อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1956 เจตจำนงเพลงดาบ
เจตจำนงเพลงดาบอาจเรียกได้ว่าเป็นแนวคิดรูปแบบหนึ่งเช่นกัน จึงเป็นธรรมดาที่จะมีหลากหลายระดับ
หากจะยกบทกวีเป็นตัวอย่าง เมื่อสมัยราชวงศ์ถัง แม้หลี่ไป๋จะยังกังวลเรื่องกบฏลู่ชานที่เกิดขึ้นในเมือง แต่เขาก็ขึ้นสู่สรวงสวรรค์เพื่อใช้เวลารื่นรมย์กับเหล่าเทพธิดาก่อนจะลงเอยด้วย ‘เลือดแดงฉานไหลนองทั่วท้องทุ่ง สรรพสัตว์ต่ำช้าสวมมงกุฎไหม’ สำหรับผู้ที่อ่อนด้อยในการใช้ความคิด ก็คงจะร้องออกมาว่า ‘นี่มันบ้าบออะไร’
แต่แน่นอนว่านั่นเป็นแค่การเปรียบเทียบรูปแบบหนึ่ง เจตจำนงเพลงดาบที่แท้จริงมีหลายระดับขั้น และเมื่อเจตจำนงเพลงดาบที่มีแนวคิดในระดับต่ำกว่าต้องเผชิญกับเจตจำนงเพลงดาบที่มีแนวคิดสูงกว่า ก็เป็นธรรมดาที่ฝ่ายแรกจะต้องสั่นงันงกด้วยความยำเกรง
ในอีกแง่หนึ่ง ก็เหมือนกับการกดข่มสายเลือดที่เกิดขึ้นกับเผ่าพันธุ์มังกร หากช่องว่างระหว่างแนวคิดของเจตจำนงเพลงดาบมีความห่างกันมากเกินไป เจตจํานงเพลงดาบที่อ่อนแอกว่าก็จะสลายตัวไปเองโดยไม่สามารถต่อต้าน
ทั้งเหอเหยียนและเย่เหลียนเป็นผู้เชี่ยวชาญของสำนักดาบเมฆเหิน แต่เจตจำนงเพลงดาบของพวกเขาก็ยังถูกทำลายล้างอย่างน่าสะพรึง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
หรือว่ามีใครคนหนึ่งในสำนักที่มีความสามารถไร้เทียมทานระดับนั้นจริงๆ?
“ผมไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้หรอกที่ในโลกนี้จะมีใครเหนือชั้นกว่าผมได้ขนาดนั้น!” เหอเหยียนคำรามกร้าวขณะระเบิดเจตจำนงเพลงดาบออกมาอีกครั้ง
ฟึ่บ!
แต่คราวนี้ ยังไม่ทันที่หมอกขาวจะได้รวมตัวกัน เหอเหยียนก็รู้สึกได้ว่ามีสายตาของดาบที่คมกริบอย่างไม่มีอะไรเทียบกำลังจับจ้องเขาอยู่ หากเขาตอบโต้ออกไปเพียงนิดเดียว ดาบนั้นคงฟาดฟันเขาเป็นชิ้นๆและปลิดชีวิตเขาในทันที
เหงื่อเย็นๆไหลเป็นทางจากหน้าผากของเหอเหยียน เขาไม่กล้าขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว
เจตจำนงเพลงดาบเพียงเศษเสี้ยวที่เขาสามารถทำความเข้าใจได้ไม่อาจเทียบชั้นกับพละกำลังมหาศาลนั้นได้เลย ราวกับแสงเทียนที่พยายามประชันความสว่างกับดวงอาทิตย์เจิดจ้า
เปรียบเทียบกันไปก็มีแต่จะทำให้เขาอับอายขายหน้า!
ผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังระดับนี้ปรากฏตัวในสำนักตั้งแต่เมื่อไหร่?
ขนาดบรรดาปีศาจที่อยู่ในกลุ่มศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดก็ยังไม่เก่งกาจขนาดนั้น!
…..
ภาพแบบเดียวกันเกิดขึ้นในห้องอื่นๆด้วย ในชั่วพริบตา ผู้เข้ารับการทดสอบทุกคนที่อยู่ในหอเทพดาบก็ถูกเจตจำนงเพลงดาบนั้นทำลายล้าง แต่ละคนไม่อาจขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้เลย
เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดระงมไปทั่วทั้งหอคอย
…..
