับคนอื่นๆพากันอัศจรรย์ใจ ทุกคนพากันถอยจากแท่นบูชาไปหลายก้าว

พวกเขารู้ดีว่าท่านอาจารย์สามารถซึมซับพลังจิตวิญญาณอันหนักอึ้งนี้ได้นับตั้งแต่ที่รังสีของเขาเปลี่ยนไปจนเหมือนกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่ไม่คิดว่าเขาจะฝึกฝนวรยุทธได้รวดเร็วขนาดนั้น!

ภายใต้กระแสการไหลบ่าอย่างไม่ลดละของพลังงานหน้าตาเหมือนปรอทที่มีปริมาณมหาศาล แท่นบูชาถึงกับพังทลายไปภายใต้แรงกดดันนั้น

ด้วยอานุภาพของมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง จางเซวียนสามารถฝึกฝนวรยุทธได้ ด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังต้องใช้เวลาเกือบทั้งวันกว่าจะผลักดันวรยุทธไปได้ถึงขีดสุด อยู่ในจุดที่ไม่อาจสะสมพลังงานได้อีกต่อไป

อีกครึ่งวันให้หลังกว่าจางเซวียนจะปลดปล่อยพลังงานออกมาจนหมด และก้าวไปเป็นเป็นนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติได้สำเร็จเหมือนอย่างจ้าวหย่า แต่ก็น่าประหลาดใจ ซึ่งบางทีอาจเป็นเพราะเขาได้เป็นครูบาอาจารย์ของโลกแล้ว สวรรค์จึงไม่ได้เรียกการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้ามา ซึ่งโดยปกติจะต้องเกิดขึ้นหลังจากการฝ่าด่านวรยุทธ

หลังจากสำเร็จวรยุทธขั้นนี้ จางเซวียนรู้ทันทีว่าเขากำลังเผชิญปัญหาเดียวกันกับไอ้โหดและจ้าวหย่า เพราะไม่ว่าเขาจะพยายามซึมซับพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทนั้นมากแค่ไหน ก็ไม่อาจยกระดับวรยุทธขึ้นได้อีก ราวกับจุดตันเถียนและทางเดินพลังปราณของเขาอยู่ในจุดที่เต็มเปี่ยมแล้ว ทำให้ไม่อาจซึมซับพลังงานเพิ่ม

“น่าเสียดาย!” จางเซวียนส่ายหน้าขณะหยุดการฝึกฝนวรยุทธและลุกขึ้นยืน

การยกระดับวรยุทธครั้งนี้ทำให้เขามีความเข้าใจล้ำลึกยิ่งขึ้นว่าแท้ที่จริงแล้วพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทนั้นคืออะไร

พูดกันง่ายๆ มันคือพลังจิตวิญญาณที่มีความเข้มข้นระดับสูง ส่งผลให้มีน้ำหนักมาก ส่วนทางเดินพลังปราณของมนุษย์ธรรมดาสามัญก็อ่อนแอเกินไป จึงไม่มีทางรับมันไหว

แต่เผ่าพันธุ์ปีศาจมีสภาวะร่างกายที่เหนือชั้นกว่า และเครือข่ายทางเดินพลังปราณของพวกมันก็ซับซ้อนกว่านักรบทั่วไปที่เป็นมนุษย์ ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงที่พวกมันจะสามารถปรับตัวให้คุ้นชินกับพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอท และใช้สิ่งนั้นให้เป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝนวรยุทธได้

ส่วนทำไมปราณสังหารถึงเข้ากันได้ดีกับพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอท? จางเซวียนยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แต่เขารู้ว่าพลังงาน 2 อย่างนี้มีองค์ประกอบบางอย่างที่เหมือนกัน บางทีปราณสังหารอาจช่วยส่งเสริมการซึมซับและการไหลเวียนของพลังจิตวิญญาณ และองค์ประกอบที่เหมือนกันก็หมายความว่ามีโอกาสน้อยลงที่ร่างกายของผู้นั้นจะปฏิเสธพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอท

เห็นทั้งจ้าวหย่าและท่านอาจารย์ของพวกเขาก้าวไปเป็นนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติได้สำเร็จทีละคน ทั้งเจิ้งหยาง ขงซือเหยา และคนอื่นๆแทบระงับความตื่นเต้นไม่ไหว “ท่านอาจารย์ จะเป็นไปได้ไหมที่พวกเราจะฝึกฝนวรยุทธโดยใช้พลังจิตวิญญาณอันหนักอึ้งนั้น?”

