อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1969 เพลงดาบหัวใจเปล่าเปลี่ยว!
ทั้งคู่นึกลังเลในการตัดสินใจของตัวเองขึ้นมาครู่หนึ่ง อีกฝ่ายดูกระตือรือร้นเหลือเกิน กระตือรือร้นเสียจนพวกเขาอดลังเลไม่ได้ แต่ก็พยายามให้ความมั่นใจกับตัวเองด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าไม่มีศิษย์สายตรงฝ่ายในคนไหนที่สามารถเอาชนะพวกเขาทั้งคู่
จูเหยียนจื่อถอนหายใจอย่างโล่งอก “ถ้าอย่างนั้นก็มาเถอะ ไปลงทะเบียนสำหรับการขึ้นสังเวียนประลองกัน”
เพราะพวกเขาอยู่ในหอนิรันดร์ จึงใช้สมญานามในการลงทะเบียน
สมญานามของจูเหยียนจื่อคือเสาเส่า
ส่วนสมญานามของสาวน้อยเสื้อคลุมสีเทาคือแสงสนธยา
แน่นอนว่านั่นไม่ใช่ชื่อจริงของทั้งคู่
การดวลส่วนใหญ่จบลงในเวลาไม่นาน เพียงครู่เดียวก็ถึงตาของพวกเขา
“รอบต่อไป เสาเส่าปะทะผมน่ะถ่อมตัว!” โฆษกประกาศ
“เสาเส่าเป็นชื่อที่ประหลาด แต่อย่างน้อยก็พอรับได้ ส่วนผมน่ะถ่อมตัว…มันชื่อบ้าอะไร?”
“ผมสาบานเลยว่าทั้งชีวิตไม่เคยได้ยินชื่อไหนเลวร้ายกว่านี้!”
“ฮ่า! ถ่อมตัว คุณก็รู้ ผมน่ะอยากเห็นเหลือเกินว่าหมอนั่นจะถ่อมตัวได้แค่ไหน…”
ฝูงชนส่งเสียงเซ็งแซ่เมื่อชื่อของนักสู้ทั้งสองถูกประกาศ
เป็นธรรมดาที่จะใช้สมญานามที่ฟังดูยิ่งใหญ่ล้ำลึกและสร้างความยำเกรง ดังนั้น สมญานามแบบผมน่ะถ่อมตัวจึงถือว่าผิดปกติมาก บางคนถึงกับสงสัยว่าหมอนี่สติดีหรือเปล่า
“เริ่มได้!”
บนสังเวียนประลอง จูเหยียนจื่อจ้องหน้าจางเวียนอย่างเย็นชาขณะสะบัดดาบ เขาปล่อยกระบวนท่าการจ้วงแทงออกมา 8 ครั้งติดต่อกันรวด สกัดกั้นกระบวนท่าของจางเซวียนไว้หมด
นี่คือเทคนิคสุดยอดของเขา เพลงดาบหัวใจเปล่าเปลี่ยว!
ใครที่ฝึกฝนศิลปะเพลงดาบนี้จนถึงขั้นสุดยอด จะสามารถจ้วงแทงได้ถึง 9 ครั้งติดต่อกันอย่างรวดเร็ว มีการปรับเปลี่ยนรวมแล้วถึง 81 กระบวนท่า ขอแค่เขาสำเร็จขั้นนั้น ก็จะไม่มีใครในหมู่ศิษย์สายตรงที่เทียบชั้นกับเขาได้
ถึงตอนนี้เขาจะยังอ่อนด้อยอยู่สักหน่อย แต่การจ้วงแทงถึง 8 ครั้งและการปรับเปลี่ยนได้ 64 กระบวนท่าก็เกินพอที่จะทำให้เขาเอาชนะศิษย์สายตรงฝ่ายในส่วนใหญ่ได้แล้ว
และโดยเฉพาะเมื่ออยู่ในหอนิรันดร์ ที่ซึ่งทุกคนเป็นแค่นักปราชญ์โบราณขั้น 1 ก็แทบไม่มีใครเล่นงานเขาได้!
จูเหยียนจื่อไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทรงพลังแค่ไหน แต่เดิมพันก้อนใหญ่ก็ค้ำคออยู่ เขาไม่กล้าปล่อยให้การ์ดตก จึงเลือกใช้กระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดของตัวเองตั้งแต่เริ่ม
เมื่อเจอกับการจ้วงแทงอย่างรวดเร็วของจูเหยียนจื่อ จางเซวียนพยักหน้าด้วยอาการยอมรับ
ไม่น่าแปลกใจแล้วที่หมอนี่กล้าท้าพนันกับเขาด้วยเดิมพันก้อนใหญ่ เขามีดีอยู่พอตัว!