หอภูมิปัญญาเพลงดาบแห่งสำนักดาบเมฆเหินคือห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีหนังสืออยู่มากมายนับไม่ถ้วน
ผู้ที่เดินอยู่ท่ามกลางชั้นหนังสือเหล่านั้นคือผู้อาวุโสเว่ย ซึ่งง่วนอยู่กับการจัดเรียงและแบ่งแยกประเภทของหนังสือตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมา เขาเหนื่อยยากไม่น้อยกว่าจะปฏิบัติภารกิจยิ่งใหญ่ครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วงได้
“ผู้อาวุโสเว่ย คุณคงเหนื่อยไม่เบา แต่ด้วยการจัดระเบียบครั้งใหม่ของคุณ ใครต่อใครคงจะหาทรัพยากรที่พวกเขาต้องการจากห้องสมุดได้ง่ายขึ้นมาก” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดยิ้มๆขณะเดินเข้ามา
เขาคือผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งของหอภูมิปัญญาเพลงดาบ, เจียงหย่วน
“ใช่ หนังสือที่อยู่ในหอภูมิปัญญาเพลงดาบบรรจุเอาเจตจำนงเพลงดาบของบรรพบุรุษหลายต่อหลายรุ่นไว้ ด้วยความปราดเปรื่องที่มีมาแต่กำเนิดและประสบการณ์ที่แตกต่างกัน เจตจำนงเพลงดาบที่นักดาบแต่ละคนสามารถทำความเข้าใจได้จึงมีความแตกต่างและหลากหลาย เป็นเรื่องยากจริงๆที่จะจัดแยกประเภทของหนังสือเหล่านี้ให้ได้ทั้งหมด” ผู้อาวุโสเว่ยพูดขณะยืดหลังบิดขี้เกียจ “แต่หลังจากใช้เวลานานหลายเดือน ในที่สุดมันก็เสร็จสิ้น แต่ผมจะทำครั้งนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นแหละ หากต้องจัดมันอีกครั้งล่ะก็ ผมฆ่าตัวตายดีกว่า!”
ผู้อาวุโสเจียงหย่วนพยักหน้า “เจตจำนงเพลงดาบถูกสกัดกั้นไว้ในหนังสือพวกนี้ ผู้ฝึกฝนศิลปะเพลงดาบจะทำความเข้าใจและเข้าถึงพละกำลังของเหล่าบรรพบุรุษได้ก็ด้วยการเปิดหนังสือและซึมซับมันอย่างถี่ถ้วน”
“แต่ก็โชคร้ายที่ในโลกนี้มีเจตจำนงเพลงดาบที่แตกต่างกันมากมายเกินไป ถ้าหนังสือพวกนี้ไม่ได้รับการจัดระเบียบอย่างเหมาะสม ผู้ฝึกฝนศิลปะเพลงดาบก็อาจไปคว้าเอาหนังสือที่ไม่เข้ากันกับวรยุทธเพลงดาบของพวกเขา ซึ่งไม่เพียงแต่จะไม่เกิดประโยชน์ต่อการฝึกฝนวรยุทธ ยังอาจสร้างความเสียหายอย่างมากด้วย!”
“พูดตามตรงนะ ผมประทับใจเหลือเกินกับการจัดระเบียบอย่างละเอียดลออของคุณ คุณแบ่งแยกแม้กระทั่งรูปแบบและศิลปะเพลงดาบ ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าคุณต้องเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน แต่เชื่อว่าท่านเจ้าสำนักจะต้องตบรางวัลให้คุณอย่างงามทันทีที่เรารายงานเรื่องนี้ให้เขารับทราบ!”
“ก็จริง ผมรู้สึกเหมือนตาจะบอดหลังจากต้องดูหนังสือพวกนี้ไม่รู้กี่วันกี่คืน” ผู้อาวุโสเว่ยพึมพำ “ช่วยดูแลหนังสือพวกนี้ก่อนนะ ผมขอไปพักสักครู่…”
“ได้” ผู้อาวุโสเจียงหย่วนพยักหน้า
ครืนนนนน!
ทันใดนั้น หนังสือที่อยู่บนชั้นต่างๆก็เริ่มสั่นสะท้านไม่หยุด ราวกับมีพละกำลังบางอย่างร้องเรียกมัน ทำให้พวกมันลอยคว้างอยู่กลางอากาศ เจตจำนงเพลงดาบพวยพุ่งออกมาและอบอวลไปทั่วทั้งห้องสมุด เกิดเสียงดาบกระทบกันดังกึกก้อง
ผู้อาวุโสเว่ยตัวแข็งเมื่อเห็นภาพนั้น การทำงานหนักของเขาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา…
ไอ้สารเลว! แกรู้ไหมว่าฉันเหนื่อยยากขนาดไหนที่ต้องจัดระเบียบพวกแกทุกเล่ม ทำไมจู่ๆถึงกระโจนออกไปแบบนั้น?
ฟึ่บ!
แต่นั่นยังไม่จบ
หนังสือทุกเล่มหันหน้าไปในทิศทางเดียวกันและโค้งคำนับอย่างงาม ราวกับข้าราชบริพารที่กำลังคารวะฮ่องเต้
โครมมมม!
ปัญหาของการโค้งคำนับครั้งนี้คือมันทำให้หนังสือมากมายหลายเล่มที่ได้รับการจัดระเบียบแล้วพังพาบใส่กัน อันที่จริง ชั้นหนังสือบางชั้นก็ถึงกับล้มลงไปกองกับพื้นเพราะแรงสั่นสะเทือน ทำให้ทั้งห้องสมุดเกิดความอลหม่านครั้งใหญ่
“บ้าจริง!” ผู้อาวุโสเว่ย แทบลมจับด้วยความพรั่นพรึงกับภาพที่เห็น
แกล้อฉันเล่นใช่ไหม?
รู้หรือเปล่าว่าการจัดระเบียบพวกแกมันยากขนาดไหน? แล้วตอนนี้ฉันจะทำอย่างไร?
“จะต้องมีใครสักคนสำเร็จความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบขั้นสูงแน่ หนังสือพวกนี้จึงโค้งคำนับเพื่อแสดงการยอมจำนน” ผู้อาวุโสเจียงหย่วนพึมพำ
“ผมรู้…แต่มันเรื่องอะไรต้องมาเกิดตอนที่ผมเพิ่งจัดหนังสือเสร็จด้วย!” ผู้อาวุโสเว่ยทึ้งผมอย่างคลุ้มคลั่ง
เห็นความอลหม่านที่เกิดขึ้นทั่วทั้งห้อง ผู้อาวุโสเจียงหย่วนถอนหายใจอย่างจนปัญญา “เอ่อ…แล้วคุณคิดจะพยายามจัดระเบียบมันอีกครั้งไหม? แต่…ช่างเถอะ ผมว่าคุณฆ่าตัวตายน่าจะดีกว่า!”
“….” ผู้อาวุโสเว่ย
…..
ที่บริเวณด้านหน้าประตูสูงใหญ่ซึ่งเป็นทางเข้าสำนักดาบเมฆเหิน ชาย 2 คนกำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ
พวกเขาคือผู้อาวุโสที่มีอายุราว 50 ปี
ผู้อาวุโสที่อยู่ทางซ้ายสวมเสื้อคลุมไหมและคาดเข็มขัดหยกไว้รอบเอว สายตาของเขาคมกริบ ดูเหมือนพร้อมจะเชือดเฉือนทุกสิ่งที่เข้ามาขวางทาง
ส่วนคนที่อยู่ทางขวามีรูปร่างตุ้ยนุ้ย รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้า ดูเป็นคนที่เข้ากับใครๆได้ง่าย
มิติที่อยู่ในมิติเบื้องบนนั้นแข็งแกร่งมั่นคงมาก ทำให้การบิดเบือนกฎเกณฑ์ของโลกเป็นเรื่องยาก ขนาดนักรบอมตะอย่างผู้อาวุโสลู่อวิ๋นก็ยังบินไม่ได้ แต่ชาย 2 คนนี้สามารถลอยตัวอยู่กลางอากาศ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาคือผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด
“ผู้อาวุโสเหอ คุณฝึกฝนวรยุทธที่นี่มากว่า 30 ปีแล้ว คุณทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบที่ผู้ก่อตั้งของเราทิ้งไว้ได้สำเร็จหรือยัง?” ผู้อาวุโสร่างตุ้ยนุ้ยถามยิ้มๆ
“การทำความเข้าใจเจตนาเพลงดาบของผู้ก่อตั้งของเรามันจะง่ายดายแบบนั้นได้อย่างไร?” ผู้อาวุโสเหอส่ายหน้า “เหตุผลที่ผมเลือกฝึกฝนวรยุทธที่นี่ก็เพราะต้องการใช้เจตจำนงเพลงดาบของผู้ก่อตั้งมาบ่มเพาะจิตวิญญาณของผม รวมถึงขัดเกลาเจตจำนงเพลงดาบของผมด้วย…”
“นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ยังไม่มีใครที่เก่งกาจเทียบชั้นกับผู้ก่อตั้งของเราได้เลย…” ผู้อาวุโสร่างตุ้ยนุ้ยพยักหน้า
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ก็พลันตาโตด้วยความตกใจ เขารีบเงยหน้ามองดาบเล่มใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า
ครืนนนนน!
ดาบนั้นเริ่มสั่นสะท้านไม่หยุด ดูเหมือนมันพร้อมจะพุ่งขึ้นสู่กลางอากาศเพื่อฟาดฟันสวรรค์ได้ทุกขณะ ในเวลาเดียวกัน ประตูสูงตระหง่านก็เริ่มสั่นสะท้าน ดูเหมือนใกล้พังทลายเต็มที
ผู้อาวุโสทั้งสองหรี่ตาด้วยความตกตะลึง
ดาบเล่มมหึมานี้คือสัญลักษณ์ของเกียรติยศและความยิ่งใหญ่ของสำนักดาบเมฆเหิน หากมันพังทลาย พวกเขาคงกลายเป็นตัวตลกให้อีก 5 สำนักใหญ่หัวเราะเยาะ!
“มันคือเจตจำนงเพลงดาบ…ดูเหมือนเจตจำนงเพลงดาบของผู้ก่อตั้งของเราจะรับรู้อะไรได้บางอย่าง…” ผู้อาวุโสกําหมัดแน่น
“เป็นไปได้ด้วยหรือที่เจตจำนงเพลงดาบของผู้ก่อตั้งของเราจะรับรู้อะไรได้บางอย่าง?” ผู้อาวุโสร่างตุ้ยนุ้ยถึงกับผงะ จากนั้นเขาก็ตัวแข็งทื่อขณะพึมพำ “เวรแล้ว…”
“โครมมม!”
ดาบเล่มมหึมาที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาดูจะสูญเสียการทรงตัวอย่างฉับพลัน มันล้มลงไปกองกับพื้น
ดาบเล่มที่อยู่บริเวณทางเข้านี้ไม่ใช่ดาบจริงๆ มันทำจากหินแกรนิตกับคอนกรีตผสานกัน เหตุผลที่มันยืนยงมาได้ตลอดหลายพันปีก็เพราะมีเจตจำนงเพลงดาบของผู้ก่อตั้งรักษามันไว้
แต่เมื่อเจตจำนงเพลงดาบของผู้ก่อตั้งเกิดการสั่นไหวอย่างหนัก ดูเหมือนพร้อมระเบิดได้ทุกขณะ โครงสร้างมหึมาแต่ละเอียดอ่อนนั้นจึงสูญเสียการทรงตัวไป
เมื่อดาบล้มลงไป ประตูขนาดใหญ่ก็ดูจะหมดความอดทนและพังทลายลงมา หินทุกขนาดมากมายนับไม่ถ้วนร่วงลงสู่พื้นโลก เกิดเป็นหลุมบ่อหลุมแล้วหลุมเล่า
ในเวลาเดียวกัน เมื่อโครงสร้างพังทลาย เจตจำนงเพลงดาบที่อยู่ภายในดาบเล่มมหึมานั้นก็พุ่งออกไปไกลแสนไกลและหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
“มันเกิดบ้าอะไรขึ้นมา?”
เห็นซากปรักหักพังและฝุ่นผงฟุ้งกระจาย ผู้อาวุโสทั้งคู่แทบคลุ้มคลั่ง
ดาบอันทรงเกียรติและประตูภูเขายิ่งใหญ่ที่สำนักดาบเมฆเหินของเราแสนภาคภูมิใจ…ถูกทำลายง่ายๆแบบนี้หรือ?
….
“อะไรกัน? ทำไมยังไม่ได้เรื่องอีก”
จางเซวียนงัดเอาเจตจำนงเพลงดาบทุกรูปแบบที่เขาเคยพบเจอในชีวิตออกมาใช้ จากนั้นก็เฝ้าดูการปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบที่อยู่ตรงหน้า แต่มันก็ยังไปไม่ได้ไกลเกินกว่า 1 เมตร ทำให้เขา หงุดหงิดและท้อใจจนหัวสมองแทบระเบิด
เขาคือผู้เชี่ยวชาญศิลปะเพลงดาบผู้โด่งดังในทวีปแห่งปรมาจารย์นะ!
ถ้าใครรู้ว่าเขาทำได้เพียงเมตรเดียว คงอับอายขายหน้าจนตายไปข้าง!
จางเซวียนท้อใจจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่
“ช่างเถอะ เราคงทำได้แค่นี้…” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่และกำลังจะถอนเจตจำนงเพลงดาบกลับคืน ก็พอดีกับที่มีภาพพร่าเลือนภาพหนึ่งแวบเข้ามาในสายตา