ถ้าทั้งคู่ซึมซับพลังจิตวิญญาณอันหนักอึ้งได้ แล้วในอนาคตอันใกล้ พวกเขาจะทำได้เหมือนกันหรือเปล่า?

จางเซวียนส่ายหน้าอย่างเคร่งขรึม “สำหรับตอนนี้ พวกคุณที่เหลือยังทำไม่ได้หรอก”

การปรับเปลี่ยนทางเดินพลังปราณของนักรบคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ต่อให้มีวิถีทางตามแบบของจางเซวียน เขาก็ไม่กล้ามองมันเป็นเรื่องเล็ก

เหตุผลที่จ้าวหย่าประสบความสำเร็จก็เพราะทางเดินพลังปราณของเธอถูกแทนที่ด้วยความพิเศษของเถาวัลย์จากน้ำเต้าตงฉู่ แต่ถึงอย่างนั้น โชคชะตาก็มีส่วนสำคัญ เพราะความยุ่งยากหลายอย่างอาจเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย เช่นเธออาจจะต้องเจ็บปวดแสนสาหัสหากร่างกายของเธอปฏิเสธเถาวัลย์ของน้ำเต้าตงฉู่

ส่วนจางเซวียน เขาปรับเปลี่ยนทางเดินพลังปราณของตัวเองได้สำเร็จก็เพราะในตอนนั้นมีสภาพเหลือเพียงโครงกระดูก และได้รับพลังเยียวยาจากเทพเจ้า ทำให้ฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้น การเพียรพยายามเยียวยาร่างกายก็มีแต่จะสร้างแรงตีกลับอันเจ็บปวด นับประสาอะไรกับการจะใช้โอกาสนี้ปรับเปลี่ยนทางเดินพลังปราณ

หากปราศจากความโชคดี ก็ยากที่บรรดาศิษย์สายตรงที่เหลือของเขาจะทำได้

ได้ยินคำนั้น ทุกคนได้แต่ก้มหน้าอย่างผิดหวัง

“เป็นไปไม่ได้จริงๆสำหรับคนธรรมดาสามัญที่จะซึมซับพลังงานนี้ ร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์พยายามมาแล้วหลายครั้ง แต่แม้อัจฉริยะที่ปราดเปรื่องที่สุดของเราก็ยังทำไม่ได้” ขงซือเหยาพูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ

ไม่มีใครในทวีปแห่งปรมาจารย์ที่รู้เรื่องพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทนี้ดีไปกว่าร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์

เป็นเวลาหลายชั่วคนมาแล้วที่พวกเขาอารักขาฉนวนนี้ไว้ และในระหว่างนั้น พวกเขาก็ได้ทำความคุ้นเคยกับธรรมชาติของพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอท

ที่ผ่านมา ในเมื่ออัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องมากมายต่างทำไม่สำเร็จ พวกเขาก็ไม่น่าจะก้าวข้ามขีดจำกัดนี้ได้ในเร็วๆนี้เช่นกัน

“ตอนนี้พวกคุณอาจยังทำไม่สำเร็จ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายของคุณก็จะค่อยๆคุ้นเคยกับพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทไปเอง” จางเซวียนพูด

“เท่าที่มีบันทึกไว้ตลอดหลายหมื่นปีที่ผ่านมา ประชากรในยุคนั้นไม่อาจรับมือกับพลังจิตวิญญาณนี้ได้ถึง 3 วินาทีด้วยซ้ำ ทางเดินพลังปราณของพวกเขาจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง แต่สำหรับประชากรในยุคนี้ รวมถึงผู้ที่ยังไม่ได้ฝึกฝนวรยุทธด้วย ต่างรับมือกับพลังงานนี้ได้อย่างน้อยก็ 10 นาที ตราบใดที่ไม่ได้ซึมซับมันเข้าสู่ร่างกาย” ขงซือเหยาพยักหน้า

“ฮะ?” คำนั้นทำให้จางเซวียนขมวดคิ้ว “ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นได้? ขอผมดูหน่อย?”