แต่ก็นั่นแหละ ใช้เทคนิคระดับนี้มาต่อกรกับจางเซวียน…บอกได้เลยว่าทั้งหมดที่ทำได้ก็แค่ขู่เท่านั้น
แทนที่จะหลบ จางเซวียนเลือกเดินหน้าไปอีกก้าว
ทั้งที่มีการโจมตีพุ่งเข้าใส่มากมาย แต่ก็ไม่มีสักครั้งที่จะเล่นงานจางเซวียนได้ ราวกับจูเหยียนจื่อจงใจควบคุมดาบของเขาไม่ให้ถูกตัวจางเซวียน
ขะ–เขา…เขาพบจุดอ่อนของดาบที่ 9 หรือ? เป็นไปได้อย่างไร? หมอนี่เป็นใครกันแน่?
จูเหยียนจื่อแทบไม่เชื่อสายตา
เพลงดาบหัวใจโดดเดี่ยวคือหนึ่งในศิลปะเพลงดาบชั้นยอดของบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายใน หากใครคนหนึ่งสามารถสำแดงดาบทั้ง 9 ได้ในรวดเดียว เทคนิคนี้ก็จะจัดเป็น 1 ใน 3 เทคนิคอันดับต้นๆ
ถึงจูเหยียนจื่อจะฝึกฝนได้ถึงแค่ดาบที่ 8 แต่ก็ถือว่ายากจะรับมือไหว แต่ถึงอย่างนั้น อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะรู้นอกรู้ในของเทคนิคเป็นอย่างดี ทันทีที่จูเหยียนจื่อเริ่มเคลื่อนไหว เขาก็พุ่งตรงเข้าใส่จุดอ่อนที่เกิดจากการไม่สามารถสำแดงดาบที่ 9 ของจูเหยียนจื่อได้พอดี
แม้เพลงดาบหัวใจโดดเดี่ยวจะทรงพลัง แต่ก็มีข้อบกพร่องใหญ่หลวงอยู่ คือเป็นศิลปะเพลงดาบที่ไม่สมบูรณ์แบบจนกว่าผู้นั้นจะเชี่ยวชาญถึงดาบที่ 9!
จางเซวียนทำลายความไม่สมบูรณ์แบบนี้และพุ่งเข้าใส่จุดอ่อนที่เห็นอย่างจัง ทำให้จูเหยียนจื่อไม่อาจเล่นงานอีกฝ่ายได้ แม้จะอยากทำแค่ไหนก็ตาม
ต่อให้ผู้ฝึกฝนศิลปะเพลงดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ศิษย์สายตรงฝ่ายในก็ยังทำไม่ได้แบบนี้!
จูเหยียนจื่อพยายามสำแดงเพลงดาบต่อไปด้วยความร้อนใจ แต่แล้วอีกฝ่ายก็เงื้อดาบในมือขึ้นอย่างกะทันหัน แล้วจ่อมันเข้าที่หว่างคิ้วของเขา
กระบวนท่าอันเรียบง่ายนี้เข้าถึงหัวใจของศิลปะเพลงดาบหัวใจโดดเดี่ยวและการปรับเปลี่ยนกระบวนท่าทั้งหมดของมัน ทุกกระบวนท่าของจูเหยียนจื่อถูกสกัดไว้ ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้เลย
ถ้าอีกฝ่ายออกแรงเพิ่มอีกหน่อย เขาคงเสียชีวิต!
“….” จูเหยียนจื่อตัวเย็นเฉียบด้วยความพรั่นพรึง
เขาคิดว่าอย่างน้อยที่สุดก็น่าจะบีบหมอนี่ให้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงได้ด้วยการใช้เทคนิคขั้นสุดยอดของเขา แต่ใครจะไปรู้ว่าเขาจะถูกปราบราบคาบทันทีที่การดวลเพิ่งเริ่ม?
เจอกับพละกำลังระดับนี้ ตัวเขากับแสงสนธยาจะเปิดเผยตัวตนของอีกฝ่ายได้หรือไม่?
ถ้าทำไม่ได้…ก็โบกมือลา 720 เหรียญสำนักดาบได้เลย!
จูเหยียนจื่อเสียใจสุดขีด เขากำลังคิดว่าไม่ควรฟังคำพูดของคนอื่น ก็พอดีกับที่ดาบที่จ่อเข้าที่หว่างคิ้วของเขาพลันหยุดกึก
จูเหยียนจื่อมองไปด้วยความงงงัน และเห็นสีหน้าขัดแย้งของ ‘ฉันน่ะถ่อมตัว’
เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆฉันน่ะถ่อมตัวถึงเสียสมาธิระหว่างการดวล แต่รู้ดีว่าไม่มีโอกาสไหนดีกว่านี้อีกแล้วที่จะหลบหนีและตั้งตัวใหม่ จึงรีบถอยไปก้าวหนึ่งเพื่อหลบเลี่ยงกระบวนท่านั้น ก่อนจะรวบรวมพละกำลังเพื่อสำแดงเทคนิคขั้นสุดยอดอีกครั้ง
ศิลปะเพลงดาบหัวใจโดดเดี่ยวเป็นไม้ตายขั้นสูงสุดของเขา แต่ในเมื่อมันถูกปราบจนราบคาบแล้ว ก็ไม่มีทางทำอันตรายคู่ต่อสู้ได้อีก คราวนี้กระบวนท่าที่จูเหยียนจื่อสำแดงออกไปมีพละกำลังไม่เท่ากับเพลงดาบหัวใจโดดเดี่ยว แต่เหนือกว่าในแง่ของความเร็ว
เพลงดาบพายุคลั่ง!
ทุกกระบวนท่าที่เขาสำแดงออกไปเร็วกว่าแต่ก่อน เมื่อถึงการโจมตีครั้งที่ 10 ท่วงท่าของเขาก็ดูราวกับเฮอริเคนที่กำลังโกรธเกรี้ยว พร้อมจะฉีกกระชากทุกสิ่งอย่างไม่ลดละ
อันที่จริง นี่เป็นเทคนิคที่เหมาะสมกับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 เท่านั้น การสำแดงมันออกมาด้วยพลังปราณและกายเนื้อของนักรบระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 1 ออกจะเกินกำลังไปสักหน่อย แต่เพราะเป็นสถานการณ์คับขัน จูเหยียนจื่อจึงยังคงเลือกใช้มัน
ฟึ่บ!
ดาบนั้นถูกจ้วงแทงออกไปท่ามกลางสายลมหวีดหวิว เกิดเป็นภาพติดตามากมายนับไม่ถ้วนกลางอากาศ จูเหยียนจื่อคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะสับสนปั่นป่วนเพราะการโจมตีเป็นชุดของเขา แต่กลับตรงกันข้าม หมอนั่นก้าวออกมาหนึ่งก้าวและใช้ดาบในมือของเขาทำลายทุกอย่าง
ด้วยกระบวนท่าง่ายๆเพียงกระบวนท่าเดียว อีกฝ่ายโจมตีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของเพลงดาบพายุคลั่ง ถ้าการโจมตีนั้นถึงเป้าหมาย เขาคงถูกเฉือนเป็น 2 ท่อนและตายทันที
พูดอีกอย่างก็คือ หลังจากที่เขาสำแดงกระบวนท่าที่สองออกมา ก็ต้องผ่านประสบการณ์เฉียดตายอีกครั้ง
จูเหยียนจื่อแทบบ้า
ขณะที่เขายอมถอดใจต่อโชคชะตา ผมน่ะถ่อมตัวก็หยุดกึกและมีสีหน้าขัดแย้งอีกครั้ง
จูเหยียนจื่อใช้โอกาสนี้กลิ้งหลบไปด้านข้าง รอดพ้นจากหายนะไปได้อย่างหวุดหวิด
แต่เพราะยังไม่อยากยอมแพ้ เขาจึงสำแดงเทคนิคขั้นสุดยอดออกมาอีกครั้ง
เพราะอยู่กับสำนักดาบเมฆเหินมาหลายปีแล้ว จูเหยียนจื่อจึงมีโอกาสได้ทำความเข้าใจศิลปะเพลงดาบที่ไร้เทียมทานมากมาย ทุกกระบวนท่าของเขาล้วนแต่มีพละกำลังมหาศาล
แต่ก็อีกครั้ง เพียงแค่เขาเริ่มเคลื่อนไหว อีกฝ่ายก็จับจุดศิลปะเพลงดาบของเขาได้และโจมตีเข้าที่จุดอ่อนของมันอย่างจัง เขาคงตายแน่ถ้าการโจมตีนั้นถึงเป้าหมาย แต่หมอนั่นก็ไม่ยอมโจมตีต่อ
การดวลดำเนินไปแบบนั้น จูเหยียนจื่อสำแดงเทคนิคการเคลื่อนไหวออกไป 7 เทคนิค รวมถึงศิลปะเพลงดาบอีก 12 ชนิด แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขายังคงเฉียดตายอยู่อย่างเดิม
ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างต่างมองหน้ากันอย่างงงงัน
“เขาสามารถชนะได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ทำไมถึงหยุดกึกเอาดื้อๆทุกครั้งที่กำลังจะชนะ?”
“ผมก็ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร ไม่อยากชนะหรือไง?”
“ตอนแรกผมคิดว่าเขากลัวการตอบโต้ของเสาเส่า จึงดำเนินยุทธวิธีแบบปลอดภัยไว้ก่อน แต่ตอนนี้ก็เห็นชัดแล้วว่าไม่ใช่”
“เสาเส่าน่ะสู้ไม่ได้แบบเห็นๆ ผมคิดว่าเราคงเห็นพ้องต้องกันว่าผมน่ะถ่อมตัวจงใจทำแบบนี้…หรือว่าเขากำลังสั่งสอนบทเรียนให้เสาเส่า?”
ทุกคนแสนงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ในฐานะผู้ฝึกฝนศิลปะเพลงดาบที่มีทักษะสูงส่ง พวกเขาดูออกว่าผมน่ะถ่อมตัวสามารถเอาชนะการดวลได้สบาย แต่กลับเลือกที่จะหยุดชะงักในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานทุกครั้ง ราวกับเขากำลังยื้อทุกอย่างให้ไปถึงจุดสูงสุด อีกนิดเดียวเท่านั้นก็จะระเบิด แต่ทุกครั้งก็เลือกจะยับยั้งไว้
ถ้าแค่ครั้งเดียว พวกเขายังพอเข้าใจได้ว่านั่นคือจุดอ่อนของผมน่ะถ่อมตัว แต่ในเมื่อเกิดขึ้นไม่รู้กี่ครั้งกี่หน ต่อให้คนหัวทื่อที่สุดก็ยังบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ความจงใจ!
หลังจากแพ้ไปอีกหนึ่งกระบวนท่า จูเหยียนจื่อก็หมดความอดทนและคำรามออกมา “คุณทำบ้าอะไรอยู่?”
เขาผ่านการดวลบนสังเวียนประลองมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยากถูกฆ่าตายเพื่อให้ทุกอย่างจบๆไป!
เห็นจูเหยียนจื่อหยุดการโจมตี จางเซวียนลดแขนที่ถือดาบลงและย้อนถาม “ผมทำอะไร? ผมก็ดวลกับคุณอยู่ไม่ใช่หรือไง?”
“ดวล? คุณมีโอกาสฆ่าผมตั้งหลายครั้งแล้ว หยุดทำไมล่ะ?” จูเหยียนจื่อคำรามก้อง
ในเมื่อทุกคนดูออก เขาก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีก
“อ้าว คุณยังไม่รู้อีกหรือ?” จางเซวียนเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน “ถ้าคุณอ่านชื่อของผมล่ะก็ คุณก็ควรจะรู้ว่าผมไม่ใช่คนชนิดที่ชอบเรียกร้องความสนใจ ถ้าผมฆ่าคุณตายภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว นั่นจะไม่เป็นการขัดต่อจุดยืนของผมหรือ? ผมไม่อยากสร้างความอึกทึกครึกโครมครั้งใหญ่!”
“คุณไม่อยากสร้างความอึกทึกครึกโครมครั้งใหญ่?”
ข้อแก้ตัวเหลวไหลนั้นทำให้จูเหยียนจื่อโมโหเดือดจนหัวใจแทบหยุดเต้น
นั่นคือสิ่งที่คุณเรียกว่าถ่อมตัวหรือ?
ถ่อมตัวบ้านคุณสิ!
คุณเล่นงานจุดอ่อนที่ใหญ่สุดของผม แล้วก็ปล่อยผมไป อย่างกับนักล่าที่เล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับเหยื่อของตัวเอง นั่นไม่ใช่การถ่อมตัวแล้ว แต่คือการอวดความสามารถแบบจงใจ คุณกำลังจะบอกใครต่อใครไม่ใช่หรือว่าศิลปะเพลงดาบของคุณเหนือชั้นแค่ไหน?
แล้วยังไง? ไม่อยากสร้างความอึกทึกครึกโครมครั้งใหญ่?
ลองมองไปรอบๆซิ นั่นคือสิ่งที่คุณเชื่อจริงๆหรือ?
ทุกใบหน้าที่มองขึ้นมาล้วนแต่จังงังราวกับอมไข่ไว้ในปาก…คุณจะถ่อมตัวกว่านี้มากถ้าสังหารผมเสียตั้งแต่กระบวนท่าแรก!
“ผมยอมแพ้!” เมื่อหงุดหงิดใจจนไปต่อไม่ไหว จูเหยียนจื่อตะโกนก้องก่อนจะหันหลังและกระโจนลงจากสังเวียนประลอง
ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากได้เงิน แต่เงินมากแค่ไหนก็ไม่มีความหมายหากเขาต้องตายไปตอนนี้เพราะความหงุดหงิด!
พูดกันตามตรง ตอนที่อยู่บนสังเวียนประลอง เขายังคิดอยู่ว่าควรจะฆ่าตัวตายเสียดีไหมเพื่อให้ทุกอย่างจบๆไป