ตามที่ควรจะเป็น สถานการณ์ของมนุษย์ธรรมดาสามัญไม่ควรจะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนั้น ต่อให้ข้าวสาลีแตกยอดได้ปรับเปลี่ยนสภาวะร่างกายพื้นฐานของเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่นักรบขั้น 8 ก็น่าจะยังคงไร้ความสามารถในการรับมือกับพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทพอๆกันกับนักรบขั้น 1 แต่ที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก หรือว่าข้าวสาลีแตกยอดได้ก่อให้เกิดผลบางอย่าง?

จางเซวียนใช้การรับรู้จิตวิญญาณของเขากวาดไปทั่วสำนักแห่งขงจื๊ออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จับจ้องอยู่ที่พลเมืองบางกลุ่ม

“ข้าวสาลีแตกยอดไม่ได้เพียงยกระดับสภาวะร่างกายของพวกเขาเท่านั้น ดูเหมือนทางเดินพลังปราณของคนเหล่านั้นจะได้รับการพัฒนาไปมากเมื่อเปรียบเทียบกับเหล่านักรบในทวีปแห่งปรมาจารย์” จางเซวียนถึงกับตะลึง

เขารู้ว่าข้าวสาลีแตกยอดช่วยเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้กับประชากรที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรคุนฉื่อ ทำให้พวกเขามีวรยุทธระดับจงซรือตั้งแต่เกิด แต่ไม่เคยคิดจะตรวจสอบทางเดินพลังปราณของคนเหล่านั้นมาก่อน

จากการพัฒนาตลอดระยะเวลาหลายปี เครือข่ายทางเดินพลังปราณของประชากรในท้องถิ่นเริ่มจะแสดงอาการบางอย่างที่เหมือนกับทางเดินพลังปราณของเผ่าพันธุ์ปีศาจ เรื่องนี้อธิบายได้ถึงระยะเวลาที่ยาวนานขึ้นของพวกเขาในการต้านทานพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอท

“บางที นี่อาจเป็นเส้นทางที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ถูกขีดไว้ให้เดินไปสู่ความก้าวหน้า…” จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่

ตอนแรก เขาตั้งใจจะหาหนทางที่แตกต่างออกไปสำหรับเจิ้งหยางและคนอื่นๆ เพื่อให้คนเหล่านั้นได้คุ้นชินกับพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอท แต่ความรู้ที่ได้มาใหม่เปลี่ยนใจของเขาไปอย่างสิ้นเชิง

ดูเหมือนวิธีเดียวที่จะคุ้นชินกับพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทได้ก็คือการปรับเปลี่ยนทางเดินพลังปราณ ถ้าเจิ้งหยางกับคนที่เหลือซึมซับมันด้วยวิธีปกติ ต่อให้ชั่วชีวิตของพวกเขาก็ไม่มีทางทำสำเร็จ

แต่…

ในการปรับเปลี่ยนทางเดินพลังปราณของคนเหล่านั้น อันดับแรก จะต้องทำลายทางเครือข่ายทางเดินพลังปราณเดิมเสียก่อน แต่นิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณที่พวกเขาต้องใช้เพื่อการเยียวยาร่างกายนั้นมีปริมาณมากเสียจนจางเซวียนไม่อาจหามาได้

ยิ่งไปกว่านั้น จะเกิดอะไรขึ้นหากไม่สามารถคืนรูปทางเดินพลังปราณได้หลังจากทำลายมันไปแล้ว?

จางเซวียนครุ่นคิดอย่างหนักก่อนจะตั้งคำถาม “ขงซือเหยา นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงกับคนอื่นๆอยู่ไหน?”

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Status: Ongoing

ตอนที่ 1 – 2100 อ่านนิยาย

อ่านต่อเลือกตอนข้างล่าง


จางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท